หนุ่มเมืองจันท์ : ล้ม=รุก

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC

 

ล้ม=รุก

 

ตามปกติเพจ “หนุ่มเมืองจันท์” ของผมก็เหมือนกับเพจอื่นๆ

จะมีเอเยนซี่โฆษณาติดต่อมาเพื่อขอเรตโฆษณาเผื่อเอาไปเสนอลูกค้า

มีหลายรูปแบบครับ

แต่ผมบอกว่าทำเป็นอย่างเดียว คือ การเขียนข้อความและนำคลิปโฆษณาสินค้านั้นมาลง

ที่สำคัญเงื่อนไขค่อนข้างเยอะจนน่าหมั่นไส้

เรื่องแรก คือ ผมขอดูคลิปโฆษณานั้นก่อน

ถ้าชอบก็รับ

ไม่ชอบก็ “ขอโทษ”

ไม่ใช่งานไม่ดี เพียงแต่ไม่เหมาะกับเพจของผมเท่านั้นเอง

เรื่องที่สอง ข้อความที่เขียน ขอสิทธิ์ในการไม่ส่งให้เอเยนซี่หรือลูกค้าดูก่อน

เขียนเสร็จแล้วลงเลย

พูดเล่นๆ กับเอเยนซี่ว่างานของผมก็เหมือนกับเจ้าของสินค้าที่ติดต่อมา

เราไม่ได้ขาย “ของ”

แต่ขาย “ความเชื่อมั่น”

ถ้าเชื่อก็ซื้อ

ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร

ฟังแล้วดูดีไหมครับ 555

เรื่องจริงก็คือ ผมจะเขินถ้าต้องเขียนชมในสิ่งที่เราไม่เชื่อหรือไม่ชอบ

รู้สึกอายๆ เวลาเขียน

เขียนไปต้องบิดผ้าเช็ดหน้าไป

อายุขนาดนี้แล้วขอเลือกสักนิดนึง

ล่าสุดเอเยนซี่ iProspect ติดต่อมา

ลูกค้าคือ “ซิกน่าประกันภัย”

เขาทำสารคดีเรื่องหนึ่งให้ “เอ๋” นิ้วกลมเขียนบทและกำกับฯ

ตั้งชื่อว่า “ล้ม=รุก”

พอเห็นชื่อ “นิ้วกลม” ผมก็รู้แล้วว่าต้องดีแน่ๆ

ขอคลิปมาดู

ยาวเกือบ 10 นาที

ดีเหมือนที่คิดไว้

ผมบอก “แพน” ว่างานนี้โอเค ชอบ

แต่พอเอเยนซี่เจอเงื่อนไขที่ไม่ส่งข้อความให้ดูก่อนก็อึ้งไปนิด

ขอปรึกษา “ซิกน่าประกันภัย” ก่อน

พักหนึ่งก็ตอบตกลง

ผมเริ่มต้นเรื่องด้วยการเปรียบเทียบสถานการณ์โควิดวันนี้กับเหตุการณ์ลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อปี 2540

ครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่ามาก

 

ตอนปี 2540 หลายคนที่ “ล้ม” ก็ “ลุก” ขึ้นมาได้

แต่เจอโควิดครั้งนี้ มีคนบอกว่าแค่ “ลุก” คงไม่พอ

ต้อง “รุก” ถึงจะรอด

เพราะต้องใช้พลังมากกว่าเดิมกว่าจะก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปได้

สารคดีสั้นของ “ซิกน่าประกันภัย” ที่ “เอ๋” นิ้วกลม กำกับฯ ชิ้นนี้ ทำจากเรื่องจริงของคน 3 คน

“เรื่องจริง” นั้นเขียน “สคริปต์” ไม่ได้

จริง คือ จริง

คำบางคำ ถ้าไม่มีประสบการณ์ตรง

นักเขียนก็คิดไม่ได้หรอกครับ

2 คนแรก “แคลร์เอียแยง เทเลอร์” แอร์โฮสเตส และ “ศานนท์ หวังสร้างบุญ” เจ้าของโฮสเทล เจอวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด

มีหลายประโยคที่น่าจะทำให้หลายคนได้คิด

อย่าง “แคลร์” ที่กลับไปเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่มีอยู่แต่ไม่เคยมองมันอย่างจริงจัง

ผมชอบประโยคหนึ่งเมื่อเธอมองย้อนกลับไปช่วงที่เหมือน “นางฟ้าตกสวรรค์”

“แคลร์” บอกว่า “ปีกหัก ก็ต้องเจ็บ”

แต่พอมาทำไร่ชาดอยอินทนนท์ของที่บ้านเหมือนกับเห็น “ความหวัง”

“รู้สึกว่าเราก็บินได้อีกครั้ง ปีกเราค่อยๆ งอกขึ้นมา”

“ความหวัง” เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในวันที่เรามีความทุกข์

ส่วน “ศานนท์” นั้น ผมเคยคุยกับเขาครั้งหนึ่ง

เป็นเด็กหนุ่มที่เก่งมาก

ทำธุรกิจควบคู่กับการช่วยสังคมมาตลอด

เขาทำ Once Again Hostel

ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวระเนระนาดเมื่อเจอมรสุมโควิด

ธุรกิจของ “ศานนท์” หนักมาก

เขาค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาช้าๆ

ปรับเปลี่ยนธุรกิจและวิธีคิดของตัวเอง

ผมชอบที่เขาพูดถึง “ความฝัน”

“ความฝัน” ที่ดีต้องมีขนาดที่เหมาะสมกับตัวเอง

“การล้มอาจเป็นการปรับไซซ์ของความฝันเท่านั้นเอง”

เป็นการมองโลกแบบยอมรับ “ความจริง”

แม้ว่ามันจะเจ็บปวดบ้างก็ตาม

 

และคนสุดท้าย “หนุ่ม” เกียรติคุณ เยาวรัตน์ อดีต Director ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง

คนนี้เจอวิกฤตเรื่องสุขภาพ

เคยเกือบ “ตาย” มาแล้วจากการใช้ชีวิตเปลืองของตัวเอง

จน “รุก” ขึ้นมาอีกครั้งด้วยการออกกำลังกาย

ไม่เพียงแต่วิ่งมาราธอน แต่แข็งแกร่งถึงขั้นไปแข่ง “ไอรอนแมน” ที่ญี่ปุ่นด้วย

“เอ๋” เป็นนักวิ่ง เขาเข้าใจความรู้สึกของ “หนุ่ม” เป็นอย่างดี

เขาวางประโยคนี้ของ “หนุ่ม” เป็นบทสรุปของสารคดีเรื่องนี้

“ชีวิตไม่ง่ายหรอก แต่ถ้าไม่ยอมแพ้ เราก็ไปถึงเส้นชัยได้

อาจฉิวเฉียดเวลา แต่ก็สามารถจบการแข่งขันได้เหมือนคนอื่น”

เพราะ “ใจ” เป็นตัวกำหนดทุกสิ่ง

“เอ๋” หยิบเรื่องการลุกขึ้นอีกครั้งจากมรสุมโควิด และเรื่องการออกกำลังกายมาผูกโยงกัน

เพื่อจะบอกว่าเราจะลุกขึ้นได้

นอกจาก “ใจ” ต้องพร้อม

“กาย” ก็สำคัญ

เพราะ “ความฝัน” ที่ดีต้องอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง

ครับ เราต้องมี “ความหวัง”

ต้องเชื่อว่า “ปีก” ที่หักไปจะงอกขึ้นมาใหม่

ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

ขอเพียงรักษา “ความฝัน” ไว้

แต่ปรับไซซ์ให้เหมาะสมกับวันนี้

และอยู่กับ “ความจริง” ในปัจจุบัน

ไม่ใช่สิ่งเก่าที่ผ่านมาแล้ว…

 

ตอนแรกผมจบแค่นี้

แต่อ่านแล้วรู้สึกว่ามันยังไม่ค่อย “ยิ้ม”

ก็เลยเอาเรื่อง “คาถาสู้ชีวิต” ของ “แจ๊ส ชวนชื่น” มาตบท้าย

“ผมนึกถึงคาถาสู้ชีวิตของ “แจ๊ส ชวนชื่น”

ข้อแรก ในวันที่แย่ที่สุด เขาจะบอกตัวเองสั้นๆ ตอนที่ “ล้ม”

“ช่างแม่งงง”

ภาษาธรรมะ คือ “ปล่อยวาง”

แล้วท่องคาถาที่สอง

“สักวันหนึ่งต้องเป็นวันของกู”

สร้าง “ความหวัง” ขึ้นในใจ

แล้ว “ลุก” ขึ้นมาสู้ต่อไป

ใช้ได้ อ่านแล้วยิ้มขึ้นนิดนึง

เขียนจบ เดินไปที่หน้ากระจก

ทำในสิ่งที่ควรทำ

คือ ชมคนที่อยู่ข้างหน้า

“เขียนดีจริงๆ”