ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘S-Class’ ‘หรูหรา-ไฮเทค-สเป๊กเทพ’

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต / [email protected]

 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ ‘S-Class’

‘หรูหรา-ไฮเทค-สเป๊กเทพ’

 

ยังคงคอนเซปต์เปิดตัวแต่ละปีนับสิบๆ รุ่นเหมือนเดิม กับค่ายดาวสามแฉก “เมอร์เซเดส-เบนซ์”

ครานี้มาพร้อมกัน 2 รุ่นทั้งใหญ่และเล็ก

คือ “The new S-Class” เก๋งหรูพี่ใหญ่ของดาวสามแฉก หากไม่นับเมอร์เซเดส-มายบัค และเอสยูวีรุ่นเล็ก “GLA 200”

เป็นรถ 2 แบบ 2 สไลต์ให้สาวกกระเป๋าสั่นในช่วงไตรมาส 3

แต่เมื่อผมเห็นข้อมูลต่างๆ ของ “The new S-Class” บวกกับเนื้อที่สัมปทานการเขียน ดูท่าแล้วไม่พอแน่หากใส่พร้อมกันทั้ง 2 รุ่น

จึงขอเสนอพี่ใหญ่ “The new S-Class” ซึ่งมี 2 รุ่นย่อย S 350 d Exclusive และ S 350 d AMG Premium

ต่างกันที่อุปกรณ์ตกแต่งและความหรูหราภายใน

ฉบับนี้เน้นไปที่รุ่น S 350 d AMG Premium ที่เป็นรุ่นท็อป เพราะจัดหนักจัดเต็มทั้งความหรูหรา และไฮเทคแบบสุดๆ

ภายนอกได้อารมณ์สปอร์ตมากขึ้น เรียกว่าจะขับเองหรือนั่งเป็นผู้โดยสารตอนหลังก็ไม่ขัดเขิน

กระจังหน้าขนาดใหญ่เอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟหน้าเรียวเล็กแบบ MULTIBEAM LED ดีไซน์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในการขับขี่

แน่นอนมาพร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างตามองศาการเลี้ยว

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแอลอีดี

ไฟท้ายแบบคริสตัลแอลอีดี พร้อมท่อไอเสียคู่

กระโปรงท้ายเปิดแบบคิกเซ็นเซอร์ เตะเท้าเข้าใต้ท้องรถจะเปิด-ปิดเองอัตโนมัติ

ชุดแต่ง AMG รอบคัน

ล็อกแม็กลายสวยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว ยางหน้าขนาด 255/40 ยางหลัง 285/35

ออกแบบมือจับประตูเป็นแบบไร้รอยต่อ (Seamless door handles) เวลาล็อกรถ มือจับจะแนบไปกับตัวถัง เวลาปลดล็อกจะยื่นออกมาเพื่อให้จับได้ง่ายขึ้น

ประตูปิดแบบดูดไม่ต้องใช้แรง

ระยะฐานล้อที่ยาวขึ้นกว่ารุ่นเดิมมากถึง 51 มิลลิเมตร บวกกับเส้นโค้งหลังคา Catwalk line ที่กดองศาของหลังคาให้ต่ำลง ทำให้รถยนต์คันนี้ดูสปอร์ตขึ้น พื้นที่ห้องโดยสารเพิ่มมากขึ้น

ด้านในถือเป็นไฮไลต์เพราะใส่ความหรูหรา สะดวกสบายมาเต็มพิกัด

ใช้สีดำเป็นหลักเพื่อได้อารมณ์สปอร์ต พวงมาลัย 3 ก้านแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Nappa leather พร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น

ก้านหลังพวงมาลัยด้านขวาเป็นคันเกียร์ขนาดเล็ก ส่วนใครที่ขับเองแล้วอยากสนุกกับการเล่นเกียร์ มีปุ่มแพดเดิลชิฟต์มาให้ด้วย

หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ความละเอียดสูงแบบ Digital Instrument clusters ขนาด 12.3 นิ้ว

ขยับมาตรงกลางเป็นจอ MBUX7 แบบทัชสกรีนขนาด 12.8 นิ้ว วางแบบตั้งๆ ให้อารมณ์คล้ายไอแพด หน้าจอแบบ OLED ให้ความคมชัดมากขึ้น แม้จะมีแสงก็ตาม

จอ MBUX7 จะควบคุมระบบต่างๆ ตั้งแต่แอร์ เครื่องเสียง ฯลฯ และสั่งงานผ่านเสียงได้ด้วย

ระบบปรับอากาศควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 4-โซน พร้อม AIR BALANCE package ที่ทำให้ห้องโดยสารสะอาดยิ่งขึ้น

เบาะนั่งหุ้มหนัง Exclusive Nappa ตัดเย็บลายเบาะแบบ diamond design

ระบบมัลติมีเดีย MBUX7 (Mercedes-Benz User Experience) เจเนอเรชั่นใหม่ มี MBUX Interior Assistant ที่จะทำงานอย่างฉับไวในการตอบรับการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้โดยสาร

โดยระบบ Gesture Control 2.0 จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของมือ ศีรษะ และร่างกาย เพื่อแปลความต้องการของผู้ใช้ นำไปสู่การควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในรถยนต์ เช่น หากยื่นมือขึ้นหรือลงทางกระจกมองหลัง ไฟอ่านหนังสือจะติดขึ้นหรือดับลงเองโดยอัตโนมัติ ฯลฯ

ระบบเสียง Burmester 3D surround sound system พร้อมชุดลำโพง 15 ตัว

ระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 เฉดสี

ที่นั่งตอนหลังโดยเฉพาะบริเวณเบาะหลังซ้าย ที่ส่วนใหญ่ผู้บริหารจะนั่งกันเป็นหลัก เพราะสะดวกเวลาขึ้น-ลงเมื่อจอดเทียบฟุตปาธ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เบาะที่นั่งตอนหลังแบบมัลติคอนทัวร์ ยังมาพร้อม Rear Seat Comfort Package ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายในการโดยสารสูงสุด

เป็นเบาะไฟฟ้าที่สามารถปรับตำแหน่งที่นั่งได้ และฟังก์ชั่นการนวด ENERGIZING ที่สามารถเลือกโปรแกรมการนวดได้สูงสุด 6 โปรแกรม

มี Rear Tablet หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบ MBUX High-End Rear Seat Entertainment ควบคุมความบันเทิงของผู้โดยสารตอนหลังให้สะดวกสบายมากขึ้น

โดยเฉพาะการควบคุมความบันเทิงบนหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว 2 หน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งแยกระบบกัน เรียกว่าถ้ามีผู้โดยสาร 2 คน สามารถดูคนละจอไม่เหมือนกันได้

Rear Tablet ยังสามารถควบคุมระบบต่างๆ ที่ด้านหน้าได้ด้วย

เบาะด้านหลังมีม่านไฟฟ้าทั้งกระจกหลังและกระจกข้างของผู้โดยสาร

ที่เฟี้ยวสุดๆ คือเบาะนั่งหลังด้านซ้ายแบบ Exclusive พร้อมที่รองขาแบบปรับระดับ เพียงกดปุ่มด้านข้างประตูรถที่รองขาจะปรับขึ้นพร้อมกับเบาะหน้าซ้ายจะขยับไปด้านหน้า เพิ่มพื้นที่ให้ด้านหลัง

อารมณ์เดียวกับที่นั่ง “บิสซิเนส” บนเครื่องบิน เรียกว่าเกือบๆ จะเอนนอนได้เลย

แต่จริงๆ แล้วถึงไม่ปรับให้เบาะหน้าขยับออกไป ที่ว่างก็ยังเหลือเฟือ เพียงแต่ระบบปรับเบาะนี้ทำให้สบายมากขึ้นนั่นเอง

ความปลอดภัยของผู้โดยสารหายห่วง เพราะมีถุงลมด้านข้าง และเป็นครั้งแรกที่ติดตั้งถุงลมด้านหน้าให้ผู้โดยสารตอนหลัง โดยติดตั้งบริเวณหลังเบาะคู่หน้านั่นเอง

 

ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ แถวเรียง ขนาด 2,925 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 600 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.4 วินาที

มี 5 โหมดขับขี่ให้เลือก

ช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับได้ กรณีเข้าในทางขรุขระหรือต้องเจอเนินสูงๆ ปรับเพิ่มความสูงขึ้นได้อีก 30 ม.ม.

แต่ถ้าต้องการใช้ความเร็วสามารถปรับลดความสูงลงได้อีก 10 ม.ม. เพื่อการทรงตัวที่ดียิ่งขึ้น

ระบบความปลอดภัยจะบอกยังไงดี เรียกว่านึกไม่ออกว่าขาดอะไรบ้าง เอาเป็นว่ามีแทบทุกอย่างหรืออาจจะมากเกินความต้องการก็ได้

เด่นๆ เช่น ระบบกล้องตรวจจับผู้ขับขี่ กรณีที่เกิดภาวะผิดปกติ เช่น หลับ หรือเกิดป่วยฉับพลันจนหมดสติ หรือไม่สามารถบังคับรถได้ ระบบจะจัดกำลังเครื่องยนต์พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน และค่อยๆ เบนหัวเข้าจอดชิดข้างทางอัตโนมัติ

แต่หากกรณีอยู่ในเลนกลางหรือขวาที่อาจจะสุ่มเสี่ยงต่ออุบัติเหตุหากเปลี่ยนเลน รถจะค่อยๆ ชะลอและจอดกลางถนน รวมทั้งโทรศัพท์ฉุกเฉินอัตโนมัติไปยังศูนย์ช่วยเหลือ

กล้องแสดงภาพรอบทิศทางแบบ 360 องศาเสมือนจริง

ระบบรักษาระยะห่างจากรถด้านหน้าและควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย และเตือนเมื่อปล่อยมือ

ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉิน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจพบรถยนต์ จักรยาน และคนข้ามถนน ฯลฯ

สนนราคา The new S-Class ตัวท็อป S 350 d AMG Premium 7,190,000 บาท

และอีกรุ่น S 350 d Exclusive ราคา 6,690,000 บาท