ชะตากรรมของ ‘เด็กชายรายัน’ กับภารกิจที่หยุดคนทั้งประเทศ/บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

ชะตากรรมของ ‘เด็กชายรายัน’

กับภารกิจที่หยุดคนทั้งประเทศ

 

3 ปีก่อน ทุกสายตาจากทั่วโลกต่างเอาใจช่วยภารกิจกู้ภัยช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี่ รวม 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำขุนน้ำนางนอน ที่จังหวัดเชียงราย นานนับสัปดาห์ เป็นภารกิจกู้ภัยที่ทั่วโลกต่างจับตามองและเอาใจช่วย

และในที่สุดก็จบลงด้วยดี ทีมกู้ภัยสามารถช่วยเหลือสมาชิกทีมฟุตบอลออกมาได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด

เหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีกครั้งที่ประเทศโมร็อกโก ประเทศเล็กๆ ในทวีปแอฟริกา กับภารกิจช่วยเด็กชายรายัน ออว์รัม เด็กชายวัย 5 ขวบที่พลัดตกบ่อน้ำที่แม้ปากบ่อจะกว้างเพียง 45 เซนติเมตร แต่ก้นบ่อลึกถึง 32 เมตร ทว่าภารกิจนี้กลับมีจุดจบที่ต่างออกไปจากเหตุการณ์ที่ถ้ำขุนน้ำนางนอน

เหตุเกิดขึ้นที่บ้านของครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านอิกราน หมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างจาก “เมืองเชฟชาอูน” เมืองบนภูเขาที่มีอากาศหนาวเย็นตอนเหนือของประเทศโมร็อกโกไปราว 96 กิโลเมตร

คาเล็ด ออว์รัม พ่อของเด็กชายรายัน เล่าว่า ตนกำลังซ่อมแซมบ่อน้ำที่ใช้ในการทำการเกษตรของครอบครัว แต่เพียงชั่วคลาดสายตา ลูกชายได้พลัดตกลงไปในช่วงบ่ายวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในช่วงแรกไม่มีใครรู้เลยว่าเด็กชายผู้โชคร้ายพลัดตกลงไปในบ่อน้ำที่เป็นเพียงรูเล็กๆ บนพื้นนี้

เมื่อลูกชายหายตัวไป คาเล็ดและวาสซิมา คาร์ชิช ผู้เป็นแม่ออกตามหาบริเวณโดยรอบ พร้อมกับขอแรงจากเพื่อนบ้านมาช่วยกันหา จนกระทั่งมีคนได้ยิน “เสียงร้องไห้” อันแผ่วเบาดังขึ้นมาจากบ่อน้ำ จึงได้นำโทรศัพท์มือถือพร้อมเปิดแฟลชผูกเชือกและหย่อนลงไปที่ก้นบ่อจึงได้เห็นภาพอันน่าตกใจเมื่อเด็กชายรายันตกลงไปที่ก้นบ่อ

“เขาร้องไห้และส่งเสียงว่า ‘ยกผมขึ้นไปที'” ญาติของครอบครัวเด็กชายระบุกับรอยเตอร์ และว่า ในเวลานั้นทุกคนใจชื้นขึ้นเมื่อเด็กชายยังมีชีวิตอยู่

 

เมื่อระบุตำแหน่งของเด็กชายได้แล้ว เรื่องราวเริ่มใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาร่วมในภารกิจช่วยเด็กชายรายัน ไม่เท่านั้น ยังมีกำลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา รวมไปถึงอาสาสมัครจากสมาชมปีนเขาและนักสำรวจถ้ำมาช่วยในภารกิจครั้งนี้รวมแล้วนับร้อยคน นอกจากนี้ ยังมีรถแบ๊กโฮอีก 5 คันมาใช้ในการขุดเปิดหน้าดิน

ในช่วงแรกของภารกิจทีมกู้ภัยพยายามที่จะใช้เชือกดึงตัวเด็กชายรายันขึ้นมาจากบ่อ แต่ด้วยสภาพเนื้อดินทรายที่อาจถล่มลงมาได้ ส่งผลให้ต้องมีการเปลี่ยนแผนเป็นการขุดหน้าดินบริเวณเชิงเขาให้เป็นสนามเพลาะ ก่อนจะขุดอุโมงค์ในแนวนอนเข้าไปถึงก้นบ่อโดยตรงเพื่อนำตัวเด็กชายรายันออกมา

โดยตลอดระยะเวลาการขุดต้องเจออุปสรรคทั้งก้อนหินแข็ง รวมไปถึงฝนที่ตกลงมาจนทำให้ภารกิจต้องหยุดชะงักเป็นช่วงๆ

ตลอดระยะเวลาภารกิจกู้ภัยที่เจ้าหน้าที่ทำงานกันทั้งวันทั้งคืน ทุกสายตาจับจ้องมาที่ภารกิจช่วยเหลือ นอกเหนือจากชาวบ้านที่มารวมตัวในพื้นที่แล้ว นักข่าวจำนวนมากก็มารายงานข่าวกันแบบนาทีต่อนาที

ขณะที่โลกออนไลน์เอาใจช่วยในภารกิจนี้จนกำเนิดเป็นแฮชแท็ก #SaveRayan ติดเทรนด์ทวิตเตอร์

ไม่เฉพาะชาวโมร็อกโกเท่านั้นที่ติดตามภารกิจนี้ แต่ยังรวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้านในแอฟริกาเหนือที่พูดภาษาฝรั่งเศส กำลังใจยังส่งมาไกลจาก “ฝรั่งเศส” ไม่เว้นแม้แต่ชาว “แอลจีเรีย” ที่กำลังมีปัญหาความขัดแย้งกับโมร็อกโกเอง ก็ยังส่งกำลังใจมาถึงด้วย

รายงานว่าการไลฟ์สตรีม ภารกิจช่วยเหลือในบางช่วงเวลานั้นมีผู้เข้าชมทะลุไปถึง 100,000 คนเลยทีเดียว

 

ตลอดภารกิจหลายวันมีความหวังว่าเด็กชายรายันยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะในวันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ วันที่ 3 ของภารกิจที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้กล้องวิดีโอหย่อนลงไปในบ่อพบว่าเด็กชายรายันยังขยับตัวอยู่ ขณะที่ก่อนหน้านี้มีการให้ออกซิเจน รวมไปถึงหย่อนอาหารและน้ำให้กับเด็กชายรายันด้วย

ภารกิจก็ดำเนินต่อเนื่องมาถึงช่วงสุดท้ายในค่ำของวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ อุโมงค์ช่วงสุดท้ายที่ทีมกู้ภัยขุดอย่างระมัดระวังด้วยมือเปล่าเกือบถึงก้นบ่อน้ำแล้ว เด็กชายรายันอยู่ห่างจากทีมกู้ภัยออกไปเพียงไม่กี่นิ้ว ผู้คนในพื้นที่ต่างสวดภาวนา เสียงตะโกนเอาใจช่วยส่งมาจากเหนือพื้นดิน

แม้จะใกล้ความจริงแล้ว ทว่าทางการโมร็อกโกกลับไม่มีรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับชะตากรรมของเด็กชายรายัน ระบุเพียงว่าไม่สามารถประเมินอาการของเด็กได้เนื่องจากเด็กนอนในมุมที่มองเห็นได้ยาก หลังจากนั้นก็ไม่มีรายงานใดๆ เพิ่มเติมอีกเลย

เวลา 21.30น. ของวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ เสียงเชียร์ดังสนั่นขึ้นในพื้นที่โดยรอบ ภาพข่าวแสดงให้เห็นทีมกู้ภัยจำนวนมากล้อมรอบตัวเด็กชายรายันที่อยู่บนเปลขณะนำตัวไปที่รถพยาบาล ทำให้ยากที่จะประเมินได้ว่าเด็กชายรายันนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

ท่ามกลางความกังวลและการคาดเดาไปต่างๆ นานา ไม่กี่นาทีต่อมามีรายงานข่าวระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีโมอัมเหม็ดที่ 6 กษัตริย์แห่งโมร็อกโก ได้ทรงโทรศัพท์หาคาเล็ดและวาสซิมา ผู้ปกครองของเด็กชายรายันด้วยพระองค์เอง

โดยทรงแสดงความเสียพระทัยที่เด็กชายรายัน “ไม่รอดชีวิต” จากอุบัติเหตุครั้งนี้

 

แถลงการณ์จากสำนักพระราชวังเผยแพร่ผ่านสื่อระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดียืนยันว่า “พระองค์ทรงติดตามอุบัติเหตุอันน่าสลดใจครั้งนี้อย่างใกล้ชิด โดยทรงสั่งการไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวกับในการทำวิถีทางอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตเด็กชายรายัน” และว่า “มันเป็นประสงค์ของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แล้ว” แถลงการณ์ระบุ

ข้อความแสดงความเสียใจหลั่งไหลมาจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส รวมไปถึงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส

เหตุการณ์นี้แม้จะเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าสลดอีกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาในแบบเดียวกับเหตุการณ์ทีมหมูป่าติดถ้ำที่จังหวัดเชียงราย ก็คือ สังคมมนุษย์ยังคงมีความหวังที่จะสามารถร่วมมือให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ไม่ว่าจะเป็น 13 ชีวิตที่ประเทศไทย หรือจะเป็น 1 ชีวิตของเด็กชายรายันที่ประเทศโมร็อกโกก็ตาม