หลังเลนส์ในดงลึก : ‘ความหวัง’ / ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
กวางป่า - แอ่งน้ำเล็กๆ เหมาะสำหรับการนอนกลิ้งเกลือกโคลน เมื่อโคลนแห้งจะกลายเป็นเครื่องมือกันแมลงที่ชุกชุมในช่วงฤดูฝนได้

 

 

‘ความหวัง’

 

ปลายเดือนตุลาคม

เป็นเรื่องปกติของทุกปี ที่ในช่วงเวลานี้ คนทำงานในป่าจะต้องอยู่กับสภาพป่าซึ่งถูกห่มคลุมด้วยสายฝน บางปีมาก บางปีน้อย แต่ในปีนี้ดูเหมือนว่า ป่าจะชุ่มฉ่ำ น้ำในลำห้วยเอ่อล้นทะลักมากกว่าปีก่อนหน้า

พยากรณ์อากาศ ข้อความเดิมๆ “ร่องความกดอากาศต่ำจากทะเลจีนใต้เคลื่อนเข้าฝั่งเวียดนาม ทำให้เกิดฝนตกหนักไปทั่วบริเวณด้านตะวันตกของประเทศ”

อีกทั้งเราจะมีคำพูดซ้ำๆ เหมือนกันด้วยว่า “เดินทางในป่าช่วงนี้หนักหนาเอาการ” ไม่ใช่การบ่นท้อ เพราะความ “หนักหนาเอาการ” ที่บอกคนอื่นนี้คนทำงานในป่ายอมรับว่า มันอยู่ในส่วนหนึ่งของงานที่เราเลือกทำ

สายน้ำหลากล้นลำห้วย ไหลเซาะเส้นทางขาดเป็นช่วงๆ ลำห้วยสายเล็กที่เดินข้ามได้ กลายเป็นลำห้วยใหญ่น้ำลึกไหลเชี่ยว

ใบไม้ชุ่มน้ำ กิ่งใหญ่หัก หลายต้นล้ม หนอง บึง น้ำเต็มเปี่ยม กลางคืน กบ, เขียด, ปาด, อึ่งส่งเสียงระงม

กระทิงรวมฝูงวนเวียนอยู่ตามโป่ง เช่นเดียวกับฝูงวัวแดง

หลายครั้งการเดินทางสู่จุดหมายต้องยุติ หันหลังกลับ เพราะระดับน้ำในลำห้วยสูง เชี่ยวแรงเกินที่รถจะข้ามได้ หรือไม่ก็ขึงผ้ายาง ผูกเปลพักรอให้ระดับน้ำลดลง อาจใช้เวลาสองวัน-สามวัน

ยอมรับว่า ธรรมชาติไม่ใช่เรื่องที่จะฝืนเอาชนะ

ช่วงเวลาแห่งการรอ คล้ายจะไม่นาน

แม้อยู่ในฤดูฝนอันหนักหนา แต่มันมีความจริงอยู่ว่า อีกไม่นานฤดูหนาวจะมาถึง…

 

หัวข้อหลักๆ ที่เราคุยกันในตอนเย็นคือ การเล่าเรื่องเส้นทาง การวิ่งหลบช้าง รวมทั้งเห็บ และทากชุกชุม

วิ่งหลบช้าง, กระทิง เป็นเรื่องปกติของคนทำงานในป่าไปแล้ว แม้หลายครั้งมันคือเรื่องเศร้า มี “สัตว์ป่วย” สัตว์ที่ถูกรุกไล่กระทั่งจนมุม ถูกขับไล่ ถูกทำให้บาดเจ็บ ส่วนหนึ่งอยู่ในวิถี เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับ

จากที่เคยตื่นหนี มีสัตว์หลายตัวที่พร้อมเข้าโจมตีเมื่อเผชิญหน้ากับคน

 

ก่อนจะอยู่ภายใต้ท้องฟ้ามืดครึ้ม สายฝนหนักไม่นาน

ชีวิตในป่าอยู่กับความแห้งแล้ง แค่เพียงฝนแรกมาถึง ป่าก็เปลี่ยนสภาพอย่างรวดเร็ว ทุกหนแห่งได้รับการแต่งแต้มด้วยสีเขียวอ่อนๆ จากการแตกใบ บนพื้นซึ่งเป็นเถ้าดำเพราะความร้อนแรงจากไฟ กลายเป็นหญ้าเขียว ความสดชื่น รวมทั้งอาหารกลับคืนมา ต้นเต็ง ต้นรัง ออกดอกเล็กๆ ร่วงหล่น ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ

ทั่วทั้งป่าระงมด้วยเสียงจักจั่น พวกมันโปรยฉี่ลงมาเป็นสาย อากาศช่วงบ่ายแดดแรงกล้า

นี่ยังไม่ใช่ฤดูฝนหรอก ยังต้องอยู่กับความแล้งอีกสักระยะ เป็นเพียงสัญญาณเตือนว่า ให้เตรียมพร้อมกับสายฝนหนักที่กำลังจะมาถึง

ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนไป ไม่มีสิ่งใดอยู่ถาวร

 

ฟ้าแลบเป็นทางยาว แนวไม้อยู่ในเงาตะคุ่มๆ สายฝนเริ่มโปรย กวางส่งเสียงเปิ้บๆ สำเนียงบอกการระวังภัย

เสียงแปลกๆ ดัง “ครืด ครืด” คล้ายเสียงดังจากลำคอ แทรกขึ้นมาเป็นเสียงเสือดาว เสียงนี้ดังขึ้นไม่ไกลจากแคมป์ตอนหัวค่ำทุกคืน

กวางรู้ตัว การย่องเงียบเข้าหา ล้มเหลว หลายวันแล้วที่มันยังทำงานไม่สำเร็จ

หากความหมายในชีวิตอย่างหนึ่งคือ อดทน รอคอย

ดูเหมือนว่า เสือดาวจะสอนบทเรียนนี้ให้รับรู้

 

ค้างแรมอยู่ในป่าในคืนที่ฝนตกหนักตั้งแต่หัวค่ำจนกระทั่งเช้า ยุง ริ้นรุมตอม ริ้นตัวเล็กแทบมองไม่เห็นมันเล็ดลอดผ่านมุ้งเปลเข้ามาได้ ในเวลาเช่นนี้ อดนึกถึงบ้าน หลังคากระเบื้องแน่นหนาไม่ได้

แต่ก็เถอะ มีเพียงเมฆฝนทะมึน แต่ไม่มีอะไรดีกว่ารอให้ถึงเช้า ฝนหยุด สายหมอกหนา

แสงอบอุ่นของดวงอาทิตย์ลอดสายหมอกเป็นทาง

นั่นเป็นภาพที่จะเห็น

 

ฤดูฝน น้ำในลำห้วยขุ่นแดง เราใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน

ข้างกองไฟซึ่งส่องแสงวับแวม สายฝนตกกระทบผ้ายางเปาะแปะ เสียงใครสักคนพูดเรื่องเดิมๆ “เพราะอาบน้ำในห้วยนี่แหละ ทำให้ไปไหนไม่พ้น อยู่แต่ป่านี้”

ผมมองข้ามกองไฟ ทุกคนที่นั่งใกล้ๆ ทำงานในป่านี้เกินกว่า 10 ปี

ผมเช่นกัน นานแล้วที่ผมเริ่มต้นที่นี่ และไปอีกหลายป่าเพียงใด ผมพบตัวเองกลับมาที่นี่เสมอ

บางทีคล้ายเป็นความจริงง่ายๆ ของชีวิต ไม่ว่าจะไปไกลเพียงใด จุดเริ่มต้นย่อมเป็นที่ซึ่งจะย้อนกลับมา

 

อีกไม่นาน ฝนจะหยุด นั่นคือเวลาของสายลมหนาว

เมื่อถึงตอนนั้น ดอกไม้จะชูช่อ ทากน้อยลง ยุง ริ้นแทบหาไม่พบ ท้องฟ้าสดใส คืนข้างขึ้นดวงจันทร์กระจ่างฟ้า และดาวมหาศาลระยิบระยับในคืนข้างแรม

ไม่ว่าจะเป็นค่ำคืนที่สายฝนกระหน่ำหรือคืนที่เหน็บหนาว สัตว์ป่าทำงานของพวกมัน เสือดาวยังคงย่องเงียบ ซุ่มรอ

เหล่าสัตว์กินพืชรู้ดีว่า บนพื้นที่มีสภาพเป็นเถ้าดำ อีกไม่นานจะเขียวชอุ่มด้วยหญ้าอ่อนๆ

ใต้ท้องฟ้ามืดมิด หลังเมฆดำมีดาวระยิบ ถูกห่มคลุมด้วยสายฝนหนาทึบ มีฤดูหนาวที่ท้องฟ้าสดใสรออยู่

กับความรู้สึกนี้ ความหมายของมัน เรียกได้ว่า คือ “ความหวัง”

และนี่เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่เหล่าสัตว์ป่าทำให้เห็น