ทราย เจริญปุระ : “ชาย” ไร้ฝน

คงจะต้องเปลี่ยนรองเท้าใหม่เสียที-เขาคิด

อยากใส่รองเท้าหนังสวยๆ เป็นเงาวับ หุ้มส้นห่อนิ้วมิดชิดอย่างที่เขาเล่ากันว่ามันนุ่มหนังเท้ากว่าแตะที่ใส่อยู่นี่เป็นไหนๆ

แต่ซื้อมาแล้วก็คงไม่ได้เอาไปอวดใคร

ใส่เดินไปเดินมาแล้วก็ถอดวาง

“มันส่งผ่านสู่ผู้ชายในตระกูล” ลุงของเขาบอก

ไม่ว่าจะพยายามไปแต่งกับคนนอกหมู่บ้านแสนไกลแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องมีสักคนนึงที่เป็นอย่างเขา

มันเริ่มตั้งแต่ตอนแม่ท้อง ผืนนาที่เคยชอุ่มกลับผากแล้ง มรสุมนำมาแต่ลมแรงกรังฝุ่น หยดน้ำและความชุ่มชื้นหายไปจากแผ่นฟ้าผืนดิน

ทุกคนรู้ว่าเป็นเพราะเขา รู้ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า รู้ตั้งแต่เขายังไม่คลอดออกมาจากท้องแม่ว่าเขานี่แหละ ไม่ใช่ใครอื่น รู้และเฝ้านับวันรอเวลาให้เขาออกมา เพื่อจะได้ให้เขาจากไป

 

ฉันมาถึงประเทศเกาะนี่อย่างงุนงง อยู่ๆ ชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรไปเพื่ออะไร พ่อตาย และแม่ก็ดูไร้จิตวิญญาณ

“มามั้ย มาเป็นผู้ช่วยเรา”

รู้-ทำไมฉันจะไม่รู้ ว่าคำว่า “ผู้ช่วย” นั้นก็เหมือนปิ่นโตที่ห่อพกไปจากบ้าน ราคาถูก ไม่เรื่องมาก ควงไปพอเก๋ๆ ช่วยคุยนั่นคุยนี่ยามกลางวัน และทำให้เตียงอุ่นไว้ในเวลากลางคืน

แต่ในเมื่อไม่มีอะไรดีกว่านี้ให้ทำ

ก็บอกตัวเองไปแล้วกันว่าไปหาประสบการณ์

 

กองถ่ายที่ไหนๆ ก็เหมือนกันทั้งโลก

แต่พอมาในฐานะทีมงานก็สนุกไปอีกอย่าง ฉันได้ไปร่วมบล๊อกช็อต ดูโลเกชั่น แปลคำศัพท์อุปกรณ์ต่างๆ ฉันรู้ว่าทุกคนดูงงๆ ที่เห็นฉัน ไม่ใช่ผู้ช่วยแบบมืออาชีพ แต่ก็ไม่ใช่ “เด็ก” ที่เอาติดสอยห้อยตามไปด้วยเฉยๆ โดยไม่รู้ความ

เมืองประหลาดที่เหมือนถูกกั้นสัดส่วนด้วยหลักทรัพย์ -บ้านหลังนี้สวยดี แต่กระเบื้องสระว่ายน้ำสีทึบไป สู้หลังก่อนไม่ได้ อันนั้นสระกว้างกว่าแต่บ้านไม่สวย

ทีมงานและฉันเดินช้อปปิ้งสถานที่ที่เรียกว่าบ้านซึ่งร้างผู้คน มีแต่แม่บ้านอยู่กับคนสวน บ้านที่ทำไว้เฉยๆ ใหญ่โตโอฬาริก ดูแลให้งดงามด้วยผู้คนที่ไม่มีวันจะได้เป็นเจ้าของ ถัดไปเพียงหนึ่งถนนที่เต็มไปด้วยคฤหาสน์ คุณจะได้พบกับสลัม หลังคาต่อหลังคาเกยชิด มีคนช่วยโบกรถให้ตรงทางกลับรถและขอเงินเป็นค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการอำนวยความสะดวกนี้

ฉันเพิ่งจำได้ว่ามีเขาร่วมอยู่ในการเดินทาง

-โลกเรามีงานที่เหมาะกับทุกคน- ใครต่อใครที่ออกไปจากที่นี่บอกต่อๆ กันมา เขาก็คิดอย่างนั้น คนเรานี่ต่างหากที่บางทีก็หาไม่เจอว่าเหมาะกับอะไรกันแน่ ทางเลือกเขามีไม่มากนัก แต่ที่แน่ๆ คือต้องออกไปจากที่นี่ เพราะถ้าเขายังอยู่ต่อไปก็มีแต่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่วิถีหมู่บ้าน ดูเหมือนทุกคนจะรู้ว่าเขาต้องออกไปทำอะไร และบางคน-เขาว่าเขาอ่านสายตานั้นไม่ผิด-ก็กำลังอิจฉาเขา

 

นั่นผู้กำกับฯ คนนั้นผู้ช่วยหนึ่ง นี่ธุรกิจกอง โน่นลูกค้า แล้วนี่ก็ตากล้อง

แล้วเขาเป็นใคร

ผู้ชายใส่เสื้อคอโปโลสีเลือดหมูเก่าๆ กับกางเกงสีกากี ดูไม่เก๋เท่ มิกซ์แอนด์แมตช์อย่างคนอื่นๆ ในคณะผลิตโฆษณา ท่ามกลางผ้าใบและสนีกเกอร์ราคาแพงของพวกเรา รองเท้าเขาเป็นรองเท้าแตะหนังแบบผู้ชายเก่าๆ กรำแดด แผ่นหนังที่ห่อหุ้มเท้าเขานั้นแห้งผากพอๆ กับพื้นดิน

“คนนั้นใคร” ฉันกระซิบถามผู้ช่วย บุ้ยปากระบุตัวตนคนที่ฉันถามถึงสำทับไปด้วย

“เรนแมน, ยู โนว์?” ผู้ช่วยโยนคำถามกลับมาที่ฉัน -เรนแมน- หนังที่ ดัสติน ฮอฟแมน เล่นเรื่องนั้นน่ะเหรอ ที่มี ทอม ครูซ เล่น–

“โน–นอท แดท เรนแมน” เขาตอบยิ้มๆ “เวท ฟอร์ ทูมอโรว์ ยู วิล ซี”

 

รองเท้าหนังใส่ทนนะ แค่ระวังอย่าให้เปียกน้ำ

จะเปียกไปได้อย่างไร–เขาหัวเราะออกมาดังๆ

นี่เขานะ คนที่เดินทางจากหมู่บ้านมาไกลแสนไกล มาสู่อาชีพที่มีกลุ่มคนอ้าแขนรอรับ และเป็นที่ต้องการตัวจนแทบไม่มีวันว่าง มีคนอย่างเขาอีกเหมือนกัน, เขารู้ แต่บางคนก็แก่เกินไป เหนื่อยเกินจะทำงานตั้งแต่เช้าจนดึก บางคนก็ยังเด็ก ไปไหนเองคนเดียวไม่ได้ ต้องไปกับพ่อหรือแม่หรือญาติสักคน อีกหนึ่งปากท้องที่เจ้าของงานต้องเลี้ยงก็ทำให้ตัดสินใจได้ไม่ยาก ว่าควรจะเรียกใครมาทำงานมากกว่ากัน

งานก็สบายดีนะ

ป่านนี้ที่หมู่บ้านจะเริ่มหว่านไถกันหรือยังก็ไม่รู้

เขานึกภาพนั้นยังไงก็นึกไม่ออก ภาพทุ่งนาเขียวสล้างท่ามกลางฝนโปรย มันคงจะสวยดี

แต่ไม่น่าจะเหมาะกับรองเท้าหนัง

 

ฝนตกปรอยๆ ที่ข้างนอก สะท้อนแสงไฟสปอตไลต์ที่ตั้งไว้เป็นจุดๆ ริมทะเล เสียงทะเลดังเกินไปสำหรับการนอน เราเลยร่วมรักกันเงียบๆ ปิดปากสูดลมหายใจลึก เกร็งแขนขารับแรงโลมไล้กระทั้นกระแทกของต่างฝ่าย แอบหัวเราะคิกคักกันหลังเสร็จสม บ่ายเบี่ยงให้อีกฝ่ายออกไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องน้ำก่อนแทนที่จะไปพร้อมกัน ตัวเหนียวหนับด้วยเหงื่อและเกลือจากลมทะเล ฉันจุดบุหรี่สูบ ความชื้นที่หว่างขาทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา -เลอะเตียงก็ช่างมัน-ฉันคิด

“คนนั้นใครน่ะ ที่ใส่เสื้อแดง ที่ไปกับทีมวันนี้”

“คนไหน”

“คนนั้นไง ผู้ชาย ดูแก่ๆ–เอ๊ย ก็ไม่นะ ซัก 40 ละมั้ง แต่โทรมๆ ไม่เหมือนคนกองเลย”

“อ๋อ เรนแมน”

“เอาอีกละ ผู้ช่วยก็บอกเรนแมน บอกให้รอดูพรุ่งนี้”

“อือ ถ้ามีเค้ามาในกอง ฝนจะไม่ตก”

“บ้า ไม่จริงหรอก”

“จริง เธอคอยดูสิ”

 

ถ้าจะมีอะไรน่าเบื่อบ้างสำหรับงานเขาก็คงเป็นอาหาร

กี่ที่ กี่งานก็เหมือนกันอยู่อย่างนี้

คนชอบนึกว่าเรื่องน่าเบื่อของเขาคือการไม่มีคนคุยด้วย นั่งเดียวดายเพียงลำพังตรงขอบการทำงาน หลังดวงไฟใหญ่ยักษ์ที่สาดส่อง แต่เขาชินเสียแล้ว นั่งดูคนก็สนุกดี เขารู้ว่าบางคนพูดถึงเขา อย่างผู้หญิงคนนั้นไง ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย สงสัยมากับใครสักคน ความสัมพันธ์กองถ่ายก็แบบนี้ เขาเรียนรู้ว่าผู้คนนั้นหมุนเวียนผัดเปลี่ยนกันไป ทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง บางครั้งหลังกล้องดูจะสำส่อนยวนยั่วซับซ้อนกว่าหน้ากล้องด้วยซ้ำ เห็นใครบอกว่าเธอมากับใครสักคน มาแล้วก็กลับไป แต่เขาก็ยังอยู่ตรงนี้ ที่ขอบสุดของกองถ่าย มองท้องฟ้าจ้าแดด

จินตนาการถึงฝนที่ไม่เคยตกลงมาต้องตัว