ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : เริ่มต้นจากเคยดี / อุรุดา โควินท์

 

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: เริ่มต้นจากเคยดี

 

เรายังไม่ได้ตั้งครัว เพราะไม่มีเวลาไปตลาดอย่างจริงจัง ถ้าเห็นอะไรผ่านตา คิดว่าพอเอามาทำกินได้ ก็แวะลงซื้อสักหน่อย รวมกับแกงที่มีจากตู้เย็น และการจ่ายตลาดครั้งก่อน (ตั้งแต่วันไหนจำไม่ได้) เราก็ผ่านไปได้ทีละวัน-อย่างเหลือเชื่อ

ฉันไม่เคยคิด-การย้ายบ้านต้องใช้เวลามากเพียงนี้ เราขนของมาหมดแล้ว แต่ข้าวของยังไม่เข้าที่ ทุกวัน ฉันเดินจนก้าวไม่ออก เราย้ายมานอนบ้านใหม่สี่คืน โดยไม่ได้เริ่มงานของเราเลย ทั้งสี่วัน เราจัดของ หาที่เก็บของ ทิ้งของ ออกไปซื้อของ เรียกช่างมาซ่อม มาติดตั้ง และอื่นๆ อีกมากมาย

มีของอีกหลายกล่องกองไว้หน้าบ้าน หน้าครัว ต้องยอมรับว่า เราย้ายมาอยู่ในบ้านที่เล็กลงมาก ต่อให้ทิ้งของไปมากมาย แต่บ้านยังอัดแน่นไปด้วยข้าวของ เราใช้ทุกซอกมุมอย่างมีประโยชน์ หาตู้เก็บ หาที่เก็บ หากล่องเก็บ

ในที่สุดข้าวของส่วนใหญ่ก็มีที่ทางของมัน

เว้นเสียแต่ครัว ที่ต้องการเกาะกลางแบบเก็บของได้ ของในครัวทุกชิ้น เป็นของที่หยิบจับบ่อย ตอนนี้ฉันวางเบียดเสียดกัน ทำให้ไม่สะดวกเท่าที่ควร

ฉันตัดสินใจจากต้นทุน โอเค ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ไม่สะดวก แต่ฉันยังทำอาหารได้ เราควรเก็บเงินไว้จ่ายค่าช่าง เริ่มทำงานของเรา แล้วค่อยกลับมาหาความสะดวกในครัว

 

เพราะความไม่สะดวกรวมทั้งวัตถุดิบที่น้อยกว่าน้อย ทำให้ฉันนึกถึงเมนูหนึ่ง

ครั้งที่ฉันยังอยู่นครศรีธรรมราช ฉันไปนอนที่สวนบ่อย สวนไกลตลาด และไม่มีตู้เย็น เรานอนขนำ หุงข้าวทำอาหารจากเตาไม้ฟืน จ่ายของติดมือไปได้บ้าง เอาน้ำพริกแกง เอาเครื่องปรุงไป โปรตีนเน้นไข่ ที่เหลือ ไปหาเอาข้างหน้า

ในสวนมีทั้งผักกูด ยอดมะระขี้นก ยอดลำเพ็ง มีเห็ด มีสะตอ และลูกเหนียง หาปลาในคลองได้บ้าง เอามาทอดขมิ้นกินกับน้ำพริก หรือไม่ก็แกงส้ม อาหารในสวนอร่อยเสมอ กินกันหลายคน และทุกคนเหนื่อยมาก

มีแค่น้ำพริกกับผัก ฉันก็อิ่มและหลับสบายทุกวัน เวลาเพื่อนถาม-จะกินอะไร ฉันจึงตอบว่าแกงเลียงกับน้ำพริก

เพื่อนชาวสวนหัวเราะ “เคยทำอย่างอื่นได้นะ ไม่ใช่แค่น้ำชุบ เติ่นไม่เบื่อหรือไง กินน้ำชุบทุกมื้อ”

ไม่เบื่อ ฉันชอบกินน้ำพริกกะปิแบบทางใต้มาก ถึงมากที่สุด

“แต่เราเบื่อ” เพื่อนชาวสวนว่า “มื้อนี้จะทำอย่างอื่น”

ว่าแล้วก็เดินไปหากอตะไคร้ ตัดตะไคร้กลับมา ก่อนบอกฉัน “อยากกินผักอะไรก็ไปเก็บ”

“ตกลงทำน้ำพริกเหรอ”

“มีอะไรบ้างที่ไม่กินกับผัก เติ่นก็ถามแปลก”

จริงของเขา สำรับคนใต้ ไม่มีผักได้ยังไง ฉันเก็บผักมามั่วๆ เจออะไรก็เก็บ หอบกลับมาขนำ หุงข้าวหม้อสนามเต็มหม้อ รอเพื่อนสาธิตการทำเคยคั่ว

ได้มื้อที่อร่อยมาก มีเคยคั่ว ข้าวร้อนๆ และผัก ฉันรู้สึกว่าลิ้นได้พักจากความเผ็ดร้อนของน้ำพริกและแกง

ฉันจะทำเคยคั่วเป็นมื้อเย็นในบ้านใหม่ของเรา

 

สิ่งจำเป็นที่สุดคือเคย (กะปิ) ให้บังเอิญว่า เคยดีเท่านั้นที่จะได้อยู่ในครัวของฉัน นั่นเท่ากับเรามีวัตถุดิบสำคัญแล้ว

ตะไคร้ต้องมากเป็นพิเศษ ซอยอย่างละเอียด ฉันใช้ทั้งหมดสี่ต้น

พริกขี้หนูสวนก็มากเช่นกัน เพราะแม้ไม่ต้องการรสเผ็ดมาก แต่เผ็ดยังจำเป็น ฉันเลือกพริกหลายๆ สี ซอยกองไว้ในจาน ข้างๆ ตะไคร้

หัวหอมกับกระเทียมใช้แบบเจียวรวมกัน จะสับหรือตำก็ได้ ฉันเลือกตำ เพราะเร็วกว่า ตำรวมกันเลย เจียวด้วยไฟอ่อน กระทั่งเป็นสีทอง

หอมและกระเทียมเจียว ดูเหมือนไม่มีรสชาติ แต่ช่วยชูรสให้จานนี้ วงเล็บว่า ต้องเจียวอย่างพอดี ติดขมไม่ได้เด็ดขาด

ตักหอมเจียวพักในจาน เหลือน้ำมันในกระทะ ใช้คั่วเคยได้เลย

ตักเคยสามช้อนโต๊ะพูน ใช้ไฟอ่อน ผัดให้หอม แล้วจึงเทพริกกับตะไคร้ตามลงไป ผัดต่อให้ร้อนฉ่า ปรุงรสเพิ่มด้วยน้ำตาล มากน้อยแล้วแต่ใจ

ผัดจนเข้ากันดี ฉันตอกไข่ลงไปสองฟอง คั่วต่อจนไข่สุก ไข่ทำให้กะปิคั่วนุ่มนวล ทั้งกลิ่นและรส เพื่อนชาวสวนบอกว่า ไม่ใส่ไข่ก็ได้ แต่รสจะเค็มจัด

สุดท้าย คือเทหอมเจียวกับกระเทียมเจียวลงกระทะ คั่วให้เข้ากันอีกครั้ง เป็นอันเรียบร้อย

ตักใส่ถ้วย ฉันแอบวางพริกขี้หนูเป็นลูกโดด โรยใบมะกรูดฝอยสักหน่อย ก็…มันมัดติดมากับตะไคร้นี่นา

 

“เคยคั่วใส่ไข่” ฉันผายมือนำเสนอเขา “ไม่เคยทำให้กินเลย สงสัยมันง่ายไป” หัวเราะ “แต่อร่อยมากนะ รับรองจะติดใจ”

ฉันตักข้าวร้อนๆ ใส่จาน ตักเคยคั่วลงไปคลุกให้ทั่ว บีบมะนาวนิดหน่อย ส่งจานให้เขา “กินกับผักนะ จริงๆ ควรมีสะตอ แต่เราไม่มี”

เขามองจานข้าว “นี่คือวิธีกินใช่มั้ย”

เคยคั่วค่อนข้างเค็ม ต้องคลุกข้าวรสจึงพอดิบพอดี

ฉันรีบคลุกข้าวให้ตัวเอง หิวจนมือสั่น

เขาว่า “ทำบ่อยๆ นะ”

ฉันยิ้ม ฉันก็บอกเพื่อนชาวสวนแบบนี้ ทำไมไม่ทำบ่อยๆ ล่ะ อร่อยจะแย่แล้ว