นายกฯ สำรอง/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

นายกฯ สำรอง

 

หลังสภาผู้แทนราษฎรเปิดประชุมประจำปี ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2565 ตรงกับวันทำศึกเลือกตั้งชิงผู้ว่าฯ กทม.พอดิบพอดี มี “เรือใบ” โรยรอเจาะยางรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อยู่เกลื่อนถนน ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “มีมารผจญ” ไม่มีใครบอกอะไรใครได้ว่า จะโดนดอกไหน รถยี่ห้อบุโรทั่งขบวนนี้จะจอดป้าย ตายสถานีไหน

ก้าวข้าม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี เจอกับดัก “ศึกซักฟอก” ซึ่งฝ่ายค้านข่มขวัญตั้งแต่ไก่โห่ว่า จะเปิดคอร์สด้วยอาวุธหนัก กับญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามช่องทางแห่งมาตรา 151

อาจจะทอดกฐินสามัคคี มุ่งกระแทกกลาง ซักฟอกเฉพาะเจาะจง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” คนเดียวโดดๆ หากยังหนังเหนียวรอดปาฏิหาริย์ได้อีก ก็ต้องเผชิญกับปมประเด็น “วาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมกันแล้ว 8 ปีมิได้” ที่จะครบวาระ เข้าเกณฑ์สมบูรณ์ในวันที่ 24 สิงหาคม

ด้วยเหตุและปัจจัยสารพัดดังกล่าว ทำให้ “คนกันเอง” หยั่ง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เก็บอาการไว้ในส่วนลึกสุดไม่อยู่

เต้าโผล่ตูดแพลม ทำอะไรแปลกๆ แผลงๆ อาทิ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีลูกข่ายไปขึ้นคัตเอาต์โชว์หล่อเป็นศิลปินเดี่ยวเต็มพื้นที่อีสาน มุ่งสร้างกระแสเพียงลำพัง กอปรกับพรรคในเครือข่ายที่แตกตัวไปจากพลังประชารัฐกับพรรคขนาดเล็ก ออกมาวีนหนัก “ผิดปกติ”

เซียนการเมืองมองขาดทะลุแก่นว่า “ลุงป้อม” แกยืนค้ำถ่อให้ “น้องตู่” เหยียบบ่า ยืนยงคงกระพันบนศูนย์อำนาจมายาวนาน อย่างอดทน เงียบเชียบ ตัวเองเสียสละรอชะตามาจนเหงือกแห้ง เหลือเสื้อไม่กี่ตัวแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ “มังกรตัวจริง” ผงาดเสียที

เมฆหมอกที่ปกคลุมบ้านป่ารอยต่อฯ จะม้วนหางจางหาย ได้ขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งตัวจริงกะเขาสักที คิดสะระตะแล้ว ก็สนุกดีนะเรื่องแบบนี้ กรณีที่ “พล.อ.ประยุทธ์” โดยเรือใบดอกหนึ่งดอกใดเจาะยางแตก เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง “พล.อ.ประวิตร” มีสิทธิ์คว้าพุงปลามัน อย่างน้อยๆ ก็ “นายกฯ สำรอง” ชัวร์ป้าบ ตามคำบอกกล่าวเล่าสิบของ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ที่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า

หาก “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ต้องพ้นจากตำแหน่ง กรณีเกิดมีคำวินิจฉัยการดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี ตกเก้าอี้ บุคคลที่จะเป็นนายกฯ รักษาการ ต้องเป็นไปตามลำดับที่เรียงกันไว้ คนแรกคือ “พล.อ.ประวิตร” คนที่สองคือตน

เท่ากับว่า หาก “พล.อ.ประยุทธ์” มีอันเป็นไปในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานขณะนี้ “พล.อ.ประวิตร” ต้องเป็นนายกรัฐนตรีรักษาการตามลำดับไหล่ที่เรียงกันไว้ โดยที่ขอบเขตอำนาจมีท่วมท้นล้นเหลือ สามารถยุบสภาได้ แต่ไม่มีใครนำมาปฏิบัติ

“บิ๊กป้อม” นั่งนายกฯ รักษาการได้ในเวลาจำกัด ภายใน 3-7 วัน “นายชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ต้องเรียกประชุมเพื่อจัดให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เหมือนครั้งที่ผ่านมา

 

การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ “เงื่อนไขแรก” เป็นไปตามกลไก “บทเฉพาะกาล” แห่งมาตรา 272 ที่ระบุว่า “ในระหว่างห้าปีแรกนับตั้งแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญ 2560 การให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา 159 เว้นแต่การพิจารณาเห็นชอบตามมาตรา 159 วรรคหนึ่ง ให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา และมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 159 วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ทั้งสองสภาเข้าชื่อขอให้รัฐสภายกเว้น เพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88

ทีนี้ตามไปดู “บัญชีรายชื่อ” ที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ที่เหลืออยู่

ประกอบด้วย 1. “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้ออกจากถ้ำมาโชว์วิสัยทัศน์ ขณะที่ต้นสังกัดเก่าชุลมุนชุลเกหนัก ไม่รู้จะเกี่ยวกับ “นายกฯ สำรอง” อะไรหรือไม่ประการใด

2. “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 3. “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” 4. “นายชัยเกษม นิติสิริ” จากบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หากพิจารณา วิเคราะห์ตามความเป็นจริง คงยาก พูดสนุก เอาเพลินได้เท่านั้น

5. “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ-รมว.สาธารณสุข ขานี้ซิเคยสะท้อนผ่านเนื้อที่ตรงนี้มาหลายรอบแล้วว่า หาก “บิ๊กตู่” ตกบัลลังก์แชมป์ มีโอกาสขึ้นลิฟต์มากที่สุด ในฐานะบัญชีรายชื่อของภูมิใจไทย

ทั้ง 5 นายกฯ สำรอง “เสี่ยหนู” ตีนตุ๊กแกอยู่ในไลน์เพียงผู้เดียว นอกนั้นหลุดเฟรมกันทั้งหมด

กรณี “ช่องทางที่ 1” อุดตัน โหวตนายกฯ จากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามาตรา 88 มิได้ ต้องใช้บริการ “วรรค 2” ของมาตรา 272 จะเป็น “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หรือจะมาจากกระบอกไม้ไผ่ไหนก็ได้

แต่ต้องดำเนินการตามมาตรา 156 คือพิจารณาให้ความเห็นชอบให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา ด้วยมติคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

สภาล่าง คือสภาผู้แทนราษฎร จำนวนฝักถั่ว 500 เสียง บวกด้วยสภาบน หรือวุฒิสมาชิก 250 คน

รวมกันแล้ว จำนวนเต็ม 750 เสียง

ตามไฟต์บังคับ ในความเป็นจริง ทางปฏิบัติยากมากพอๆ กับดึงรถไฟขึ้นภูเขา

แต่คนชื่อ “บิ๊กป้อม” ต้นทุนสูง มีอำนาจบารมีในกลุ่มวุฒิสมาชิก ที่ส่วนหนึ่งตั้งมาเองกับมือ

รวบรวมพันธมิตร หาแนวร่วมจากพรรคการเมือง โดยเฉพาะผนึกพรรคร่วมในขณะนี้ให้อยู่ในอาณัติได้

“พล.อ.ประวิตร” อาจจะตะกายดาวเป็นเบอร์ 1 ตึกไทยคู่ฟ้าแทน “น้องตู่” ได้

เวลานอนหลับฝันดี มันก็สนุกอย่างนี้แล (ฮา)