หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๐๒)/บทความพิเศษ / ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ / ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๐๒)

 

อาทิตย์ก่อน ฉันไปตรวจร่างกายประจำปี แฟนบังคับให้ฉันตรวจภูมิคุ้มกันโควิดด้วย ฉันไม่เชื่อว่าสิ่งนี้สำคัญอะไร แต่ก็ตามใจเธอ ผลที่ออกมา หลังจากฉีดวัคซีน AZ สองเข็ม เป็นเวลาสามเดือน ฉันมีภูมิ 1954

ส่วนของแฟน หลังฉีดสามเข็ม คือ ซิโนแวคสองเข็มและ AZ หนึ่งเข็ม เป็นเวลาสามเดือน เธอมีภูมิ 5205

ลูกสาวของเพื่อนของฉัน เป็นพยาบาล เธอฉีดไฟเซอร์ ตรวจหลังฉีดสองสัปดาห์ ได้ภูมิ ๖ หมื่น ส่วนเพื่อนของเธอที่เป็นแนวหน้าเช่นกัน ตรวจหลังฉีดสองสัปดาห์ ได้ภูมิ ๗ หมื่น

ฉันเข้าใจดีว่า ภูมิเหล่านี้ไม่ใช่ตัวกำหนดสำคัญอะไรมาก แค่มีภูมิก็พอแล้ว แต่ในความเป็นจริงโควิด คือสิ่งใหม่ ที่ซับซ้อนกว่านั้นมากมาย ซึ่งสรุปได้ว่า ไม่มีกฎข้อใดที่ดีที่สุด อยู่แค่ทางเลือก เพราะทุกทางเลือกก็มีข้อเสีย

คนที่ไม่ยอมฉีด ก็มีปัญหาในตัวมัน

คนที่ฉีด ก็มีปัญหาเช่นกัน

คุณต้องคิดเอง ว่าอยากเผชิญหน้ากับปัญหาแบบไหน

 

มองไกลๆ แบบเลวร้ายที่สุด ประชากรของโลกจะตายเพราะโควิดราว ๕% นั่นคือราว ๔๐๐ ล้านคน ไม่น้อยแต่ก็ไม่เยอะ มันเป็นภัยธรรมชาติอย่างหนึ่ง มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกจะรอดมากกว่า คือเป็น ๙๕% ที่เหลือ

คนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน วันหนึ่งจะถูกบล็อก ไปไหนได้ยาก ทุกวันนี้ก็เริ่มแล้วในบางประเทศ เช่นในออสเตรีย เยอรมนี เริ่มมีกฎเกณฑ์มาบังคับ กีดกัน คนที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน ไม่ให้ไปไหน นอกจากที่จำเป็นจริงๆ เหมือนจะกักบริเวณพวกเขา หากคนหมู่มากฉีดวัคซีน พวกเขาก็จะรังเกียจคนหมู่น้อย ที่ไม่ยอมฉีด หาว่าเป็นตัวแพร่เชื้อ หรือคนที่ไม่รับผิดชอบ

เพื่อนของฉันคนหนึ่งไม่เคยนั่งเครื่องบิน ไม่นั่งรถไฟ และไม่จำเป็นต้องนั่งรถเมล์ เขามีมอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ ขับไปในพื้นที่จำกัด เขามี activity แค่นิดหน่อย เขาไม่ยอมฉีดวัคซีน และอาจไม่กลัวการบล็อก

แต่ท้ายสุด เขาก็ต้องเจอแรงบีบคั้นอยู่ดี และเวลาป่วย ก็มีโอกาสป่วยหนักกว่า

คนที่ฉีดวัคซีน ก็จะเริ่มติด ต้องฉีดเข็มสาม เข็มสี่ หรือฉีดทุกปี แต่พวกเขาก็เหมือนคนเลี้ยงไข้ ทำให้เชื้อนี้แพร่ขยายมากขึ้น แต่อาการเบาลง เกิดกลุ่มคนที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการมากขึ้น ยิ่งไปเพิ่มโอกาสให้เชื้อนี้ กลายพันธุ์ กลายเป็นภัยเงียบ

เชื้อจะกลายพันธุ์ ในขณะเดียวกัน เส้นกราฟของประเทศที่ต่างกัน มีวิธีการรับมือโควิดที่ต่างกัน ก็จะขึ้นๆ ลงๆ บางห้วงเวลา เหมือนบางประเทศจะดีกว่าบางประเทศ บางวิธีจะดีกว่าบางวิธี แต่ทว่าในระยะยาวแล้ว ก็จะเหมือนกัน เพราะโลกนี้เป็นหนึ่ง คุณไม่สามารถกีดกันแต่ละดินแดนออกจากกันได้

มันจะค่อยๆ ซึมเข้ามาเอง จากหัวไปสู่หาง จากหางไปสู่หัว ไปในทุกทวีป

 

๑๐

จะเห็นว่ามันมีข้อเสียทั้งคู่ ไม่ว่าจะฉีดหรือไม่ฉีด และไม่ใช่ทางเลือกของคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นของเผ่าพันธุ์

เช่น ฉันมีเพื่อนหลายคนไม่ยอมฉีด เพราะเชื่อว่าไม่จำเป็น และเป็นเรื่องของสิทธิ เสรีภาพ

มันถูกต้องในแง่ปัจเจกชน แต่ทว่าหากมองในแง่เผ่าพันธุ์ หากประชากรบนโลกส่วนใหญ่ฉีด แล้วพวกคุณไม่ยอมฉีด วันหนึ่ง พวกเขาก็จะรังเกียจพวกคุณ และจะกีดกันพวกคุณ ไม่ให้ไปไหน คุณจะถูกบล็อก เหมือนโดนกักขัง

๑๑

ไม่มีใครตอบได้ ว่าวิธีใดดีที่สุด เช่นหากชาวโลกเลิกฉีดวัคซีนหมดเลย ยอมปล่อยให้เชื้อนี้ระบาดตามธรรมชาติ ท้ายที่สุดจะดีกว่าไหม เราตอบไม่ได้ เราไม่มี Model มาให้เห็น ทุกอย่างเป็นการคาดเดา

๑๒

ดังนั้น ทุกอย่างจึงต้องเป็นไป ตามที่มันเป็น ท้ายที่สุด มนุษย์ก็จะต้องยอมรับความเป็นจริงเอง ค่อยๆ คุ้นเคยกับมัน และยอมรับว่า การไปคาดเดาอะไร ก็ไร้ผล เหนื่อยเปล่า

๑๓

แต่สิ่งจริงแท้แน่นอน คือโลกนี้เปลี่ยน ตัวคุณอาจไม่เปลี่ยน แต่โลกนี้เปลี่ยน คุณอาจจะยังอยากไปลอยกระทงเหมือนเดิม อยากไปฉลองปีใหม่เหมือนเดิม อยากไปงานปาร์ตี้เหมือนเดิม แต่มันจะไม่เหมือนเดิม รูป รส กลิ่น เสียง ทั้งหมดจะไม่เหมือนเดิม คุณอาจไม่ยอมรับ

แต่ท้ายสุด คุณก็ต้องยอมรับอยู่ดี เพราะผลของมันจะแผ่เข้ามาทีละน้อย

๑๔

ขนาดดูหนัง ฉันยังดูด้วยสายตาใหม่ ว่าหนังเนื้อเรื่องแบบนี้ เหมาะสมไหม ถูกต้องไหม Action แบบนี้ ทำได้ไหมในโลกปัจจุบัน หรืออนาคต หรือว่านี้เป็นเพียงหนังยุคก่อนโควิด

๑๕

อารมณ์ที่เกิดขึ้น ความรัก การทะเลาะกัน ด่ากัน ความหึงหวง อาการเล็กๆ ของดารา นักร้อง ทั้งหมดถูกตรวจสอบใหม่หมด

และพบว่า มากมายในนั้น ไม่มีความเหมาะสมอีกแล้ว ไม่น่าสนใจอีกแล้ว

 

๑๖

ท้ายสุด Social Distancing ตัวนี้จะเป็นตัวกำหนด เราจะเอาจริงกับมัน และปรับตัวเข้ากับมัน ไม่รุนแรงเท่าวันที่เชื้อไวรัสตัวนี้กำลังแพร่ระบาด แต่ทว่า มันจะเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ อย่างถาวร ใครเปลี่ยนก่อนจะได้เปรียบ ใครเปลี่ยนช้าจะเสียเปรียบ

๑๗

หมดยุคที่เราจะมีไปงานลอยกระทง เหมือนสมัยก่อน คุณอาจไม่เชื่อ ก็ตามใจ อยากทำตัวแบบเดิม ก็ตามใจ แล้วรอรับ Consequences ของมัน เพราะมันเป็นเรื่องของเหตุและผล มันมาเป็นระลอกๆ มาเป็นคลื่นทีละลูก มาเป็นไวรัสทีละตัว ต่อให้พ้น Covid-19 ก็จะมีตัวอื่นๆ อีก เหมือนการเข้าคิวยาวเหยียด

จากไม่ยอมรับ คุณก็จะค่อยๆ ยอมรับเอง ว่าโลกนี้เปลี่ยนไปแล้ว