ไม่มีพญานาคยิงปืนส่องแสง

วงค์ ตาวัน

เข้าช่วงเทศกาลออกพรรษาหรือขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเกิดปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” ที่ลำน้ำโขง บริเวณจังหวัดหนองคาย มักจะเกิดข้อถกเถียงกันทุกทีว่า เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือจากอะไรกันแน่ จนมาปี 2564 ก็มีผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องการพิสูจน์บั้งไฟพญานาค ด้วยการยืนยันว่าเป็นฝีมือมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องของธรรมชาติ แต่มีการเก็บข้อมูลมาต่อเนื่องยาวนานจนมั่นใจว่ามาจากการยิงปืนส่องแสงที่ฝั่งลาว

ความจริง การพิสูจน์ความจริงว่าบั้งไฟพญานาคเกิดจากอะไรกันแน่ เป็นเรื่องที่ต้องสนับสนุน ยิ่งเราอยู่ในยุคที่ไม่ควรเชื่ออะไรด้วยความงมงาย ต้องมีข้อมูลมีหลักฐานที่รองรับได้ชัดเจนเท่านั้น จึงจะยอมรับและเชื่อถือ

เพียงแต่การอ้างอิงว่า บั้งไฟพญานาคเกิดจากการยิงลูกปืนส่องแสงที่ฝั่งลาวนั้น ไม่ใช่หนแรกที่มีคนออกมานำเสนอข้อมูลแนวนี้

หลายปีก่อนเคยมีข่าวในสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ข้ามฝั่งไปถ่ายทำที่ดินแดนลาวในคืนที่เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค มีภาพทหารบ้านของลาว ลากปืนออกมายิงลูกปืนส่องแสงอยู่ริมน้ำโขง แล้วสรุปว่า นี่แหละคือที่มาของบั้งไฟพญานาค

ข่าวชิ้นนี้โดนประท้วงหนัก จนสุดท้ายประเด็นนี้ก็เงียบหายไป

เหตุที่ข่าวนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ ส่วนหนึ่งเพราะขัดแย้งกับความเชื่อของคนในพื้นที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ศักดิ์สิทธิ์

แต่อีกส่วน คนที่มีความคิดเป็นวิทยาศาสตร์เต็มเปี่ยม ก็มองว่า เป็นสมมุติฐานที่มีน้ำหนักน้อยเกินไป เพราะบั้งไฟพญานาคเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดมานับร้อยปี จะมีองค์กรหรือขบวนการอะไร ที่จัดกำลังคนมาคอยซุ่มยิงปืนส่องแสงเช่นนี้เป็นประจำทุกปีไม่เคยขาดได้!

อีกอย่างคนหนองคายเองที่ได้ดูปรากฏารณ์นี้มายาวนาน หรือคนที่เคยไปนั่งดูถึงที่ในวันออกพรรษา เขาก็เห็นกันด้วยตาว่า จะมีแสงไฟจากฝั่งลาวจริง ซึ่งก็รู้กันชัดเจนว่านั่นคือการยิงปืนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองที่ฝั่งลาว เป็นคนละส่วนกันกับบั้งไฟพญานาค ที่เป็นลูกไฟผุดขึ้นมาจากกลางน้ำโขง

คนจำนวนมากได้เห็นลูกไฟที่ผุดขึ้นจากน้ำ อันมีลักษณะที่แตกต่างกันกับแสงไฟจากการยิงปืนที่ฝั่งลาว

ยืนยันได้ว่าในค่ำคืนที่เกิดบั้งไฟพญานาคนั้น มีแสดงที่เกิดจากสองส่วนจริง และคนที่ไปดูก็รู้และแยกได้ว่าอันไหนเป็นแสงที่มาจากการยิงปืนหรือจุดพลุ และอันไหนคือลูกไฟที่ขึ้นจากกลางน้ำจริงๆ

ดังนั้น การยิงปืนที่ฝั่งลาว ไม่ใช่เรื่องลึกลับน่าแตกตกตื่นอะไร มีอยู่จริง และเป็นคนละส่วนกันกับบั้งไฟพญานาคที่เขาไปนั่งดูกันในทุกๆ ปี

จะว่าไปแล้ว ความเชื่อในเชิงความลี้ลับแนวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มองว่าลูกไฟดังกล่าวมาจากพญานาคใต้น้ำโขงนั้น ไม่มีอะไรมารองรับให้น่าเชื่อถือ สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ลำน้ำโขง เป็นสิ่งที่ตรวจสอบได้ มีปลาชนิดไหน ปลาใหญ่ปลาเล็ก แต่ไม่เคยมีการตรวจพบพญานาคใต้น้ำโขงแต่อย่างใด

พญานาคในเมืองบาดาล จึงเป็นแค่ตำนานที่เล่ากันมา แต่ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันได้

ขณะที่ความพยายามพิสูจน์ที่มาที่ไปของปรากฏการณ์ลูกไฟจากลำน้ำโขง ทำกันมายาวนาน โดยนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ เป็นการพิสูจน์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วย พอจะอธิบายได้ในระดับหนึ่ง

นักวิทยาศาสตร์ยืนยันได้ว่า เกิดในลำน้ำโขง มีหลายทฤษฎี แต่ก็เป็นวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น

นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้เชื่อในตำนานพญานาคแน่นอน แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้เอาเหตุการณ์ที่มีการจุดพลุบ้าง มีการยิงปืนที่ฝั่งลาวบ้าง มาใช้อธิบายปรากฏการณ์อันสลับซับซ้อนยิ่งใหญ่นี้แต่อย่างใด

เพราะบั้งไฟพญานาค เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ต้องศึกษาค้นคว้าวิจัยกันอย่างจริงจัง เหตุผลเรื่องการยิงปืนส่องแสงนั้น มีน้ำหนักน้อยจนไม่ควรเอาเข้ามาใช้อธิบายอะไรในเรื่องนี้ได้

กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในยุคนายพินิจ จารุสมบัติ เป็นรัฐมนตรี เคยตั้งทีมงานศึกษาอย่างจริงจัง มีรองปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เป็นหัวหน้าทีม เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์ไทย กับนักวิทยาศาสตร์ลาว ร่วมกันศึกษาหาสาเหตุการเกิดปฏิกิริยาลูกไฟกลางลำแม่น้ำโขง

สรุปว่า เกิดจากกระบวนการที่ซับซ้อนของธรรมชาติ ผลตรวจวัดสารหรือธาตุที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการเกิดลูกไฟ สามารถสรุปในเบื้องต้นได้ว่า พื้นที่ที่สำรวจพบว่ามีบั้งไฟพญานาคจะมีลักษณะทางภูมิศาสตร์เฉพาะ คือ แม่น้ำโขงซึ่งเป็นลำน้ำหลักไหลมาบรรจบกับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านพื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งชุมชน จึงทำให้มีน้ำท่วมขังตลอด และองค์ประกอบทางเคมีฟิสิกส์ของลำน้ำทั้งสายหลักและสายรอง จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย

แต่เมื่อฤดูแล้ง หรือในเทศกาลเข้าพรรษา น้ำบริเวณดังกล่าวจะลดปริมาณลง ดังนั้น จะมีช่วงเวลาที่ทำให้เกิดการย่อยสลายของซากพืช ซากสัตว์ ด้วยกระบวนการทางธรณีเคมีชีวภาพ หรือชีวธรณีเคมี สารเคมีเหล่านี้บางส่วนละลายได้ในน้ำ อยู่ในสถานะอิออน หรือถูกดูดซับอยู่กับตะกอนขนาดต่างๆ ที่แขวนลอยอยู่ในน้ำ บางส่วนตกตะกอนใต้ท้องน้ำ หรือกลายเป็นก๊าซ จึงทำให้สารเคมีเกิดการหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ ด้วยกระบวนการชีวธรณีเคมี เมื่อสารเหล่านี้อยู่ในสภาวะและองค์ประกอบที่เหมาะสม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ได้มากมาย

นอกจากนี้ การเก็บข้อมูลที่อ่างเก็บน้ำซึ่งมีดวงไฟลอยขึ้น พบว่า มีการสะสมของถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ สารประกอบอินทรีย์ และออร์แกนิก ที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษย์ นานนับร้อยปี ทำให้มีก๊าซมีเทน และฟอสฟอรัส ทำปฏิกิริยากับน้ำ อากาศ จึงทำให้มีดวงไฟเกิดขึ้น

ยังมีการศึกษาวิจัยของนักวิชาการอีกหลายคณะ ที่มีคำอธิบายถึงสภาพธรรมชาติ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็มีบทสรุปทำนองเดียวกันว่า ปรากฏการณ์นี้ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีความพิเศษนั่นเอง คงไม่มีพญานาคอยู่ใต้น้ำ แต่ก็ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์มาวางดินระเบิด มาจุดลูกไฟ หรือมายิงปืนอะไรแน่นอน

แน่นอนว่า เราไม่ควรมีคำอธิบายปรากฏการณ์แปลกพิเศษบนโลกนี้ด้วยเหตุผลเพียงว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะนั่นออกแนวจิตนิยมเกินไป

แต่ก็อย่าคิดหักล้างสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยการหยิบเอาปรากฏการณ์แค่บางส่วน แล้วเอามาสรุปอย่างมั่นใจ เพื่อตอบสนองความเชื่อที่ตั้งธงเอาไว้

ไม่ต่างจากปัญหาใหญ่ๆ ในประเทศเรา เช่น ความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งระหว่างความคิดทางการเมือง มักจะใช้อคติความเชื่อทางความคิดตัวเองมากำหนด จนไม่รับฟังเหตุผลของฝ่ายคิดต่าง หรือไม่ตรวจสอบอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ว่า ที่ตัวเองเชื่ออยู่นั้น มีเหตุผลเพียงพอหรือไม่

เคยร่วมชุมนุมล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง จนได้รัฐบาลทหารมาปกครองประเทศ และอยู่ยาวกว่า 7 ปีแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่า ไม่ใช่คณะปกครองประเทศที่มาเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่เป็นคณะปกครองประเทศที่มาเพื่อรักษาอำนาจให้กับกลุ่มนอกระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่

จนป่านนี้ก็ยังปักใจว่าต้องไล่ทักษิณ ไล่ยิ่งลักษณ์ โดยไม่ยอมทบทวนว่า 7 ปีมานี้ ประชาชนได้อะไรจากการไปร่วมชุมนุมเพื่อให้ทหารเข้ามาปกครองประเทศ

ความคิดความเชื่อ ควรอยู่บนพื้นฐานของการตรวจสอบได้ พิสูจน์ได้

บั้งไฟพญานาคต้องพิสูจน์ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ และวันนี้ก็มีคำอธิบายที่เป็นวิทยาสตร์ได้ชัดเจนพอสมควรแล้วว่า เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของสภาพใต้ล้ำน้ำโขงอันมีลักษณะทางธรณีที่ซับซ้อน!