ย้าย ขรก.ข้ามห้วยไป-มา ยิ่งแก้ ยิ่งยุ่ง เป็นลิงแก้แห ทำประเทศเสียโอกาส : ในประเทศ

เรียกได้ว่าเป็นการโยกย้ายกันชนิด “บิ๊กล็อต” ในระดับบิ๊กข้าราชการเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ เสนอในการแต่งตั้งปลัดกระทรวง ไปจนถึงระดับอธิบดี และผู้ว่าราชการจังหวัด

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ครม. เพิ่งมีการแต่งตั้งปลัดกระทรวง “ล็อตแรก” ประกอบด้วย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และ นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์

แม้ว่าทั้ง 3 ตำแหน่ง จะไม่พลิกโผ แต่สำหรับกระทรวงมหาดไทย เกิดสภาวะหนาวๆ ร้อนๆ เมื่อชื่อของนายฉัตรชัยถูกเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิถุนายน แต่ชื่อดังกล่าวกลับไม่ถูกนำมาพิจารณา ทำให้ชื่อถูกดองอยู่ใน ครม. นานร่วมเดือน ที่หลายคนลุ้นแล้วลุ้นอีก ว่าชื่อนายฉัตรชัยจะออกมาเมื่อใด

จึงมีความพยายามไม่น้อยที่ใครบางคนต้องการจะขึ้นปลัดกระทรวงให้ได้ แต่ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทุบโต๊ะ ฟันธง ส่งชื่อนายฉัตรชัย เข้าสู่ที่ประชุม ครม. ทันที ในขณะที่บางฝ่ายที่มีความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นกับหลังบ้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงทำให้เรื่องถูกดองอยู่ระยะหนึ่ง

แต่ในที่สุด ชื่อก็ยังคงออกมาเป็น นายฉัตรชัย พรหมเลิศ

เพราะถ้านับจากอาวุโส ถือว่านายฉัตรชัยมีความอาวุโสสูงสุด เพราะขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งแต่อายุ 48 ปี และอยู่ในตำแหน่งผู้ว่าฯ ลพบุรี 3 ปี ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 5 ปีเต็ม

และฉัตรชัยเอง ก็เป็นแคนดิเดตปลัดมาหลายต่อหลายปี แต่ด้วยความที่อ่อนพรรษา จึงต้องต่ออายุให้อยู่ในตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไปก่อน และให้ นายกฤษฎา บุญราช มาขัดตาทัพในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย

ในขณะที่การแต่งตั้งปลัดกระทรวงในล็อตล่าสุดนี้ ประกอบไปด้วย นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ซึ่งกระทรวงนี้โผไม่มีพลิก ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

เช่นเดียวกับ นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เป็นปลัดกระทรวงพลังงาน ก็เป็นไปตามโผเช่นกัน

ต่างจาก นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมตรี ที่เป็น “ม้ามืดสนิท” โดยที่ไม่มีใครรู้มาก่อน เพราะก่อนหน้ามีข่าวลือว่าเก้าอี้นี้จะต้องเป็นการข้ามห้วยแน่นอน

เพราะหลังจากที่ นายจรินทร์ จักกะพาก อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อกหักจากเก้าอี้ปลัดกระทรวงมหาดไทย บ้างก็ว่ามีชื่อมานั่งปลัดสำนักนายกฯ บ้างก็ว่าไปนั่งปลัดกระทรวงแรงงาน

แต่ก็มีเสียงดังมาจากคนในกระทรวงแรงงาน แม้แต่ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ก็ยืนยันหนักแน่นว่าเก้าอี้ปลัดกระทรวงแรงงานตัวนี้ เป็นของคนในแน่นอน เก้าอี้ของนายจรินทร์ จึงถูกเบนไปที่สำนักนายกฯ

แต่โผก็พลิกอีกรอบ เมื่อชื่อ นายจรินทร์ จักกะพาก มาเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน

ข่าวสะพัดว่างานนี้มีการใช้กำลังภายในกันพอสมควร เมื่อกระทรวงมหาดไทยเสนอชื่อแต่งตั้งโยกย้ายภายใน ทั้งตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แทนนายฉัตรชัย ตำแหน่งรองปลัด และตำแหน่งผู้ว่าฯ แต่ไม่มีชื่อของนายจรินทร์ เพราะเป็นชื่อที่นอกเหนืออำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

จึงมีการทำเอกสาร เรียกประวัตินายจรินทร์ กันแบบฉุกละหุกที่หน้าห้องประชุม ครม. โดยอาศัยอำนาจนายกรัฐมนตรีในการแต่งตั้ง งานนี้เล่นเอา “บิ๊กบี้” เคืองไม่ใช่น้อย เพราะตกปากรับคำกับคนในกระทรวงแรงงานไปแล้วว่าต้องเป็นคนในเท่านั้น

ขณะที่ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ลูกหม้อกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ผงาดขึ้นสู่ตำแหน่งปลัดกระทรวงอย่างสง่างามในรอบ 5 ปี

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เก้าอี้ปลัดตกเป็นของ นายวิเชียร ชวลิต จากกระทรวงมหาดไทยครองตำแหน่งอยู่ 2 ปีกว่า

ต่อด้วย นายไมตรี อินทุสุต ที่ข้ามห้วยมาจากคลองหลอดเช่นกัน และยึดเก้าอี้ไปอีก 3 ปี

การแต่งตั้งในครั้งนี้จึงเป็นเกียรติเป็นศรีให้กับคน พม. หลังจากที่ต้องมานั่งเกษียณอายุในตำแหน่งรอ(ง)ปลัด และอธิบดี มาชั่วนาตาปี

ฟากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี ก็เกิดการข้ามห้วยเช่นกัน เพราะก่อนหน้านี้ นางวิไลลักษณ์ ชุลีวัฒนกุล ได้รับการแต่งตั้งโดยมาตรา 44 จากผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระโดดค้ำถ่อมานั่งปลัดกระทรวงเมื่อปลายปี 2559 แต่อยู่ไม่ทันจะครบปี ก็ต้องถูกย้ายไปประจำสำนักนายกฯ

โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา กระทรวงดีอี ตั้งแต่ชื่อเดิมคือกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) มีผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมาแล้วทั้งสิ้น 5 คน แต่พบว่ายังไม่มีใครสามารถดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงจนครบกำหนดเกษียณอายุราชการได้แต่อย่างใด

โดยล่าสุด ครม. มีมติให้ น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ข้ามห้วยจากสังกัดสำนักนายกฯ มานั่งแท่นปลัดกระทรวงแทนอีก

แต่คนที่เจ็บช้ำน้ำใจที่สุด จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจาก นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ไม่รู้ไปถูกตาต้องใจอะไร พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จึงได้มีการไปขอให้ย้ายข้ามห้วยมาจากอธิบดีกรมป่าไม้ มานั่งปลัดกระทรวงเกษตรฯ ทั้งที่ถ้ายังอยู่ที่เดิม ก็เป็นแคนดิเดตปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว

แต่อยู่ไปอยู่มาได้ปีกว่า เป็นพญาแรกนาขวัญได้ 2 รอบ ก็ถูกเตะเข้าไปประจำสำนักนายกฯ เพราะไม่มีไม้มีมือในการทำงานและไม่ถนัดงานด้านเกษตร ทั้งที่ก่อนหน้านี้โพลออกมาระบุว่า ต้องการให้มีการปรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ มากที่สุด แต่ “บิ๊กฉัตร” กลับเตะปลัดกระทรวงออกไปแทน ก็ต้องรอดูว่าหลังจากนี้จะมีผลงานเพิ่มขึ้นหรือไม่!!

ทว่า จากผลของการแต่งตั้งโยกย้ายข้ามห้วยข้ามหนอง ล้วนทำให้ประเทศเสียโอกาส เมื่อรัฐบาลใช้คนไม่ถูกกับงาน จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะด้วยมาตรา 44 ก็ดี หรือมติ ครม. ก็ดี แต่ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนให้ประเทศเดินหน้าไปได้ รังแต่จะทำให้ประเทศถอยหลัง ข้าราชการหมดกำลังใจ ทำอย่างไรก็ไม่เติบโตในหน้าที่การงาน เพราะมีการข้ามหัว ข้ามห้วยกันไปมา

ในท้ายที่สุดก็เป็นรัฐบาลที่ติดกับดัก ติดบ่วงที่ตัวเองวางเอาไว้ เพราะยิ่งทำก็ยิ่งไม่ต่างอะไรกับลิงแก้แห ที่ยิ่งแก้ยิ่งพันไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะมัวแต่คิดล้างบางปิดกั้นคนที่คิดว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามแล้วเอาคนของตัวเองเข้ามาแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้

ซึ่งก็จะไม่ต่างอะไรกับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่จะมีการแต่งตั้งในสัปดาห์หน้า จะมีการค้ำถ่อข้ามมาจากกระทรวงกลาโหมอีก

แล้วเมื่อไหร่คนทำงานมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก จะมีโอกาสได้เติบโตในสายงานของตัวเอง