รายงานพิเศษ/เก็บตก “บิ๊กป้อม” ไปลอนดอน สกัด “ยิ่งลักษณ์” หา “ปู”? เปิดลับภารกิจ “บิ๊กเบี้ยว” กับมิชชั่นพิเศษ “บิ๊กแดง” ส่องยังเติร์ก ตท.21

รายงานพิเศษ

เก็บตก “บิ๊กป้อม” ไปลอนดอน

สกัด “ยิ่งลักษณ์” หา “ปู”?

เปิดลับภารกิจ “บิ๊กเบี้ยว”

กับมิชชั่นพิเศษ “บิ๊กแดง”

ส่องยังเติร์ก ตท.21

ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่การไปอังกฤษของ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เมื่อ 12-15 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา จะถูกตั้งข้อสงสัยว่าไปพบเจรจากับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่

เพราะเป็นการไปอังกฤษครั้งแรก หลังจากการหลบหนีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และมีเป้าหมายที่จะขอลี้ภัยทางการเมืองในประเทศอังกฤษ อีกถิ่นพำนักหนึ่งของนายทักษิณ

ท่ามกลางความเคลือบแคลงที่ว่า คสช. เปิดทางให้หนี หรือช่วยให้หนี เพราะมีดีลพิเศษในทางการเมืองกันหรือไม่ แม้แกนนำ คสช. ทั้งบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร จะเรียงแถวยืนยัน ไม่มีสมยอม ไม่มีดีล และเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หนีไปด้วยการวางแผนที่แนบเนียน ยาวนานก็ตาม

อีกทั้งแผนเดิมของ พล.อ.ประวิตร ก็จะเดินทางไปด้วยเครื่องบินส่วนตัวของนักธุรกิจไทยที่สนิทสนม แต่เพราะเกรงถูกมองว่าโยงเรื่องฐานอำนาจทางการเมือง และพรรคนอมินีทหาร จึงทำให้ พล.อ.ประวิตร เดินทางด้วยการบินไทย

ทั้งนี้ก็เพื่อพา พล.อ.ประวิตร ไปดูแลเทกแคร์ พักผ่อน ก่อนที่จะเข้าสู่ตารางงานที่กลาโหมอังกฤษกำหนดไว้ให้

แต่ทีมงานที่ไปกับบิ๊กป้อมตั้งแต่วันแรก ตี 1 วันที่ 11 กันยายน 2560 ยืนยันว่า ไม่ได้พบเจอนายทักษิณ “จะไปเจอกันทำไม ไม่มีอะไรจะคุยแล้ว เขาคงอยากมาเจอ แต่เราเจอไม่ได้ เพราะถ้าเจอ เราก็พัง”

แต่ที่ถูกจับตาว่ามีอะไรพิเศษหรือไม่ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ส่ง บิ๊กเบี้ยว พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ไปด้วย

ที่สำคัญคือ ไปเป็นส่วนล่วงหน้าไปก่อนด้วย จึงทำให้ถูกมองทั้งแง่ที่ว่า ไปเตรียมสกัดการขอลี้ภัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งหาข่าวความเคลื่อนไหว

รวมทั้งในแง่ที่ว่า จะต้องไปเจรจาตกลงใดๆ เพื่อความสงบสุขของประเทศ และการเมืองหลังการเลือกตั้งนั่นเอง

แต่ทว่า ทุกอย่างถูกปฏิเสธจากฝ่าย พล.อ.ประวิตร ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับนายทักษิณ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์

แต่ทว่า ผลพวงครั้งนี้ ก็ทำให้ภาพพจน์ของรัฐบาลทหารดูดีขึ้น ในแง่ที่ว่า กลาโหมอังกฤษ ก็ยังเชิญคีย์แมนไปเยือน แถมเจรจาความเมือง ความมั่นคงขนานใหญ่ จนนำมาซึ่งการฝึกร่วมครั้งแรกของ ทบ.ไทย-อังกฤษ Panther Gold เริ่มตุลาคมนี้

แถมทั้งอังกฤษเองก็รู้ดีว่า พล.อ.ประวิตร เป็นพี่ใหญ่ในรัฐบาลและ คสช. และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของกองทัพ จึงเชิญบิ๊กป้อมไปเดินชมงานนิทรรศการอาวุธ

แต่ทั้งหมดนี้ ว่ากันว่า มี บิ๊กเบี้ยว พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เป็นคีย์แมนคนสำคัญในการกรุยทางให้บิ๊กป้อม

งานนี้ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ส่ง พล.อ.ฉัตรเฉลิม ไปเตรียมการให้ พล.อ.ประวิตร ทั้งการเดินทางไปล่วงหน้า และร่วมทุกวงประชุม

ถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งพิเศษแต่งตั้งให้ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เป็น Special Envoy ทูตพิเศษของนายกรัฐมนตรี สำหรับประเทศอังกฤษโดยเฉพาะ

ที่เชื่อกันว่า มีภารกิจนอกเหนือจากเรื่องงานของบิ๊กป้อม แต่มีภารกิจแฝงในการหาเบาะแสของอดีตนายกฯ ปู และการสกัดแผนการลี้ภัยด้วย

บิ๊กตู่เคยแต่งตั้งบิ๊กเบี้ยวให้เป็นทูตพิเศษด้านสหรัฐอเมริกามาแล้วตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อทำหน้าที่ในการเคลียร์ทาง ประสาน ในการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาทุกครั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จนถึงการจะเดินทางไปตามคำเชิญของประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนตุลาคมนี้

หน้าที่สำคัญอีกอย่างของ พล.อ.ฉัตรเฉลิม คือ การตรวจร่างคำกล่าวสุนทรพจน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ฉบับที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ล่ามอ่านตามแปลนั้น รวมถึงการตรวจร่างเอกสารต่างๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปลงนามในต่างประเทศด้วย

โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่มาเป็นรัฐบาล ที่ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจใคร แต่ก็กลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ที่เป็นเครือข่ายกลุ่มอำนาจเก่า วางยา จึงต้องให้บิ๊กเบี้ยวตรวจทั้งหมด

รวมถึงการดีลกับสื่อต่างประเทศ ตั้งแต่หลังการรัฐประหาร ที่ พล.อ.ฉัตรเฉลิม จะเป็นตัวแทน คสช. ในการชี้แจงออกสื่อ ทั้งบีบีซีและซีเอ็นเอ็น

ด้วยความที่ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เป็นเสมือนทีมมันสมองส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. เพราะบิ๊กเบี้ยวเป็น รอง เสธ.ทบ. โดยเฉพาะตอนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ที่ก็ถือว่าเป็นคีย์แมนคนสำคัญคนหนึ่งใน คสช. ที่ช่วย พล.อ.ประยุทธ์ คิดแผนการดูแลประเทศต่อจากนั้น แนวคิดโมเดลและมายด์แม็ปต่างๆ

หลังการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และตั้ง บิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. เป็น ผบ.ทบ. แทนตนเอง แล้วให้ พล.อ.ฉัตรเฉลิม ขึ้นเป็น เสธ.ทบ. แม้ในเวลานั้น พล.อ.อุดมเดช อยากจะได้ บิ๊กน้อย พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ เพื่อนรัก ตท.14 เป็น เสธ.ทบ. คู่ใจก็ตาม

นั่นจึงสะท้อนความสำคัญของ พล.อ.ฉัตรเฉลิม ในสายตา พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อยมา

จึงไม่แปลกที่ผ่านมาจะมีชื่อ พล.อ.ฉัตรเฉลิม ชิงเก้าอี้รัฐมนตรีเสมอๆ ในการปรับ ครม.

เพราะนอกจากเป็นน้องสายทหารม้า เตรียมทหาร 15 ของบิ๊กตู่แล้ว ยังมีดีกรีของอดีต ผช.ทูตทหารบก ประจำเยอรมนี นอกเหนือจากที่จบจากออสเตรเลีย

แต่ที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็เลือกที่จะมอบหมายหน้าที่ทูตพิเศษของนายกรัฐมนตรี ให้บิ๊กเบี้ยว พร้อมกับตั้งให้เป็นประธานบอร์ด อสมท และประธานบอร์ดการยางแห่งประเทศไทย

แต่ในหมู่นายทหารในกองทัพบก ในสายกรมยุทธการทหาร และทหารม้า ต่างเรียกขานกันว่า พล.อ.ฉัตรเฉลิม เป็นเสมือน รมว.ต่างประเทศส่วนตัวของบิ๊กตู่

เพราะหลายเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้การทำงานแบบทหาร โดยมอบหมายเงียบๆ ให้ พล.อ.ฉัตรเฉลิม ไปทำ โดยที่กระทรวงการต่างประเทศยังไม่รู้ เพราะหลายเรื่อง พล.อ.ฉัตรเฉลิม ใช้ช่องทางทางการทหาร สายสัมพันธ์ที่มีอยู่ในการกรุยทาง โดยมีสถานภาพทูตพิเศษประจำนายกรัฐมนตรี เป็นใบเบิกทาง

แต่ก็ไม่แน่ว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งบิ๊กเบี้ยวไปประกบบิ๊กป้อมที่อังกฤษ ก็เพื่อบล๊อกไม่ให้ พล.อ.ประวิตร ไปพบเจอใครบางคนด้วยหรือไม่ เพราะรู้กันดีว่า จะส่งผลให้รัฐบาล คสช. พังครืนลงได้

สไตล์การทำงานแบบนายกฯ ทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องมีมือทำงานส่วนตัวแบบงานลับๆ แม้แต่ “ลับ” ในหมู่คนกันเองก็ตาม

นี่จึงทำให้มีการจับตามองไปที่บิ๊กแดง ว่าที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ขยับจากแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น ผช.ผบ.ทบ. น้องรักสายวงศ์เทวัญของนายกฯ ที่ถือเป็นมือทำงานของนายกฯ มาตลอด เวลาที่เป็น ผบ.หน่วยคุมกำลัง

เพราะเมื่อขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. แล้ว ถือว่าไม่ได้คุมกำลัง แต่ก็จับตามองกันว่า ระหว่างบิ๊กแดง กับบิ๊กอ้อม ว่าที่ พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน แล้ว ใครจะได้ดูแลสายงานไหน

เพราะงานหลักๆ นั้น บิ๊กเล็ก ว่าที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสธ.ทบ. เพื่อน ตท.20 ของบิ๊กแดง ก็จะดูแลทั้งหมด

แต่สายงานส่งกำลังบำรุง (กบ.) ที่ถือว่าเป็นสายงานสำคัญในการจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์นั้น ใครจะได้ดูแล เพราะเป็นสายงานที่ดูเหมือนว่า ใครๆ ก็อยากดูแล เพราะเป็นหัวใจสำคัญของ ทบ.

ที่คาดกันว่าบิ๊กแดงจะได้เป็น ผช.ผบ.ทบ. ที่ดูด้านการส่งกำลังบำรุง แม้จะเป็นนายทหารสายคอมแมนด์มาตลอดก็ตาม

ส่วน ว่าที่ พล.อ.วีรชัย จะดูแลสายงานกำลังพล และกิจการพลเรือน ในฐานะที่เป็น ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ที่ทำงานมวลชน และงานกิจการพลเรือนได้ดี

แต่ในฐานะที่ ว่าที่ พล.อ.อภิรัชต์ รับผิดชอบงานสำคัญในสายกำลังรบมาตลอด จึงมีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้มอบหมายให้ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) แต่งตั้ง และมอบหมายงานพิเศษให้ ว่าที่ พล.อ.อภิรัชต์ ด้วย

ด้วยเพราะทำงานในสายบู๊มาตลอดหลายปี ตั้งแต่เป็น ผบ.ร.11 รอ. เรื่อยมา จนเป็น ผบ.พล.1 รอ. และแม่ทัพภาคที่ 1 เรียกได้ว่า เป็นนักบู๊มาตลอด ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรงมาต่อเนื่อง

ทั้งนี้ก็เพื่อให้ ว่าที่ พล.อ.อภิรัชต์ มีความต่อเนื่องในการดูแลสถานการณ์บ้านเมือง ความสงบเรียบร้อยต่อด้วย

เพราะเมื่อขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. ว่าที่ พล.อ.อภิรัชต์ ก็จะต้องสานต่อการทำงานแบบราบรื่นไร้รอยต่อ ในเรื่องการดูแลความสงบเรียบร้อย เพราะ ในปลายปี 2561 คสช. จะยังคงอยู่ เพราะยังไม่ชัดเจนว่าจะเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่

ในขณะที่ใน บก.กองทัพไทย ก็เริ่มส่องกล้องมองไกลแล้วว่าใครจะเป็นทายาทรุ่นต่อไป

หลังจากที่ บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ (ตท.17) จะขยับขึ้นจากเสนาธิการทหาร เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด แต่ก็เป็นแค่ 1 ปี ก็จะเกษียณกันยายน 2561

หากเป็นไปตามแผนของ บิ๊กปุย พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่ได้วางตัวเอาไว้ ก็จะมี บิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี (ตท.18) ที่ขยับจากรอง เสธ.ทหาร เป็นเสนาธิการทหาร จ่อไว้แล้วนั้น ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ต่อ โดยมีอายุราชการถึงกันยายน 2563 เรียกได้ว่า นั่ง 2 ปี กำลังสวย

แม้ว่าจะเกิดความกังวลของบรรดานายทหารในกองทัพไทย ว่า โยกย้ายตุลาคมปีหน้า บิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกลาโหม หรือ บิ๊กอ้อม พล.ท.วีรชัย อินทุโศภน ที่ตอนนั้นเป็น ผช.ผบ.ทบ. น้องรักบิ๊กป้อม จะข้ามมาเสียบเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ก็ตาม

แต่ทหารทัพไทย ยังคงเชื่อมั่นว่า จะไม่ถูกใครข้ามห้วยมาเสียบยอด และคาดหวังว่า บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ และอดีต ผบ.ทหารสูงสุด จะยังช่วยเจรจาต่อรองให้ได้ ในฐานะเพื่อนเตรียมทหาร 12 ของ พล.อ.ประยุทธ์

อย่างไรก็ตาม ที่ บก.ทัพไทย ก็พอจะเห็นแล้วว่า ใครที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในอนาคต ที่ส่วนใหญ่จะออกแนวอินเตอร์

โดยโฟกัสกันที่เตรียมทหารรุ่น 21 นำโดย บิ๊กโป๊ป พล.ท.ชัชชัย ภัทรนาวิก ผบ.ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ผบ.ศตก.) ที่เส้นทางเดินไม่ธรรมดา จากทหารวงศ์เทวัญ ร.1 พัน 2 รอ. และร้อยลาดตระเวนระยะไกล พล.1 รอ. อดีตผู้ช่วยทูตทหารบก ประจำกรุงมอสโก รัสเซีย แถมทั้งจบวิทยาลัย เสธ.ทหาร เยอรมนี และ วปอ.ฝรั่งเศส

ที่สำคัญคือ เป็นน้องรักของ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพราะบิ๊กโป๊ปก็เคยเป็น ผบ.ร้อยลาดตระเวนระยะไกลของ พล.ร.2 รอ. ด้วย

นอกจากนี้ ยังมี เสธ.โจ้ ว่าที่ พล.ท.ณตฐพล บุญงาม ที่ขึ้นมาเป็นเจ้ากรมข่าวทหาร ที่ก็ถือว่าเข้าไลน์ แถมมีดีกรี อดีต ผช.ทูตทหารบก ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2565

ส่วนอีกคนที่มองข้ามไม่ได้ เพราะมากับความเงียบ คือ เสธ.กวาง พล.ท.สัณทัศน์ นนทิภาคย์หิรัญ รอง ผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2566 เลยทีเดียว

เสธ.กวาง เป็นอดีตนายทหารเสือราชินี น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ เคยอยู่ ร.21 รอ. ด้วยกัน ก่อนที่จะข้ามมาอยู่ ร.1 พัน 4 รอ. ของ พล.1 รอ. อยู่ในสายวงศ์เทวัญ ก่อนที่บิ๊กตู่จะดึงมาช่วยงานตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จนเป็น ผบ.ทบ.

ในส่วนความหวังของ ตท.21 ที่ ทบ. ก็มี บิ๊กแก้ว ว่าที่ พล.ท.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.พล.ม.2 รอ. ที่ขึ้นมาเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ที่ถือว่าเข้าไลน์ และที่สำคัญคือ มีอายุราชการถึงกันยายน 2566 และเป็นความหวังของเหล่าทหารม้า

และมี ว่าที่ พล.ท.สุนัย ประภูชะเนย์ ที่ขึ้นมาเป็น ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ดาวเด่นในสายหมวกแดงรบพิเศษ ที่แม้อาจจะไม่ถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ. แต่มีอายุราชการถึงกันยายน 2563 ก็ลุ้นถึงห้าเสือ ทบ. แต่ถ้าขึ้น 5 เสือ ทบ. ในปลายปี 2561 เลย อะไรมันก็ไม่แน่

แม้ว่า ว่าที่ พล.อ.อภิรัชต์ ตัวเต็ง ผบ.ทบ.คนต่อไป จะมีอายุราชการถึงกันยายน 2563 ก็ตาม แต่หากเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง ทุกคนก็ย่อมมีสิทธิ์

โผโยกย้ายจะมีผล 1 ตุลาคม 2560 แต่ในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่อเค้าอยู่ยาวเช่นนี้ ก็ต้องมองข้ามช็อต มองอะไรยาวๆ รองรับไว้เช่นกัน

โดยเฉพาะกองทัพที่จะเป็นฐานอำนาจให้บิ๊กตู่ ว่าจะอยู่ยาวได้จริงหรือไม่ ด้วยนั่นเอง