แมลงวันในไร่ส้ม/กลุ่มนักข่าวฮือเข้าชื่อ จี้ “สมาคมนักข่าวฯ” สอบปมฉาว “คนดัง” สื่อ

นายมงคล บางประภา

แมลงวันในไร่ส้ม

กลุ่มนักข่าวฮือเข้าชื่อ จี้ “สมาคมนักข่าวฯ”

สอบปมฉาว “คนดัง” สื่อ

เป็นข่าวฮือฮาไปทั่ววงการ เมื่อมีข่าวว่า คนดังในวงการสื่อนายหนึ่ง มีพฤติกรรมกับหญิงสาวในที่ทำงานเดียวกัน จนหญิงสาวดังกล่าวลาออกจากงาน

ข่าวแพร่สะพัดไป พร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และคาดเดาว่า บุคคลดังกล่าวเป็นใคร และมีรายละเอียดพฤติกรรมอย่างไร

โดยเฉพาะในกลุ่มนักข่าวภาคสนาม ที่ส่วนมากเป็นคนหนุ่มคนสาว และมีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลในระหว่างการทำงาน

จากงานในภาคสนาม เข้าไปสู่โซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับการติดต่อระหว่างคนทำงานข่าว

วันที่ 10 กันยายน เฟซบุ๊ก Hathairat Phaholtap ได้โพสต์หนังสือของกลุ่มนักข่าวภาคสนาม เรียกร้องให้องค์กรวิชาชีพสื่อตั้งกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้บริหารองค์กรสื่อคุกคามทางเพศลูกจ้าง

หนังสือระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผู้บริหารองค์กรข่าวแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศลูกจ้างสาว โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่จนทำให้ลูกจ้างรายนั้นต้องลาออกจากองค์กร เพราะไม่สามารถทนกับพฤติกรรมของผู้บริหารคนนั้นได้

เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสื่อมวลชนโดยรวม เพราะพฤติกรรมดังกล่าวขัดต่อจริยธรรมและคุณธรรมอันเป็นพื้นฐานของวิชาชีพ

หากมีการคุกคามทางเพศในองค์กรสื่อจริง ถือเป็นเรื่องที่นำความเสื่อมเสียและส่งผลต่อการเป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบ สะท้อนความไม่ปกติในสังคมของสื่อมวลชนและยังเป็นการทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ถูกกระทำ

กลุ่มนักข่าวภาคสนามที่มีรายนามแนบท้ายต่อไปนี้ จึงขอเรียกร้องให้องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ดำเนินการตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยคณะกรรมการจะต้องมีความเป็นกลางและทำงานอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ เพื่อสร้างความประจักษ์และเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม

โดยมีผู้สื่อข่าว 18 คนร่วมลงชื่อท้ายหนังสือ

น.ส.หทัยรัตน์ พหลทัพ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อยากให้สมาคมทุกสมาคมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ที่ล่ารายชื่อกันก็อยากให้มีการเปิดเผยข้อมูล และดำเนินการตรวจสอบกันจริงจัง โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศหรือการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเรามองว่า ไม่ว่าจะทางกายหรือทางวาจาก็ไม่ควรเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม วันนี้ทางสมาคมเขาก็ได้มีการประชุมกัน ดังนั้น เมื่อเขามีแอ๊กชั่นแบบนี้ ในส่วนของเราก็คงจะมีการผ่อนคลาย

เพราะเป้าหมายของเราคืออยากให้เพื่อนๆ สื่อมวลชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นร่วมกันในประเด็นนี้ด้วย

และเห็นว่าควรจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการที่เป็นอิสระ โดยเป็นคนนอก เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความไม่เป็นกลาง

และเพื่อให้เกิดความโปร่งใส

วันเดียวกันนั้นเอง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เรียกประชุมกรรมการ และอดีตนายกสมาคม โดยสรุปผลว่า เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้

นายมงคล บางประภา เลขาธิการสมาคมนักข่าวฯ เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าผู้บริหารองค์กรสื่อแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศพนักงานในสังกัด จนทำให้ต้องลาออกจากองค์กรและเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง กระทบต่อปัญหาจริยธรรมและคุณธรรมอันเป็นพื้นฐานของวิชาชีพสื่อมวลชนโดยรวม และภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนนั้น

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยมีความห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น และได้หารือเบื้องต้นให้มีการตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงจากผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเป็นข้อมูลพื้นฐานให้สมาคมนักข่าวฯ พิจารณาดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตาม เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามสื่อออนไลน์มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการอ้างถึงข้อความหรือ “โพสต์” ของ นายสุเมธ สมคะเน กรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และประธานสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทยนั้น

นายสุเมธได้ชี้แจงว่า ข้อเขียนดังกล่าวเป็นข้อเขียนที่เกิดจากการศึกษารวบรวมข้อมูลปัญหาคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในหลายองค์กรสื่อของสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ซึ่งมีการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้ที่เคยเป็นผู้เสียหายหลายกรณีมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560

ไม่ใช่การนำเสนอเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ

ดังนั้น ก่อนที่ข้อเท็จจริงในกรณีนี้จะปรากฏโดยคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยขอวิงวอนให้เพื่อนสื่อมวลชนทุกแขนงระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้ง 2 ฝ่าย จนกว่าข้อเท็จจริงที่ชัดเจนจะปรากฏออกมา

เนื่องจากข้อมูลที่นำมาพูดต่อๆ กันเริ่มขยายความจนเกินระดับและขอบเขตของปัญหาที่เกิดขึ้นจริงไปมาก และพบว่ามีการนำหลายกรณีมาพูดปะปนกันจนถูกเข้าใจไปว่าเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งโดยเฉพาะ

ทั้งนี้ สมาคมนักข่าวฯ กำลังทาบทามกรรมการทั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก กรรมการที่มาจากผู้บริหารองค์กรสื่อ และสื่อมวลชนที่ไม่มีส่วนได้เสียกับคู่กรณีในกรณีที่เกี่ยวพันกับองค์กรที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของสมาคมนักข่าวฯ เพื่อให้เกิดความเป็นจริงและความเป็นธรรม อันเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้องมากที่สุด

เพื่อให้คณะกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวฯ พิจารณาดำเนินการในทางที่เหมาะสมต่อไป

เรื่องราวจะดำเนินอย่างไรต่อไป ต้องรอดูรูปโฉมของคณะกรรมการที่จะตั้งขึ้น

ก็ต้องถือว่า สมาคมออกโรงมาในจังหวะที่เหมาะสม หากช้ากว่านี้ กระแสความข้องใจสงสัยจะยิ่งขยายวงกว้าง

โจทย์ยากของเรื่องนี้ก็คือ การสอบสวนหาข้อเท็จจริงจะดำเนินการอย่างจริงจังมากน้อยแค่ไหน

ขณะที่สังคมภายนอกวิจารณ์ว่า สื่อกล่าวหา วิจารณ์และตรวจสอบคนอื่น กำหนดมาตรฐานด้านต่างๆ รวมถึงด้านจริยธรรมให้คนอื่นๆ มามากแล้ว

เมื่อถึงคราวที่ตนเองโดนกล่าวหา จะกล้าใช้มาตรฐานเข้มข้น แบบเดียวกันกับที่เรียกร้องผู้อื่นหรือไม่

เป็นปัญหาที่อาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่เรื่องที่ใหญ่กว่า ในขณะที่ขั้วอำนาจต้องการสร้างกลไก กฎหมาย เพื่อเข้ามาควบคุมสื่อ จนเป็นภาระหนักขององค์กรสื่อและสื่อต่างๆ ต้องต่อสู้อยู่ในขณะนี้