เครื่องเคียงข้างจอ/วันแม่

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

วันแม่

ตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับ “แม่” และเผอิญได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพของแม่เพื่อนคนหนึ่งที่เคารพรัก จึงตั้งใจจะเขียนถึง “แม่” คนนี้ในเครื่องเคียงฯ ฉบับนี้

แม่ที่กล่าวถึงนี้คือ “คุณแม่จำลอง วงษ์กระจ่าง” นามสกุลคุ้นๆ ใช่ไหมครับ เพราะคุณแม่จำลองเป็นแม่ของ ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง พระเอกและผู้กำกับฯ ชื่อดังนั่นเอง

คุณแม่จำลองจบชีวิตด้วยวัย 92 ปี ซึ่งก็นับว่าได้ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้มาอย่างสมควรกับเวลาทีเดียว และเวลาช่วงหนึ่งคุณแม่จำลองก็ได้คลุกคลีด้วยความเมตตากับผมและผองเพื่อนของตั้วที่คณะถาปัดจุฬาฯ

หากใครได้เคยอ่านหนังสือเรื่องสั้นชุดว้าวุ่น ที่เป็นเรื่องของนิสิตถาปัด ที่ผมเขียนขึ้นมาจากชีวิตจริงของผมและเพื่อนๆ สมัยที่ศึกษาอยู่ที่จุฬาฯ ก็จะได้อ่านถึงชีวิตช่วงที่ว่าเคยไปคลุกคลีกับคุณแม่จำลองในเนื้อหาของหนังสืออยู่เนืองๆ

ในเรื่องสั้นชุดว้าวุ่น ผมได้เขียนถึงตั้วไว้โดยใช้ชื่อว่า “ต้น” และเรื่องที่เล่าคือพวกเราได้ไปสิงสถิตอยู่กับบ้านของตั้วเป็นระยะๆ บ้านของตั้วอยู่ย่านตลาดพลูซึ่งอยู่ปลายสายของรถเมล์สาย 4 ที่เคยเล่าว่า ตอนเช้าเมื่อออกจากบ้านตั้วเราก็จะขึ้นสาย 4 ที่ต้นทาง ต่างคนต่างนั่งที่ที่นั่งริมหน้าต่าง เพื่อที่ได้หลับยาวไปจนถึงสามย่าน ซึ่งก็มีบางคนหลับเลยป้ายก็มี

บ้านที่เราไปสิงสถิตของตั้วนั้น ต้องเดินจากถนนใหญ่เข้าซอยผ่านที่ที่ยังเป็นสวนหรือบ้านคนหลังเล็กๆ ตั้งห่างๆ กันเข้าไปสัก 200 เมตรจึงจะถึง ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นหลังเล็กๆ ที่พอขึ้นบันไดไปยังชั้นบนก็จะมีอยู่ห้องเดียว เป็นห้องนอนขนาด 3×4 เมตร

เห็นเล็กๆ แค่นั้นแต่พวกเราเคยอาศัยพักนอนทำงาน รวมทั้งตั้งวงก๊งเหล้ากัน 5-6 คนมาแล้ว

ส่วนห้องน้ำจะอยู่ข้างล่าง ซึ่งในตอนกลางคืนใครที่ขี้เกียจไต่บันไดลงไปหรือกลัวผี ก็จะเล่นแอ่นยิงกระต่ายจากหน้าต่างชั้นบนนั่นเลย

ซึ่งตั้วก็จะบ่นพึมถึงความมักง่ายของเพื่อนๆ

เมื่อรู้ว่าลูกจะมีเพื่อนมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังน้อยนั่น แม่จำลองซึ่งพักอยู่อีกบ้านหนึ่งที่อยู่ละแวกเดียวกัน ก็จะจัดแจงเก็บกวาดเช็ดถูบ้านให้อย่างดี เมื่อเราไปถึงก็จะมาดูแลว่าขาดเหลืออะไรไหม เตรียมให้แม้กระทั่งหมอนมุ้ง ที่พวกเราเอาหัวนอนซุกกันเข้าข้างใน แล้วปล่อยขาให้ออกมานอกมุ้งเป็นอาหารยุง

เช้ามาแม่จำลองก็จะทำอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงที่บ้าน จำได้ว่าเป็นข้าวต้มที่แสนอร่อย ที่เรียกพลังให้กับพวกเราเป็นอย่างดี บางทีอยู่กันยาวไม่ได้ออกไปเรียน อาหารเที่ยงก็จะมีมาด้วยเหมือนกัน เรียกว่าบริการแบบโรงแรมห้าดาว คือ เบดแอนด์เบรกฟัสต์ กันทีเดียว

แม่จำลองนั้นเป็นครู จึงมักจะอบรมสั่งสอนพวกเราอยู่เสมอตามวิสัยของครู แต่ก็เป็นการสอนด้วยความเมตตาและหวังดีกับพวกลิงๆ เหล่านี้จริงๆ แม้ตอนนี้ที่นึกย้อนไปก็ยังจำรอยยิ้มที่เป็นกันเองของแม่ได้ดี

หลังจากจบกันไปแล้ว ก็ไม่ได้ไปอาศัยค้างอ้างแรมที่บ้านตั้วกันอีก จึงไม่ได้พบเจอแม่จำลองเลย ตั้วบอกว่าแม่ก็ถามไถ่ถึงพวกเราเสมอ และเราก็ทราบจากตั้วว่าแม่นั้นสบายดี

พวกเราต่างเติบโตมีชีวิตของแต่ละคนไปตามวัยและวันที่ล่วงเลย

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ผมก็ได้รับข่าวเรื่องการสูญเสียแม่จำลอง ได้โทรศัพท์คุยกัน ตั้วก็บอกว่าแม่เป็นคนแข็งแรงดี พอมาป่วยในช่วงที่ผ่านมาก็ทรุดอย่างรวดเร็ว เพราะวัยนั้น 92 ปีแล้ว และสุดท้ายก็ได้จากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 10 ที่ผ่านมา

และเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ผมก็ได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพแม่จำลองที่วัดนาคปรก มีญาติพี่น้องและผู้ที่ครอบครัวเคารพรักมาร่วมงานกันแน่นศาลา คนในวงการก็มีไปร่วมงานกันหลายคน รวมทั้งเพื่อนถาปัดด้วย

ก่อนจะเริ่มการพระราชทานเพลิง ตั้วก็ได้ใช้เวลากล่าวถึงแม่จำลองเป็นครั้งสุดท้าย

ตั้วกล่าวด้วยความยากลำบากเพราะความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ข้างใน เสียงที่เครือสะอื้นและเหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอหอย เรียกให้ทั้งศาลามีแต่ความเงียบ ทุกคนตั้งใจฟังตั้วพูดถึงแม่ และส่งกำลังใจไปให้ตั้วที่ด้านหน้ากัน

นี่คือบางถ้อยคำที่ตั้วได้พูดถึงแม่ในวันนั้น

“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ตั้วจะได้พูดกับแม่ และเป็นครั้งแรกที่ตั้วได้พูดกับแม่ต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน อยากจะบอกว่าแม่เป็นผู้หญิงที่ตั้วรักมากที่สุด”

“แม่จบชีวิตด้วยวัย 92 ปี เป็นการใช้ชีวิตที่คุ้มค่า ไม่ใช่แค่เรื่องเวลา แต่เป็นการใช้ชีวิตที่มีปริมาณของความสุขจริงๆ เป็นความสุขง่ายๆ ในแบบของแม่”

“แม่เป็นคนที่รักครอบครัวมาก แม่รักพ่อ รักตั้ว และรักเปิ้ล รวมทั้งหลานหนุนและหนังอย่างมาก ยิ่งกับพ่อสมนึกแล้ว แม่รักพ่อมากจนตั้วนึกไม่ออกว่าจะมีใครที่จะรักสามีได้มากเหมือนกับแม่ไหม”

“พ่อกับแม่มีเพลงที่ชอบมากอยู่เพลงหนึ่ง คือเพลงคิดถึง”

และเพลงคิดถึงนี้ก็ได้ถูกเปิดคลอกับภาพถ่ายของแม่จำลองในงานพระราชทานเพลิงศพนี้ด้วย เป็นเพลงเก่าที่ไพเราะมีเนื้อร้องที่ขึ้นต้นว่า “จันทร์กระจ่างฟ้า นภาประดับด้วยดาว เมฆสวยราวเนรมิตประมวลเมืองแม้น”

“แม่มีวิญญาณของความเป็นครูอยู่เต็มเปี่ยม เมื่อตอนที่ตั้วยังเป็นเด็ก ก็จะมักซนตามประสาเด็กผู้ชาย ซึ่งแม่ก็จะทำโทษด้วยวิธีการของผู้ใหญ่เมื่อสัก 40-50 ปีที่แล้ว คือ ไม้เรียว แม่จะทำโทษด้วยการตี แต่ขณะที่ตีแม่ก็จะมีรอยยิ้มให้เสมอ”

ตั้วยังกล่าวในตอนท้ายว่า

“ในตอนที่แม่จะจากไป แม่ได้จับมือและบอกกับตั้วเป็นการสั่งลาว่า…สุขี สุขี นะลูก…และในวันนี้ตั้วก็อยากจะบอกกับแม่ว่า…สุขี สุขี นะแม่…เช่นกัน และเราจะยังคงสื่อสารพูดคุยกันได้ผ่านทางจิตวิญญาณที่คิดถึงกันตลอดไป”

ในช่วงเวลาที่ตั้วได้กล่าวความในใจนั้น มีการหยุดเพื่อตั้งสติเป็นช่วงๆ และแขกผู้ร่วมงานหลายคนก็ได้ร้องไห้ไปกับความรักของตั้วที่มีต่อแม่ด้วย

ใน “วันแม่” ที่ทุกคนจะระลึกถึงพระคุณของแม่ ความรักของแม่ จากงานพระราชทานเพลิงศพคุณแม่จำลองนี้ ก็ได้ฉายภาพของความรักที่แสนวิเศษของแม่ที่มีให้กับลูกอย่างตั้วได้เป็นอย่างดี และเราต่างก็ซึมซาบถึงความรักที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่นั้นได้เต็มเปี่ยม

ในฐานะเพื่อนของลูกชายคุณแม่ ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตาที่แม่เคยมีให้กับเหล่าลูกลิงทั้งหลายเสมอมา แม้จะเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตในช่วงวัยเรียนอุดมศึกษา แต่ก็เป็นช่วงที่ยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของลูกๆ เสมอมา

ขอให้ดวงวิญญาณของคุณแม่จำลองจงสถิตยังที่แห่งความสงบสุขสวยงาม สมกับคุณความดีและความรักที่ยิ่งใหญ่ที่แม่มีให้กับทุกคนตลอดชีวิตของแม่นะครับ