จีนแห่ซื้อบ้านหรูใกล้ ร.ร.อินเตอร์ | ก่อสร้างและที่ดิน

เดิมคาดกันว่า หลังจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สงบอย่างน้อยอีกประมาณ 2 ปี คนจีนจากแผ่นดินใหญ่จึงจะเดินทางออกมาท่องเที่ยวต่างประเทศเหมือนปกติ

แม้รัฐบาลจีนจะเปิดทางให้เดินทางออกมาเที่ยวได้สะดวก คนจีนส่วนใหญ่ก็ยังต้องใช้เวลาตั้งหลักเป็นปีเพื่อปรับสภาพจิตใจให้คุ้นเคย เพราะว่ากันว่า ชาวจีนกลัว วิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิดมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ชาติ

แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ปรากฏกระแสความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวระดับราคาสูง 10 ล้านบาทขึ้นไปในโครงการบ้านจัดสรรหรูที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยจากชาวจีนเป็นจำนวนมาก

สาเหตุสืบเนื่องจากมีรายงานข่าวว่า รัฐบาลจีนปัจจุบัน มีนโยบายจะปิดโรงเรียนนานาชาติที่เปิดดำเนินการในประเทศจีน ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาตั้งแต่ยุค “เติ้ง เสี่ยวผิง” เปิดประเทศ ที่ยังต้องการให้ลูกเรียนรู้ภาษาวัฒนธรรมต่างประเทศ มีแผนย้ายโรงเรียนลูกให้มาเรียนโรงเรียนนานาชาติที่เปิดการเรียนการสอนในประเทศไทย

ประเทศไทยอยู่ใกล้ประเทศจีน คนไทยมีความรู้สึกเป็นมิตรที่ดี ยินดีต้อนรับคนจีน อาหาร ผลไม้อร่อย และมีโรงเรียนนานาชาติเปิดให้บริการอยู่จำนวนมากพอสมควร จึงกลายเป็นเป้าหมายที่พ่อแม่ผู้ปกครองชาวจีนจะย้ายลูกหลานมาเรียน

และที่ต้องมีการซื้อบ้านเดี่ยวระดับราคาแพงใกล้โรงเรียนนานาชาติด้วยนั้น เนื่องจากเดิมคนจีนที่มีฐานะร่ำรวยก็มีความต้องการมีทรัพย์สินโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ไว้ในต่างประเทศอยู่แล้ว เมื่อมีความประสงค์จะส่งลูกมาเรียน จึงมีแผนให้ปู่ย่าหรือตายายมาอยู่ดูแลหลานใกล้ชิดที่ประเทศไทยด้วย

 

ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินปริมาณความต้องการส่งลูกหลานมาเรียนโรงเรียนนานาชาติในไทยของชาวจีน ซึ่งจะมีผลต่อการซื้อบ้านเดี่ยวโครงการราคาแพงย่านใกล้โรงเรียนนานาชาติได้ชัดเจน แต่จากกระแสการสอบถามติดต่อ ไปจนถึงการต่อรองราคาก็มีจำนวนพอสมควรแล้ว คาดว่าถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองคนจีนมีแนวคิดคล้ายๆ กันนี้ในแต่ละเมืองแต่ละมณฑล รวมแล้วก็น่าจะมีจำนวนมากพอสมควรทีเดียว

หากรัฐบาลปรับนโยบายรองรับและดึงดูดแนวโน้มดังกล่าวนี้ด้วย ย่อมก่อประโยชน์ได้มหาศาล

ที่จริงแล้ว ตั้งแต่กลางปี 2564 คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 (ศบศ.) ได้เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยให้สิทธิต่างชาติ 4 กลุ่มซื้อ-เช่าอสังหาฯ ถือครองที่ดิน ได้สิทธิลดหย่อนภาษี ได้แก่ (1) กลุ่มคนมั่งคั่งสูงใช้ชีวิตหลายประเทศ (2) กลุ่มคน Digital nomad (3) กลุ่มคนทักษะพิเศษสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (4) กลุ่มคนที่เกษียณอายุจากต่างประเทศ

ฉะนั้น ถ้าเพิ่มอีก 1 กลุ่ม เป็นกลุ่มคนที่ต้องการให้ลูกหลานมาเรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยอีกข้อก็จะรองรับได้พอดี

กลัวอยู่อย่างเดียว กลัวว่า มติ ศบศ.ตั้งแต่มิถุนายน 2565 ไม่รู้ว่าเวลานี้มีความคืบหน้าถึงไหนแล้ว การจะเพิ่มอีก 1 ข้อจะตีความเรื่องนี้กันอย่างไร ใช้เวลาอีกเท่าไหร่

เกรงกว่าจะเสร็จตลาดก็วาย หมดความต้องการไปก่อน •