โล่เงิน

 

สังคมเกาะติดทีม ‘บิ๊กใหม่’ ทำคดี ผกก.โจ้

โอกาสกู้ศรัทธา ตร.

ลบลูบหน้าปะจมูก

 

สังคมยังคงให้ความสำคัญเกาะติดความคืบหน้าการดำเนินคดี “ผกก.โจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ และพวก รวม 7 นาย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 05 ร่วมกันใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ อายุ 24 ปี จนเสียชีวิต

ย้อนประวัติ ผกก.โจ้ เป็นใครมาจากไหน ถึงได้นั่งเก้าอี้ ผกก.เมืองปากน้ำโพ ซึ่งในวงการตำรวจรู้ดีว่าเป็นทำเลทอง ของพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6

“ผกก.โจ้” หรือในวงการไฮโซเรียกว่า โจ้ เฟอร์รารี่ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 41 และนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 57 บรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งรองสารวัตร เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2547 โดยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก. ถึง สว. วาระ 2563 ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ แม้อาวุโสลำดับรองสุดท้าย จากผู้มีสิทธิ์เลื่อนตำแหน่ง 326 นาย

นอกจากนี้ ยังมีสายสัมพันธ์อันดีกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 จนมีเสียงเล่าลือว่าเป็นอีกแรงสนับสนุนให้ได้คุมโรงพักเกรดเอ

จนกระทั่ง 24 สิงหาคม 2564 ถูก ผบ.ตร.เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการ จบเส้นทางนายตำรวจดาวรุ่ง

 

หลักฐานชัดคลิปวงจรปิดฉายเผยพฤติกรรมฉาวผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ “ผกก.โจ้” พร้อมพวก ได้สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมเขย่าศรัทธาวงการสีกากีครั้งใหญ่

“บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ออกแอ๊กชั่นทันที ฝากเป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนายดูไว้เป็นตัวอย่างว่าทำอะไรไว้ไม่ดี ไม่มีทางหนีพ้นไปได้ และสิ่งที่ตามมามันเกิดความเสียหาย หากนิ้วไหนไม่ดีก็ต้องตัดทิ้ง

“ส่วนตัวเชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่ยังดี คนไม่ดีก็ต้องรับผลกรรมที่ทำไว้ เราไม่สามารถเอาคนแบบนี้ไว้ได้เพราะคนที่เหลือจะเดินไม่ได้ เป็นตำรวจก็ต้องรักษากฎหมาย เพราะถ้าประชาชนไม่เชื่อมั่นศรัทธาก็อยู่กันไม่ได้ประเทศนี้ ยอมรับว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตำรวจ” ผบ.ปั๊ดระบุ

ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่สบายใจ และบอกว่าต้องทำให้ทุกอย่างให้ดีขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากประชาชนไม่เชื่อมันก็อยู่ไม่ได้ ก็ต้องดูแลกันตำรวจกว่า 2 แสน ต้องช่วยกันทำองค์กรให้ดีให้ได้

จากนั้น ผบ.ตร.มีคำสั่งมอบหมาย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ “บิ๊กใหม่” รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมือฉมัง 19 นาย

อาทิ พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เป็นต้น

ร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวน ผกก.โจ้ ในหลายมิติ ทั้งคดีใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะผู้ต้องหาเสียชีวิต พิรุธการปั้นคดีจับรถหรูส่งกรมศุลลากรนำไปขายทอดตลาดตั้งแต่ปี 2554-2560 จำนวน 405 คัน ยังขายไม่ออกอีก 5 คัน และการตรวจสอบขยายผลเส้นทางการเงิน รวมถึงตรวจสอบบัญชีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ด้าน “บิ๊กใหม่” เผยความคืบหน้าภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าคดีกับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนครั้งล่าสุด เมื่อ 6 กันยายน ว่า ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา ผกก.โจ้เพิ่มเติม ซึ่งในส่วนคดียาเสพติด แจ้งข้อหาเพิ่มเฉพาะ ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว หรือดาบโบ้ และนายมาวินผู้เสียชีวิต ที่มีการล่อซื้อและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย แต่ในดุลพินิจของพนักงานสอบสวนคงสั่งไม่ฟ้องเพราะเสียชีวิตไปแล้ว

ทั้งนี้ กรณีตำรวจอีก 6 นายที่เป็นชุดจับกุม ได้เรียกมาสอบปากคำในฐานะพยานแล้ว แต่ในอนาคตหากมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงก็ต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนกรณีอาการป่วยไบโพลาร์ของ ผกก.โจ้ จากการตรวจสอบทุกมิติ ไม่พบข้อมูลว่าป่วย และเจ้าตัวไม่ได้นำหลักฐานอะไรมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“หลังจากนี้จะมีการเรียกสอบปากคำเพิ่มเติม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเส้นทางการเงิน และการตรวจยึดรถจำนวน 405 คัน ขณะนี้ยังรอหลักฐานจากศุลกากร และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่าพ่อของผู้เสียชีวิตรับเงินจำนวน 5 ล้านบาทจาก ผกก.โจ้นั้น ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เบื้องต้นจากการสอบปากคำพ่อและภรรยาผู้เสียชีวิตยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินจำนวน 5 ล้านบาท” รอง ผบ.ตร.กล่าว

อย่างไรก็ตาม รอง ผบ.ตร.ระบุว่า แม้ ผกก.โจ้จะให้การปฏิเสธ แต่คดีดังกล่าวมีความคืบหน้ามากกว่า 80% ซึ่งประเด็นนี้คงเป็นดุลพินิจของศาล

 

ต่อมา 7 กันยายน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. หอบสำนวนการสอบสวนจำนวน 4 แฟ้ม มีความหนา 1,290 แผ่น ส่งมอบให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาตามขั้นตอนกฎหมาย เนื่องจากคดีดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหา เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โดยมีนายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้รับเรื่อง ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณา ก่อนเห็นควรส่งเรื่องกลับมาให้ทางกองปราบปรามเป็นผู้ดำเนินการคดีดังกล่าวต่อ เนื่องจากมองว่าคดีดังกล่าวทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการจนมีความรุดหน้าไปมากกว่า 80% แล้ว

พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า สำหรับการทำงานของพนักงานสอบสวนหลังจากนี้จะเร่งภายดำเนินการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า และเมื่อสำนวนการไต่สวนผลชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของทาง สภ.เมืองนครสวรรค์ รวมถึงผลการตรวจพิสูจน์ความน่าเชื่อถือของคลิปวิดีโอที่เป็นหลักฐานสำคัญในการยืนยันตัวตนและพฤติกรรมผู้กระทำผิด และหลักฐานอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการส่งตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ส่งมาถึงทางคณะทำงานก็จะนำสำนวนเอกสารทั้งหมดมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อดูว่ายังมีขาดเหลือในส่วนใดบ้าง เพื่อความความรอบคอบ คาดว่าภายในกันยายนน่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีแล้วเสร็จได้

“ยังยืนว่าคดีนี้สามารถเอาผิดผู้ต้องหาได้แน่ คำให้การพยานบุคคล รวมถึงคลิปวิดีโอพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งหมดล้วนมีความสอดคล้องกัน ตัวผู้ต้องหาเองก็ยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอจริง จึงมั่นใจว่าไม่มีอะไรน่าหนักใจ” รอง ผบก.ป.กล่าว

ประชาชนยังคงรอดูบทสรุปของเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่าลูบหน้าปะจมูก รอกระแสสังคมซา แล้วปล่อยให้คนทำผิดลอยนวล