ฉบับประจำวันที่ 18-24 สิงหาคม 2560

การนำ แผนกรกฎ 52 มาดูแล ความสงบเรียบร้อย วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว 25 สิงหาคม
ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่พลันที่มีปฏิบัติการ “เชิงรุก” ไล่เบี้ย รถตู้ที่ถูกมองว่าเป็นพาหนะขนคนมาหน้าศาล ด้วยค่าปรับถึง 50,000 บาท
ประสานองค์กรอิสระ อย่าง สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โชว์ลูกขยันออกจดหมายจี้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ให้กวดขันการใช้งบอปท.ผิดวัตถุประสงค์
โดยอ้างข้อมูล “บนโซเชียล” ว่ามีผู้ร้องว่ามีการหลอกแม่มาทำกิจกรรมหนึ่งแต่กลับไปทำกิจกรรมเชียร์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่หน้าศาล
จึงจำเป็นต้องออกหนังสือ “ปราม”
ปรามพร้อมๆกับมีเสียงวิจารณ์ “มาตรฐาน” สตง.ต่อกรณีนี้สูงหรือต่ำเพียงใด
แต่ กระแสไหลบ่าถล่ม “ระบอบทักษิณ” ไปเรียบร้อย แล้วว่า ยังมีฤทธิ์เดชแทรกแซงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร ได้
นี่จึงอาจจำเป็นที่อีกองค์กรอิสระหนึ่งคือ กสทช. อ้างเป็นเหตุผล สั่งปิดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่องพีซทีวีของกลุ่มนปช.และคนเสื้อแดง เป็นเวลา 30 วัน
โดยระบุเนื้อหาบางรายการผิดหลักเกณฑ์ของกสทช.
พร้อมๆกับมีเสียงโอดควรญจากพื้นที่ “คนเสื้อแดง” ว่ากลไกทั้งของกองทัพ กอ.รมน. ฝ่ายปกครอง เข้าไปควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างเข้มงวด
จนนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมา โอดครวญว่า
” แม้กระทั่งในยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ไม่ได้บีบประชาชนมากเท่านี้”
เช่นเดียวกับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. ที่ออกมาตั้งข้อสังเกตุว่า
ขณะที่ตัวจำเลยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สงบนิ่งเยือกเย็น
แต่ฝ่ายผู้มีอำนาจกลับดูร้อนรนเหมือนคนรู้ตัวว่ากำลังทำผิดหรือไม่
ทั้งแจ้งดำเนินคดีกับผู้แสดงความคิดเห็น
ปิดสถานีโทรทัศน์พีซทีวี
ตรวจสอบองค์กรปกครองท้องถิ่น อ้างว่ามีความเคลื่อนไหวใช้งบประมาณขนคนมาให้กำลังใจจำเลย
ซึ่งถ้าพิจารณาด้วยเหตุผล เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเรื่องแบบนี้
มีคนสงสัยว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ สตง.ชงให้รัฐบาลตบเพื่อกดดันผู้นำท้องถิ่นมากกว่า
นั่นคือข้อสังเกตุของนายณัฐวุฒิ
….
ด้วยเหตุนี้ แผน กรกฏ
จึงถูกมองเป็นแผนกร”กด”หรือเปล่า
“กด” ให้ฝ่ายตรงข้ามคสช.และรัฐบาล ให้ราบคาบ
และให้รับชะตากรรมไป อย่าหือ
—————-