ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 มกราคม 2565 |
---|---|
คอลัมน์ | เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
นัยยะแห่งนิเวศวัฒนะวิถี
วิกฤตโลกวันนี้ ปรากฏให้มนุษย์ได้เผชิญมากขึ้น ดังพายุทอร์นาโดถล่มอเมริกาถึงสามสิบลูกเมื่อไม่นานมานี้
ไม่นับ “สงครามโรค” ที่ระบาดไปทั่วโลกยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ศัพท์บัญญัติวิกฤตภัยธรรมชาติจากคำ ไคลเมตเชนจ์ ซึ่งฟังเข้าท่าดีคือภาวะ “โลกรวน”
มนุษย์นี่แหละมีส่วนทำให้ “โลกรวน” อยู่ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะการทำลายธรรมชาติ ทั้งโดยจงใจเพื่อเอาประโยชน์โดยตรง เช่น การขุดเจาะสูบน้ำมันจากใต้ดิน และการทำลายด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในนามของการสร้างสรรค์ความเจริญทั้งหลาย
โดยไม่คำนึงถึง “นิเวศวัฒนะวิถี”
ท่านเจ้าคุณพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) เคยกล่าวว่า เมื่อใดมนุษย์เรียกร้องให้รักษาสิ่งแวดล้อม เมื่อนั้นมนุษย์เริ่มแยกสิ่งแวดล้อมออกจากชีวิตโดยแบ่งแยกธรรมชาติออกจากมนุษย์แล้ว โดยที่ไม่เห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษย์กับธรรมชาติแต่อย่างไร
ไม่เห็นว่าเราหายใจกับอากาศเดียวกัน อาหารน้ำเลี้ยงร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกัน เรายิ่งพัฒนาเรายิ่งเหมือนจะลืมหรือมองไม่เห็น ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชีวิตกับธรรมชาตินี้ไปเสียแล้ว
เมื่อ พ.ศ.2400 หัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงที่ซีแอตเติล อเมริกา ได้กล่าวสุนทรพจน์ ตอบข้อเรียกร้องจากประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งขอซื้อดินแดนจากเผ่าอินเดียนแดง สุนทรพจน์มีความหมายลึกซึ้งและคมคายมากจนได้รับยกย่องว่า
“เป็นการบรรยายความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมที่ประทับใจที่สุดเท่าที่เคยปรากฏทั้งในอดีตและปัจจุบัน”
ปัจจุบันเอกสารนี้เก็บรักษาไว้ ณ กรุงวอชิงตันและที่พิพิธภัณฑ์เมืองซีแอตเติล
หัวหน้าเผ่าซีแอตเติลกล่าวว่า
“หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตันได้แจ้งมาว่าเขาต้องการที่จะซื้อดินแดนของพวกเรา ท่านหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่ยังได้กล่าวแสดงความเป็นมิตรและความมีน้ำใจต่อเราอีกด้วย นับเป็นความกรุณาอย่างยิ่ง
“เพราะเรารู้ดีว่า มิตรภาพของเรานั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไรสำหรับเขาเลย แต่เราพิจารณาข้อเสนอของท่านเพราะเรารู้ว่าถ้าเราไม่ขาย พวกคนขาวก็อาจจะขนปืนมายึดดินแดนของพวกเราอยู่ดี แต่ท้องฟ้าและความอบอุ่นของแผ่นดินนั้นเขาซื้อขายกันได้อย่างไร
“ความคิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดสำหรับพวกเรา หากความสดชื่นของอากาศและความใสสะอาดของธารน้ำนั้นมิได้เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัวของเราแล้ว ท่านจะซื้อสิ่งเหล่านี้ไปจากเราได้อย่างไร…ฯ”
“วิญญาณของคนขาวนั้น ไม่มีความผูกพันกับถิ่นกำเนิดของเขา แต่วิญญาณของพวกเราไม่มีวันรู้ลืมแผ่นดินอันแสนงดงามและเปรียบเสมือนเป็นแม่ของชาวอินเดียนแดง
“เราเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน และแผ่นดินก็เป็นส่วนหนึ่งของเราเช่นกัน กลิ่นหอมของดอกไม้นั้นเปรียบเสมือนพี่สาวน้องสาวของเรา สัตว์ต่างๆ เช่น กวาง นกอินทรี คือพี่น้องของเรา ขุนเขาและความชุ่นชื้นของทุ่งหญ้าและไออุ่นจากม้าที่เราเลี้ยงไว้ก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวเราเช่นกัน
“ดังนั้น การที่หัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งวอชิงตันของซื้อดินแดนของเรา จึงเป็นข้อเรียกร้องที่ใหญ่หลวงนัก…ฯ”
“…ที่ท่านขอซื้อแผ่นดินของเรา แต่ไม่ใช่ของง่าย เพราะแผ่นดินนี้ คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา กระแสน้ำระยิบระยับที่ไหลไปตามลำธารแม่น้ำและทะเลสาบที่ใสสะอาดนั้น เต็มไปด้วยอดีตและความทรงจำของชาวอินเดียนแดง…ฯ”
นี้เป็นส่วนหนึ่งของวาทะที่หัวหน้าเผ่าซีแอตเติลกล่าวไว้ แม้วันนี้แผ่นดินผืนนี้จะกลายเป็นกรุงซีแอตเติลเมืองงามหนึ่งในสหรัฐอเมริกา แต่ก็มิอาจงามข่มวาทะที่เป็นดังสัจธรรมของหัวหน้าเผ่าเจ้าของแผ่นดินเดิมนี้ได้ โดยเฉพาะสัจวาทะช่วงท้ายคือ
“…เรารู้ดีว่า โลกนี้เป็นของมนุษย์ แต่มนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้…”
“…มนุษย์มิได้เป็นผู้สร้างเส้นใยแห่งมวลชีวิต แต่มนุษย์เป็นเพียงเส้นใยเส้นหนึ่งเท่านั้น หากเขาทำลายเส้นใยเหล่านี้เขาก็ทำลายตัวเอง”
เรากำลังทำลายตัวเองในนามของความเจริญลงไปมากแล้วเท่าไร
ผ่านมา 164 ปีแล้ว บ้านเราวันนี้ก็ยังมีสภาพเหมือน “นกไม่เห็นฟ้า-ปลาไม่เห็นน้ำ” คือไม่เห็นความงดงามความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เรามีอยู่บนผืนแผ่นดินไทยว่าเป็นอย่างไร มีคุณค่ามหาศาลเพียงใด
ยกตัวอย่างชุมชนชาวจะนะโดยเฉพาะชาวตำบลสะกอมที่เขาอยู่กับทะเลจนวิถีทะเลคือวิถีชีวิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวโดยไม่รู้ตัว เช่นครั้งหนึ่งเคยไปเยี่ยมเยือน
ชาวสะกอมเอ่ยชมน้องหญิงในคณะเราว่า
“ท่อนบนน่าแกงส้ม ท่อนล่างน่าต้มกะทิ”
ต้อง “แหลงใต้” แหละจะ “ร่อยนิ”
จะกลับเราถามหาเพื่อนชายว่าอยู่ไหน ชาวสะกอมตอบว่า
“นั่งหัวฟูเป็นกองอวนอยู่นั่น”
คือทุกคำเปรียบเป็นวิถีทะเลไปหมด
นี่แหละนายหนังกั้น ทองหล่อ ศิลปินแห่งชาติผู้ล่วงลับจึงสร้างตัวตลกประจำโรงคือ “สะหม้อ” โดยจำลองเอาความแหลมคมของชาวสะกอมมาถ่ายไว้ในตัวหนังสะหม้อที่ถูกใจชาวใต้เป็นอมตะนิรันดร์กาล
แล้ว “ท่านหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่” ใดเล่าที่จะมาซื้อเอาถิ่นทำเลที่เป็นวิถีทะเลและวิถีชุมชนอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนี้ไปจากชาวจะนะ
อ่าวไทยทั้งทะเลนี่แหละที่เป็นแหล่งงดงามและอุดมสมบูรณ์ที่สุดแทบว่าจะในโลกเลยก็ว่าได้
จะ “รู้รัก” หรือจะ “รวนเละ” ดีครับ
ท่านหัวหน้าผู้ยิ่งใหญ่
๐ ฟัาใสทะเลใส
แลคนใสสืบรักษา
พิสูจน์ได้ด้วยเวลา
แลด้วยอารยะวิถี
๐ นี้คือวิถีใหม่
แห่งโลกใหม่ในวันนี้
สงขลาถิ่นธานี
ยังนำทางไม่ห่างเห
๐ ทะเลกำลังแถลง
ผ่านลูกสาวแห่งถิ่นทะเล
จงมนุษย์หยุดเกเร
หยุดรังแกกันและกัน
๐ ให้ทะเลได้สำแดง
พลังแห่งการแบ่งปัน
ธรรมชาติจักจัดสรรค์
สัจธรรมจักนำชัย
๐ ด้วยวิถีความพอเพียง
เป็นอย่างเยี่ยงแห่งยุคสมัย
นำร่องครรลองไทย
นำชัยชนะ เถิดชาวจะนะ!