ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 มกราคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความต่างประเทศ
ปมขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน
ชนวนไฟสงครามยุโรป?
สถานการณ์เผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและยูเครน ดินแดนในอดีตสหภาพโซเวียต กำลังเต็มไปด้วยความตึงเครียดหนัก ที่ทำให้หลายฝ่ายหวาดหวั่นว่าอาจจะปะทุกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ขึ้นในรอบหลายทศวรรษของยุโรปได้
โดยมีสัญญาณความเคลื่อนไหวล่าสุดที่บ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของความหวาดหวั่นดังกล่าวที่อาจใกล้จะอุบัติขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนกำลังทหารของรัสเซียเข้าไปในเบลารุส ชาติพันธมิตรของรัสเซียเมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ ที่อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ผู้นำเบลารุสบอกว่านั่นเป็นการเตรียมการของเบลารุสและรัสเซียในปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกันที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
ความเคลื่อนไหวอีกด้านมาจากอังกฤษที่กำลังส่งขีปนาวุธต่อต้านรถถังพิสัยใกล้สำหรับป้องกันตนเองไปให้กับยูเครน พร้อมกับกำลังทหารอังกฤษอีกชุดหนึ่งเข้าไปทำการฝึกรบให้กับทหารยูเครน
โดยมีเสียงย้ำสำทับจากเบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมของอังกฤษว่าจะจัดหาความสนับสนุนช่วยเหลือด้านความมั่นคงให้กับยูเครนเพิ่มเติมเป็นพิเศษ หากรัสเซียยังมีพฤติกรรมเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาคมากขึ้น
ย้อนไปเมื่อไปปลายปีก่อน หน่วยข่าวกรองของยูเครนและชาติตะวันตกส่งสัญญาณเตือนว่าการบุกโจมตียูเครนอาจเกิดขึ้นได้ในเวลาอันใกล้ อย่างเร็วที่จะได้เห็นก็ในช่วงต้นปี 2022 นี้ได้ หลังจากการข่าวเชิงลึกจับความเคลื่อนไหวได้ว่ากองทัพรัสเซียได้เคลื่อนกำลังพลกว่า 100,000 นายเข้าประจำการตามแนวชายแดนของรัสเซียติดกับยูเครน ขณะที่ภาพถ่ายทางดาวเทียมแสดงให้เห็นว่ารัสเซียได้เคลื่อนยุทโธปกรณ์หนักอย่างปืนใหญ่อัตตาจร รถถังประจัญบาน และรถยานยนต์ทหารราบ เข้าไปปฏิบัติการซ้อมรบภาคพื้นดินห่างจากชายแดนยูเครนไปเพียง 300 ก.ม.เท่านั้น
บรรยากาศการเผชิญระหว่างยูเครนและรัสเซีย สองชาติปฏิปักษ์ คุกรุ่นหนักมาต่อเนื่อง นับตั้งแต่รัสเซียใช้กำลังผนวกดินแดนไครเมีย ที่เคยอยู่ใต้อาณัติปกครองของยูเครน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนเองได้สำเร็จในปี 2014 โดยปราศจากการรับรองจากนานาชาติ
ภูมิภาคดอนบัส ที่ประกอบด้วยมณฑลโดเนตสก์และมณฑลลูฮันสก์ ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกของยูเครน เป็นอีกสมรภูมิความขัดแย้งของการเผชิญหน้าระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธในดอนบัส ซึ่งเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนออกจากยูเครนมาตั้งแต่ปี 2014 เช่นกัน โดยในพื้นที่ดังกล่าวยังมีกำลังพลรัสเซียประจำการอยู่ด้วย จากคำกล่าวอ้างของฝ่ายยูเครน
แต่รัสเซียปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
แต่ตัวแปรความขัดแย้งล่าสุดที่ทำให้บรรยากาศการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและยูเครนทวีความตึงเครียดหนัก หลักใหญ่มาจากการที่รัสเซียเห็นว่ายูเครนได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มากขึ้น ทั้งในแง่ของอาวุธยุทโธปกรณ์ การสนับสนุนยุทธวิธีสู้รบและบุคลากร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจะอ้าแขนรับยูเครนเข้าเป็นส่วนหนึ่งในองคาพยพของนาโต ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของรัสเซีย
เซอร์เกย์ ริบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวย้ำในการพบหารือกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นครเจนีวาเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามทางการทูตเพื่อดับวิกฤตขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน โดยริบคอฟยืนยันในข้อเรียกร้องหลักของรัสเซียที่ต้องการให้นาโตหยุดสยายปีกอิทธิพลด้านความมั่นคงมายังยุโรปตะวันออก ด้วยการให้หลักประกันรับรองว่ายูเครนจะไม่มีวันกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกนาโตอย่างเด็ดขาด
การเจรจาเพื่อดับวิกฤตความขัดแย้งรอบนั้นที่เจนีวาถูกระบุว่าล้มเหลวที่จะก่อผลเชิงบวก แต่การดำเนินการทางการทูตยังคงดำเนินต่อไป
โดยมีรายงานว่าบลิงเคนได้เดินทางไปยังกรุงเคียฟเพื่อพูดคุยหารือกับผู้นำยูเครนแล้ว ก่อนในสิ้นสัปดาห์เดียวกันนี้ เขาจะกลับไปเจรจาหารือใหม่กับเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่นครเจนีวาอีกครั้ง
นอกเหนือจากวิถีทางการทูตที่หลายฝ่ายยังคงผลักดันกันอยู่ ขณะเดียวกันทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรป ยังมีเครื่องมือหนึ่งในการตอบโต้รัสเซียหากก่อภัยคุกคามยูเครนหนัก นั่นก็คือ มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ที่รวมถึงโครงการท่อส่งก๊าซ นอร์ดสตรีม 2 ของรัสเซียในเยอรมนี จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือตอบโต้ได้ ซึ่งอันนาเลนา แบร์บ็อก รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ประกาศกร้าวไว้แล้วว่าหากรัสเซียขยายวงความรุนแรงไปมากกว่านี้ การเปิดดำเนินการท่อส่งก๊าซ นอร์ดสตรีม 2 ในเยอรมนี ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น
สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีความอ่อนไหวมากนี้ นักวิเคราะห์อย่างมารี ดูมูแลง จากสภาวิเทศสัมพันธ์ยุโรป มองว่า ขณะที่ความพยายามทางการทูตยังดำเนินต่อไป แต่การตัดสินใจที่จะเจรจาเพื่อคลี่คลายข้อพิพาทต่อไปหรือไม่ ยังขึ้นอยู่กับวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ซึ่งเป็นคนที่ยากจะอ่านใจได้
ขณะที่ฟรองซัวส์ ไฮส์บูรก์ ผู้สันทัดกรณีอีกรายจากมูลนิธิเพื่อการวิจัยทางยุทธศาสตร์ในกรุงปารีส มองว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซียในขณะนี้มีความเปราะบางเป็นอย่างยิ่งและความสุ่มเสี่ยงที่สงครามจะอุบัติขึ้นก็มีอยู่สูงเลยทีเดียว
โลกจึงต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าตัวแปรแวดล้อมทั้งหลายทั้งปวงในวิกฤตความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน จะพัฒนาไปถึงจุดระเบิดเป็นสงครามนองเลือดขึ้นมาจริงๆ หรือไม่!