อาจินต์รำลึก : แปดปีที่แก่งเสี้ยน (22)/บทความพิเศษ แน่งน้อย ปัญจพรรค์

อาจินต์นั่งชมแสงจันทร์

บทความพิเศษ

แน่งน้อย ปัญจพรรค์

 

อาจินต์รำลึก

: แปดปีที่แก่งเสี้ยน (22)

 

ระยะสุดท้าย

พ.ศ.2560

มกราคม-กุมภาพันธ์ ถึงตอนนี้ อาจินต์ก็ไม่ค่อยมีแรงแล้ว บางวันไม่ยอมลงจากบ้าน นั่งก็จะหงาย แปรงฟันก็ผิดๆ ถูกๆ วันทั้งวันไม่ยอมเดิน พยายามพาลงมานั่งแค่ระเบียงก็ทุลักทุเล เข่าไม่มีแรง

มีนาคม-เมษายน ถึงเดือนนี้ ฉันก็มีภารกิจต้องเข้ากรุงเทพฯ อีก อาทิตย์สุดท้ายปลายมีนาคมต่อเมษายน ต้องไปงานศพพี่ชายคนโต ฉันต้องแบ่งเวลาไปกลับ 2 รอบ รอบละแค่วันสองวัน ในช่วงเวลาแค่ 7-8 วัน พี่ชายคนนี้รุ่นราวคราวเดียวกับอาจินต์ เขาคุ้นเคยกันพอสมควร เขาเป็นนักเรียนเทพศิรินทร์รุ่นเดียวกับพี่รัตน์-รัตนะ ยาวะประภาษ รุ่นหลังอาจินต์จากอำนวยศิลป์เพียง 1 ปี

ส่งพี่ชายกลับบ้านเกิดแล้วก็รีบกลับแก่งเสี้ยน แน่นอนว่าอาจินต์ดีใจจนมือไม้สั่น ขอจับมือสองมือจูบที สงสารอาจินต์นัก

ไม่กี่วันต่อมาก็ขอสมุดดินสอจะทำ ฟมก. -ฟ้าเมืองกาญจน์ฯ อีกแล้ว

กิจกรรมเดียวพอทำได้ก็รีบทำ จักรพาอาจินต์เดินจากบ้านไม้ไปโรงสีเมื่อวันสงกรานต์ ไปรอรับแขกที่นี่ เดินถึงก็เหนื่อย รับแขกแล้วก็พักผ่อนจนเย็น ใกล้ค่ำจึงพากลับ เวลาที่มีจักรคอยพาเดิน หรือเดินประกบ อาจินต์จะเดินได้สบายใจพอสมควร รู้สึกวางใจได้ว่า ยังไงๆ ก็เอาอยู่ จึงเดินสบายๆ ไม่เกร็ง แต่ถ้าเป็นฉันหรือยิ่งเป็นกบพาเดิน จะเกร็งจนตัวแข็ง เหนื่อยเพราะเกร็ง คงรู้สึกว่าถ้าล้มลงไปอาจล้มทั้งสองคน ไม่มั่นคง

นี่เป็นคุณสมบัติบึกบึนของจักรที่ทำให้น่าไว้วางใจ

อาจินต์นั่งรับลมเย็น

มาถึงขณะนี้ 6-7 ปี ที่เราทำอะไรต่ออะไรไว้ที่นี่ ทุกอย่างมันก็เข้าที่เข้าทาง ลงตัวพอสมควร ต้นไม้ก็โตแล้ว ไม้ผลก็ให้ลูก ไม้ป่าก็เริ่มโต ผักหวานก็เริ่มเก็บได้ ฉันยังได้เก็บผักหวานไปให้พี่สาวผัดอร่อยมากเลี้ยงพระวันทำบุญก่อนเผาให้พี่ชาย ทุกคนชอบมาก หน่อไม้ก็ได้หน่อแจกคนแล้ว ปีนี้หักหน่อได้หลายรอบ

และแม้ขณะนี้ก็ยังมีคนมาทำสัญญาขอใช้ลิขสิทธิ์เพลงจดหมายรักจากเมียเช่า และอาจินต์ก็ยังถามอีกว่า วันนี้ฉันต้องส่งเรื่องให้ใครบ้าง แต่ทั้งๆ ที่ยังรู้เรื่องดีบางอย่าง บางอย่างก็ไม่รู้ เห็นเราหักหน่อไม้มากอง อาจินต์ก็ถาม… เอามาจากไหน… อ้าว กอไผ่เรามีล้อมเป็นรั้วรอบที่ดินเลย พี่ไม่เห็นเลยหรือ… ไม่เคยเห็น… โอ้ แปลกแต่จริง วันหนึ่งฉันเลยพาลงไปยืนบนแท็งก์ที่ข้างโรงรถ ให้กบเอาไม้ไปชี้กอไผ่ให้ดู…

ส่วนฉัน เดินขึ้นลงๆ ในอาณาบริเวณบ้านแทบทั้งวัน ดูนั่นทำนี่ บางทีดูจักรทำงาน ดูตาก้านช่วยงาน ขอให้เขาทำนั่นทำนี่ ตกเย็นบางวันก็ต้องลงนอนคว่ำหน้าตั่งนอนกลางวันของอาจินต์ ให้อาจินต์นั่งห้อยเท้าเอาส้นเท้าเหยียบๆ กดๆ แถวก้นกบ

อาจินต์เป็นหมอนวดด้วยเท้าให้ฉันมาตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ แล้ว

ดอกสะเดาหน้าบ้าน

มีเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งปลายปี 3 พฤศจิกายน วันลอยกระทง ได้ยินเสียงเพลงลอยกระทงจากวิทยุเล็กๆ ของกบ ฉันถามอาจินต์เล่นๆ

“ไปลอยกระทงไหม”

“ไป”

หือ ทุกคนหันมามอง อยู่กันมา 40 ปี ไม่เคยไปลอยกระทง ก็มันน่าจะหมดวัยทำแบบนั้นมานานแล้ว โดยเฉพาะเราอยู่กรุงเทพฯ

ถามให้แน่ใจอีกทีว่าอยากไปแน่หรือ ก็ได้รับการยืนยันว่าจะไปจริง

ฉันก็เลยเดินเก็บดอกไม้ จักรเดินไปตัดใบตอง เหลากิ่งไผ่เล็กๆ เป็นเข็มกลัด

ดอกไม้ในบ้านนี่แหละ ดอกคิ้วนางกำลังบานเยอะ ดอกทองอุไรก็มากมาย ดอกปอหมัน (คอร์เดีย) เป็นช่อๆ ก็เยอะ ทั้งสีขาว เหลือง แดงแสด ยังมีดาวเรืองของเพื่อนบ้านที่จักรเก็บมาบี้เอากลีบมาแต่งกระทงอีก ไม่ช้าไม่นานกระทงทั้งห้าก็วางเรียงกันบนม้านั่งที่ระเบียง จักรทำแกนไว้ปักธูปปักเทียนได้ด้วย

แล้วเราก็ไปวัดหนองบัว ริมน้ำวัดนี้มีขอบเป็นเขื่อนกว้างยาวแข็งแรง ก้าวลงลอยกระทงได้ไม่ยาก อาจินต์ยกกระทงขึ้นจบหน้าผากอธิษฐานแล้วส่งให้ฉันเอาไปวางลงน้ำ กบ ฉลอง จักร ก็ทำอย่างเดียวกัน ตรงที่เราลอยกระทงกันนั้นไม่ค่อยมีคนเลย มีหนุ่มสาวคู่เดียวนั่งอยู่ใกล้ๆ

มองดูกระทงลอยแกว่งๆ ไปทางนั้นทีทางนี้ที แล้วเราก็กลับบ้าน จบการลอยกระทงครั้งแรกและครั้งเดียวของเรา ฉันกับอาจินต์

ไฟป่าลามมาใกล้บ้านมาก

ฤดูหนาวปีนี้ค่อนข้างหนาว

12 พฤศจิกายน พาอาจินต์ลงเดินเช้า ลมเหนือพัดเกรียวกราวหนาวทั้งวัน จนถึง 20 ธันวาคม ตั้งแต่เช้าต้องปิดบ้านหมด อุณหภูมิในบ้าน 18 องศาเซลเซียส ที่ระเบียงนอกบ้าน 12 องศาเซลเซียส ลมแรง บ่ายๆ 22 องศาเซลเซียส

อาจินต์เดินเก่งอยู่ไม่กี่วัน 21 ธันวาคม พาลงเดินทางเดินประจำได้ครึ่งทาง ล้ม

หลังจากนั้นก็เริ่มมีไฟป่าประจำปีมาแล้ว

เตรียมน้ำ เตรียมอะไรๆ ไว้รอดับไฟ

จักรก็เตรียมตัวไปฝึกงานด้วย เขาเรียนจบหลักสูตร 3.5 ปีแล้ว เหลือแต่ฝึกงานอีก 0.5 ปี ก็จบหลักสูตร

วันสิ้นปี อาจินต์เข้านอนแล้ว หลับตาแต่ใจยังไม่หลับ ได้ยินเสียงเพลงปีใหม่และเสียงพลุดังมาจากงานในเมือง

“countdown แล้ว ดูพลุที่หน้าต่าง” อาจินต์บอก

ฉันชะโงกหน้าดูอาจินต์ กำลังนอนตะแคงหันหลังให้หน้าต่าง หันหน้ามาทางประตู ตาก็หลับ

นี่คือการ countdown ครั้งสุดท้ายในชีวิตอาจินต์