พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก

 

“พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” หมายถึงปัญหาหรือความทุกข์ยากเกิดซ้ำซ้อน ประดังเข้ามาในระยะเวลาใกล้เคียงกัน เกิดขึ้นอีกระลอกใน “พรรคพลังประชารัฐ” แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล

เมื่อ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ประชุมพิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดฟ้อง “นายวิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับพวกรวม 87 คน ในข้อหา

“เป็นเจ้าพนักงานของรัฐในการทำหน้าที่โดยทุจริต พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ในคดีทุจริตสนามฟุตซอลโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”

โดยองค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาสำนวนแล้ว มีคำสั่งประทับรับฟ้อง ซึ่งตามวิธีพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง บัญญัติไว้ว่า

“หากศาลประทับรับฟ้องแล้วให้จำเลยยุติปฏิบัติหน้าที่ เว้นแต่ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น” ฉะนั้น จำเลยมีตำแหน่งหน้าที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล

“เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล” ภายหลังมีคำสั่ง “นายวิรัฐ รัตนเศรษฐ” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที พร้อมกับพวกรวม 87 คนติดจั่น จำนวนนั้นประกอบด้วย “นางทัศนียา รัตนเศรษฐ” ภรรยา ส.ส.นครราชสีมา “นายวิรัช” และ “นางทัศนียาพร เกษเมธีการุณ” ส.ส.นครราชสีมา น้องภรรยา ต้นสังกัด พปชร.เดียวกัน

“นายวิรัช” ไม่ได้ตัวเปล่าเล่าเปลือย นอกจากเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว ยังเป็นหัวหน้ามุ้ง-ขาใหญ่ เบอร์ต้นๆ ของกลุ่ม 5 ช. และเหนือสิ่งอื่นใด คือ “ประธานวิปรัฐบาล”

บังเอิญเกินป๊ะกันพอดีเป๊ะ “สภาผู้แทนราษฎร” เปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่ 2 หลังปิดเทอมใหญ่ไป 120 วัน ซึ่ง “นายหัวชวน หลีกภัย” ในฐานะประธาน กดรีโมตเรียกประชุมนัดแรกในวันที่ 3 พฤศิกายน

หลัง “ประธานวิปรัฐบาล” และญาติวงศ์พงศาอีก 2 คนโดนแบน เป็นเหตุและปัจจัยให้ขั้วรัฐบาลขาดซุป’ตาร์ขาประจำ ระดับ “บิ๊ก” ในฐานะ “ประธานวิป”

ซึ่งการประชุมสภาคาบนี้ ดังที่ทราบมีร่างกฎหมายสำคัญค้างท่อ รอควอลิฟายอยู่บานตะเกียง อาทิ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฟื้นฟูเศรษฐกิจเพิ่มเติม ดันเพดานหนี้จากไม่เกินร้อยละ 60 ของจีดีพี เป็นไม่เกินร้อยละ 70

ร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อที่จะนำมาใช้บังคับแทนพระราชกำหนดบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับเก่า-ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ที่ยกยอดจากการประชุมครั้งก่อน และอีกหลายฉบับที่กรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ

“บิ๊กยักษ์” ในฐานะประธานวิป เป็นเสมือนผู้คุมเกม ไม่ให้ ส.ส.พรรคร่วมโดดร่ม ขาดประชุม จนเป็นห้องเครื่องให้ที่ประชุมไม่ครบองค์ ดังนั้น การที่ “นายวิรัช” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ น่าจะมีปัญหา “ชวนเสียว” มากพอสมควร

 

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาฐานเสียงสนับรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ 2/3” ที่ประกอบด้วย 19 พรรค จำนวน 270 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้าน 8 พรรค มี 212 เสียง ตัวเลขขี่กันหลายช่วงตัวแล้ว ยังมี “วุฒิสมาชิก” ยืนสแตนด์บาย ผายลม พร้อมทำหน้าที่ตัวช่วยอีก 250 คน แต้มบุญในมือดีกว่าหลายเท่า พวกมากลากไปไร้ปัญหา

โอกาสที่พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา และกฎหมายสำคัญๆ จะโดนคว่ำเกิดขึ้นยาก ถึงยากมากๆ

กฎหมายประเทศไทย ผ่านไม่ผ่านไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์เชิงประจักษ์ต่อประชาชนพลเมือง มันขึ้นอยู่กับจำนวนฝักถั่วมากหรือน้อยกว่าเป็นตัวชี้ขาดต่างหาก

ดังนั้น การที่ “นายวิรัช” และเครือข่ายต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ พลันที่ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง อย่าตั้งคำถามว่า มีผลกระทบเชิงลบ เชิงบวก ในการพิจารณากฎบัตรกฎหมายที่จะเข้าพิจารณาในสภาอย่างไร

ต้องถามว่า ต้นสังกัด “พรรคพลังประชารัฐ” มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอีกหรือไม่ หรือจะลงเอยทำนองเดียวกับ “เสี่ยสายเปย์” เงินหมด ชื่อเสียงหมด นางจร ชีวิตก็เริ่มลำบาก

และอย่าลืมว่า “วิรัช” ใน “พปชร.” ไม่ใช่ไอ้เท่ง ไอ้นุ้ย ชื่อเสียงเรียงนามระดับ “หรอยหนัด ปลัดบอก” ไม่เบาเลยแหละ มีบทบาทสูงทุกบริบท ล่าสุดตอนสถานการณ์ 8 กันยายน ศึกลงมติอภิปรายทั่วไปเพื่อไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคคล “เขา” มีไฮเพาเวอร์สูงยิ่งคนหนึ่งในฐานะแกนนำ “กลุ่ม 5 ช.”

แต่หลัง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พลิกเกมกุมชัยชนะในโค้งสุดท้าย “บิ๊กตู่” สางแค้นด้วยการทำ “ปืนลั่น” ปลดฟ้าผ่า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ออกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และ “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” โดนลูกหลง ถูกเด้งพ้นตำแหน่ง รมช.แรงงาน

แต่ “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” ลูกเลิฟ “วิรัช” ที่พ่อเป็นหนึ่งในกลุ่ม 5 ช. รอดปาฏิหาริย์

ยิ่งไปกว่านั้น ตอน “บิ๊กตู่” ทำเนียน นิมนต์ 6 รัฐมนตรีไปตึกสันติไมตรี ทำเนียบ เสนอยุทธศาสตร์ปรับโครงสร้างพรรค พปชร. ด้วยลูกไม้เดิม ให้กรรมการไขก๊อกออกจากตำแหน่งเกินกึ่งหนึ่ง และก่อมรรคผลให้กรรมการทั้งชุดหมดสภาพ และสามารถเลือกกรรมการชุดใหม่ได้โดยอัตโนมัติ

จากนั้น ส่งคนในคาถาเข้ายึดหัวหาด ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ล้างป่าช้า “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” และลูกข่ายได้แบบสบายง่ายหวานคอแร้งไปสิโยม

แต่ “พี่ใหญ่-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ในฐานะหัวหน้า พปชร. แสบไม่เบา ฉีกทิ้งไมตรีของ “2 ป.” กระจุย อ้างว่าถูกรุม พูดเอง เออเอง อีกคนพูดเก่ง อีกคนร้องเพลง บางจังหวะก็คั่นด้วยการเล่นตลก เลยจนแต้ม รับปากไปงั้นๆ

สรุป “บิ๊กป้อม” ประกาศลั่นไม่ให้กรรมการบริหารชุดเก่าไขก๊อก คนไหนที่ลาออกแล้วให้มากลับลำใหม่ เจอเข้าเหลี่ยมนี้ “บิ๊กตู่” เสียมวยไม่เป็นท่า เมื่อลงเอยเยี่ยงนี้ เชื่อกันว่า สภาเปิดเทอมสามัญประจำปี “กลุ่ม 5 ช.” ที่เหลืออยู่ ต้องโหนสถานการณ์ พ.ร.บ.ค้างท่อ เปิดเกมล้างตา “บิ๊กตู่” ขู่โหวตสวนกฎหมายสำคัญ ไม่คว่ำกระดาน ก็สามารถต่อรองปรับคณะรัฐมนตรี 2 เก้าอี้ที่ว่าง

อย่างน้อยๆ ส่งคนในคาถาไปหยิบชิ้นปลามัน และมีข่าวว่า “อธิรัฐ” ลูกรัก “ป๋ายักษ์” จะผงาดขึ้นระนาบว่าการ

แต่ระหว่างที่หมูกำลังขึ้นหาบ สถานการณ์กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม “วิรัช” ถูกโป้งปิดบัญชี หยุดปฏิบัติหน้าที่แบบสายฟ้าแลบ ก่อนรัฐสภาเปิดเทอมแค่ 1 ชั่วยามเท่านั้นพี่น้อง

ตอนนี้เหลือแต่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” คนเดียวโดดๆ ต้องสู้ยิบตา…บางทีหนทางที่อันตรายเท่านั้น สามารถทลายทางตันได้