ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 ตุลาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | เขย่าสนาม |
เผยแพร่ |
เขย่าสนาม / เงาปีศาจ
ก้าวย่างใหม่เวทีมวย ‘ลุมพินี’
‘รีแบรนด์’ สู่ระดับนานาชาติ
ประกาศล้างบางการพนัน!
การมาของเจ้าเชื้อไวรัสร้าย “โควิด-19” ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการมวยไทยอย่างมากมาย…ที่น่าจับตามองมากที่สุด และกำลังจะเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการมวยไทยคือ เวทีมวยลุมพินี
ย้อนไปปีที่แล้ว เวทีมวยลุมพินี ถูกสังคมตราหน้าอย่างหนักว่าเป็นแหล่งแพร่เชื้อไวรัส “โควิด-19” จนกลายเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ในเวลาต่อมา ส่งผลให้กิจกรรมมวยไทยทุกเวทีโดนคำสั่งระงับห้ามจัดการแข่งขันใดๆ เหมือนเช่นกิจกรรมกีฬาอื่นๆ
ระหว่างทางที่เวทีมวยลุมพินีตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศ มีกระแสข่าวลือว่า กองทัพบก ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมเวทีมวยลุมพินีโดยตรงหมดความอดทนกับกรณีดังกล่าวถึงขั้นเตรียมปล่อยเวทีมวยลุมพินีให้ภาคเอกชน หรือมีกระแสแม้กระทั่งยุบกิจการพร้อมกับพลิกโฉมไปเป็นศูนย์อนุรักษ์และส่งเสริมกีฬาของกองทัพบกเพื่อเปิดการเรียนการสอนมวยไทย หรือกีฬาต่อสู้อื่นๆ ให้กับเยาวชนไทย
ต่อมากองทัพบก โดย “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (บก.ทบ.) ตัดสินใจส่ง “บิ๊กแดง” พล.ท.สุชาติ แดงประไพ นายสนามมวยเวทีลุมพินี เข้ามาบริหารงานเวทีมวยลุมพินี
การมาของ “บิ๊กแดง” แบกรับคำสั่งของกองทัพบกที่ต้องการ “รีแบรนด์” เวทีมวยลุมพินี ฟื้นความเชื่อมั่น น่าเชื่อถือของเวทีมวยลุมพินีต่อสายตาของสังคมไทยไว้เต็มบ่า
ระหว่างทางที่รอคำสั่งปลดล็อกให้มวยไทยกลับมาจัดแข่งขันได้ “บิ๊กแดง” เริ่มลงมือสังคายนาเวทีมวยลุมพินีทั้งระบบ ตั้งแต่การจัดโครงสร้างการบริหารงานใหม่ การปรับรูปแบบการแข่งขัน การปราบการเล่นการพนันในเวทีมวย การยกระดับมาตรฐานการตัดสิน ประเภทมวยล้มต้มคนดูไม่มีอีกต่อไป
ทั้งหมดนี้เพื่อต้องการนำแบรนด์ของเวทีมวยลุมพินี ก้าวข้ามระดับประเทศไปสู่สังคมมวยนานาชาติ เวทีมวยลุมพินีโฉมใหม่จะร่วมมือกันทำงานกับโปรโมเตอร์ทุกคน ทุกค่าย ไม่แบ่งแยก แบ่งก๊ก แบ่งเหล่า
ประเด็นใหญ่ที่สังคมยังถามไถ่กันมามากคือ จะทำได้หรือไม่กับการแยกการเล่นการพนันออกจากการแข่งขันมวยไทย
คำตอบคือ ทำได้ถ้าจะทำกันจริงๆ แต่ต้องไม่หรี่ตาข้างหนึ่งให้ “ใคร” ทำได้ และให้ “ใคร” ทำไม่ได้ ทั้งหมดต้องมาตรฐานเดียวกัน
ณ วันนี้ “บิ๊กแดง” ไปดำเนินการถอนใบอนุญาตการเล่นพนันในเวทีมวยลุมพินีกับกรมการปกครองเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่า หากมีการวางเดิมพัน 5-4 / 3-2 ในเวทีมวยกรณีที่กลับมาเปิดให้มีผู้ชมเข้าไปในสนามได้เหมือนเมื่อก่อนแล้วนั้น การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ สน.บางเขน สามารถเข้าไปดำเนินการจับกุมได้ทันที
ดังนั้น ผู้ชมที่จะเข้าไปชมการแข่งขันมวยไทยในเวทีมวยลุมพินีจะเป็นคนกลุ่มใหม่ๆ ไม่ใช่เซียนพนัน ผีพนันอีกต่อไป กลุ่มใหม่ๆ ที่ว่า อาจจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มคนที่ต้องการชมมวยไทยเป็นศิลปะแม่ไม้มวยไทยเพื่อการศึกษาและอนุรักษ์ไว้เท่านั้น
ถามว่า เซียนพนันเหล่านั้นจะลงแดงหรือไม่ ถ้าไม่ได้เล่น คำตอบคือ ทุกวันนี้ก็มีประเภท “มวยตู้” ที่บรรดาเซียนมวยไปรวมตัวกันเล่นหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งนั่นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเวทีมวยลุมพินีในทางกฎหมาย
แต่สิ่งที่สังคมอีกส่วนเรียกร้องคือ เวทีมวยลุมพินีต้องไม่ส่งเสริม ชักจูง หรือเปิดช่องว่างให้มีการเล่นการพนันในทุกรูปแบบ
ไม่ใช่เฉพาะเวทีมวยลุมพินีที่ริเริ่มประกาศสงครามกับ “วงจรอุบาทว์” แต่สนามมวยเวทีอื่นๆ ควรยึดแบบอย่างที่ดี แนวทางที่ดีของเวทีมวยลุมพินี ไปเป็นตัวอย่างด้วยซ้ำ
“บิ๊กแดง” พล.ท.สุชาติ แดงประไพ นายสนามมวยเวทีลุมพินี เปิดใจว่า ตอนที่เข้ามารับตำแหน่งนายสนามมวยเวทีมวยลุมพินีได้รับนโยบายจากผู้ใหญ่มา 3 ข้อคือ
1. ลุมพินียุคใหม่ปลอดพนันแบบ 100%
2. สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของลุมพินี
และ 3. ลุมพินีจะสร้างความชอบธรรมให้คนมวยไทย
ที่ผ่านมาเราปฏิรูปไปทั้งระบบแล้ว ลุมพินีปัจจุบันเป็นบ้านใหม่แต่สถานที่เดิม และเราจะใช้โครงสร้างนี้อีก 3-5 ปี เวทีมวยห้องแอร์เดิมจะเป็นสถานที่สปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ เราได้ยกเลิกการขออนุญาตเล่นการพนันจากกรมการปกครอง เราจะเน้นนำเสนอมวยไทยแบบตื่นเต้น เร้าใจ เน้นยุติธรรม อนาคตลุมพินียังจะมีการจัดตั้งโรงเรียนสอนมวยไทยขึ้นมาอีกด้วย
“ลุมพินีขอโอกาสจากสังคมให้กลับมาจัดแข่งแบบปิดด้วยเหตุผลข้อเดียวคือ ให้ลูก-หลานนักมวยได้ประกอบอาชีพ ลุมพินียินดีรับการตรวจสอบทุกเรื่อง เราจะไม่ทำลายระบบวงการมวยไทย ต้องยอมรับว่าโควิดกับเรื่องการพนันทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลง ขอกำลังใจให้พวกผมเดิน ลุมพินีในยุคของผมจะร่วมมือกับทุกฝ่าย”
พล.ท.สุชาติบอกอีกว่า ตามนโยบายของท่านผู้บัญชาการทหารบก ลุมพินีพร้อมรับทุกโปรโมเตอร์เข้าร่วมงาน และหารือกัน ทุกอย่างจะลงตัวแล้วเสร็จทุกด้านก่อนสิ้นเดือนพฤศจิกายน
เวทีลุมพินียุคใหม่นี้ ไม่เพียงแต่จะรับรายได้จากยอดผู้เข้าชม และลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด แต่จะลดค่าเช่าสนามเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้โปรโมเตอร์ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะจัดมวยไทยนัดสัญจร รวมทั้งใช้เวทีจัดการแข่งขันมวยสากลอาชีพด้วย มีการประสานกับกรมราชทัณฑ์ และมวยทหารภายในของกองทัพ พร้อมเปิดให้เยาวชนผู้สนใจเข้าชมฟรี มีการดึงอดีตนักมวยมีชื่อ เป็นครูถ่ายทอดวิชาการต่อสู้ ตั้งสถาบันครูมวยให้เกิดขึ้นให้ได้ รวมทั้งรูปแบบการถ่ายทอดสดออนไลน์ในอนาคต
ทั้งนี้ ทุกอย่างจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป
นี่เป็นก้าวย่างสำคัญของการเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมเวทีมวยลุมพินีที่ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้
นี่เป็นการตัดสินใจที่น่ายกย่อง น่าชื่นชมกองทัพบกที่ “กล้า” ที่จะคิดนอกกรอบเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรี
คอยติดตามปฏิบัติการ “รีแบรนด์” เวทีมวยลุมพินี นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป…