ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : ของคาวมาก่อน / อุรุดา โควินท์

 

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: ของคาวมาก่อน

 

“พูจะทำ blini เป็นขนม” ฉันบอกเขาหลังมื้อเช้า

เก็บโต๊ะ ล้างจานเรียบร้อย ฉันเปิดประตูบ้านออกไป

อธิบายเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า ครัวของฉันอยู่ห่างจากห้องกินข้าวราวสามสิบเมตร และอยู่ห่างจากห้องทำงานราวยี่สิบเมตร

บ้านใหม่ของเราประกอบด้วย 3 ส่วน

หนึ่ง ห้องกินข้าว (และบาร์) ห้องนอนเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังห้องกินข้าว ห้องทำสบู่ที่ต่อใหม่โดยใช้ผนังร่วมกับห้องกินข้าว

สอง ห้องทำงาน สร้างขึ้นใต้ต้นไม้ แทนที่โรงเก็บของเหลือใช้ (ก็ขยะนั่นล่ะ) ของแม่

สาม ห้องครัว ซึ่งใช้โครงหลังคาเดิมของโรงบาติก

เราต้องเดินเยอะสักนิด แต่บ้านที่แยกออกเป็นส่วนก็มีข้อดีเหมือนกัน ครัวไม่ส่งกลิ่นรบกวนห้องอื่น ไม่รบกวนใคร ห้องทำงานทำให้เรารู้สึกว่าเมื่อเข้ามาแล้วต้องทำงาน และเมื่อออกจากห้องหมายถึงเลิกงาน พักผ่อนได้ และใช่ ทำความสะอาดแบบแยกส่วนวันละห้องได้สบาย

บ้านควรจะสะอาดขึ้นวันละนิด น่าอยู่ขึ้นวันละหน่อย

 

ฉันชอบบ้านหลังเล็กๆ ที่ฉันมีแรงทำความสะอาดเอง ซันมักพูดว่า ฉันไม่ต้องจ้างเธอก็ได้ เพราะฉันทำเองได้สบาย

เธอถูกเพียงครึ่งหนึ่ง เธอช่วยฉันได้มาก ช่วยลดเวลา และผ่อนแรง บ้านใหม่ของเราพื้นที่เล็กลง แต่ฉันยังให้ซันมาสัปดาห์ละวัน เพราะ-ในเมื่อรู้จักกันแล้ว เราไม่ควรทอดทิ้งกัน เธอไม่ควรทิ้งฉันให้ทำความสะอาดบ้านคนเดียว และฉันไม่ควรทำให้เธอมีรายได้น้อยลง

ซันกำลังทำความสะอาดห้องทำงาน ซึ่งฉันขอให้เธอเก็บรายละเอียด เช็ดกระจก ชั้นหนังสือ และอื่นๆ

บ้านเล็กแต่ของเยอะ การทำความสะอาดก็ยากไปอีกแบบ ไม่เหนื่อย แต่ใช้เวลามาก ฉันเข้าใจ จึงบอกเธอก่อนเข้าครัว-ไม่ต้องรีบ เน้นความเนี้ยบราวกับทำความสะอาดคฤหาสน์ดาวน์ทาวน์

ลงท้ายด้วย “ทำอาหารเสร็จ พี่จะมาช่วย”

 

ในครัวใหม่แสงเช้างาม ยุงน้อย อากาศถ่ายเทดี และอีกข้อดีของครัวแยกส่วน-เครื่องดูดควันไม่จำเป็น หน้าต่างเยอะหน่อยก็พอ

ฉันผสมแป้งไว้ก่อนแล้ว แป้งต้องพักอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงจึงจะทอดได้ ทำในสัดส่วนที่พอดีกิน ใช้แป้ง 200 กรัม นม 650 ML ไข่สองฟอง น้ำตาลหนึ่งช้อนโต๊ะ เกลือครึ่งช้อนชา

มีเคล็ดลับเกี่ยวกับแป้งนิดหน่อย เราไม่ผสมแบบเททุกอย่างโครมคราม แต่เราตีไข่ น้ำตาล เกลือให้เข้ากันก่อน จากนั้น ค่อยๆ เติมแป้งจนแป้งหนืด จึงเติมนมทีละนิด เติมแป้งกับนมสลับกันกระทั่งหมด คนให้เข้ากันดี แล้วพักไว้นิ่งๆ

ตอนนี้ฉันแค่เติมน้ำมันมะกอกลงในแป้งสองช้อนโต๊ะ แป้งก็พร้อมทอด

น้ำมันทำให้แป้งยืดหยุ่น ทอดง่ายโดยไม่ต้องใช้น้ำมัน

เขาเดินเข้าครัว ถาม “ทำไส้เนื้อดีมั้ย”

“ก็ดีนะ ไว้กินเล่นตอนบ่าย” ว่าแล้วฉันก็หยิบแคร์รอตกับหอมใหญ่มาล้าง

อาหารรัสเซียมักเริ่มด้วยผัดหอมใหญ่กับแคร์รอตด้วยไฟอ่อนจนนุ่ม ใช้น้ำมันแต่น้อย แคร์รอตขูดเป็นเส้น ส่วนหอมใหญ่หั่นเต๋าเล็ก

เมื่อผักนิ่มดีแล้ว ตั้งอีกกระทะ รวนเนื้อสับให้สุก เทผักรวมกับเนื้อ ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไทยดำ ผัดจนร้อน ใส่เนยลงไปนิดหน่อย ปิดเตา คนให้เข้ากัน

ไส้เนื้อนั้นจะห่อด้วยแป้งแพนเค้กแบบพับริมแล้วม้วน ง่ายดายมาก (ถ้าทอดแป้งได้ดี)

 

เขาบอกฉันว่า blini ที่ดี ต้องมีรูพรุน ฉันเพิ่งรู้วิธี มันเกี่ยวกับไฟโดยตรง กระทะต้องร้อนพอ แม้เราใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน เราต้องรอกระทะร้อน โดยไม่กลัวว่าจะไหม้ และทาน้ำมันเคลือบกระทะในการทอดแผ่นแรกเท่านั้น

ถ้ากระทะร้อนพอ เทแป้งลงไป จะเกิดรูพรุนโดยพลัน

ปริมาณแป้งก็สำคัญ ควรให้พอดีกับขนาดกระทะ blini ควรบาง แต่ไม่ได้บางเสียจนห่ออะไรไม่ได้ ฉันใช้กระทะ 9 นิ้ว ตักแป้งครั้งละหนึ่งส่วนสี่ถ้วย เทแป้งลงกลางกระทะ แล้วเอียงให้ไหลเป็นวงกลมทั่วกระทะ รอไม่กี่อึดใจ แป้งด้านล่างก็สุกเป็นสีทอง กลับด้านทอดอีกสองอึดใจ ก็เทแป้งลงจานใบใหญ่ได้

ระหว่างรอแป้งแผ่นต่อไปสุก ฉันทาเนยแผ่นก่อนหน้า เวลาเก็บ ฉันพับเป็นสามเหลี่ยมซ้อนกัน โดยเอาด้านที่มีเนยออก เก็บในตู้เย็นได้เป็นสัปดาห์

หยิบออกมาสักแผ่น นึ่งให้ร้อน หยอดน้ำผึ้งนิด แล้วม้วนเข้าปาก เป็นของหวานที่ไม่หวานนัก พอให้หายอยาก ของหวานทำให้เราสดชื่น แต่ถ้ากินหวานมากย่อมไม่ดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญ เบเกอรี่มักแพง แพงกว่าของคาวเสียอีก

ทอดแป้งดิบจนหมด ได้ blini 14 แผ่น ฉันยังไม่หิว แต่อยากให้เขาชิม

ห่อไส้เนื้อสองชิ้น ใส่จานใบเล็ก ก่อนโทร.เรียกเขา

“ดูดีมาก” เขาว่า

“เหมือนเป็นแม่บ้านรัสเซียเลยโนะ”

เขาหัวเราะ “ที่นั่นมักกินเป็นมื้อเช้า ส่วนใหญ่กินง่ายๆ ทาแยม หรือไม่ก็ครีมชีส”

“พูชอบกินกับน้ำผึ้ง”

“กินแบบคาวก่อน ค่อยกินแบบหวานพรุ่งนี้เช้า โอเคมั้ย”

ฉันบรรจงจรดปลายนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เป็นรูปวงกลม กรีดสามนิ้วที่เหลือขึ้น ชูตรงหน้าเขา