ภาพยนตร์/SPIDER-MAN : HOMECOMING “ซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่น”

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

SPIDER-MAN : HOMECOMING “ซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่น”

กำกับการแสดง Jon Watts

นำแสดง Tom Holland, Michael Keaton, Robert Downey Jr., Marisa Tomei, Gwyneth Paltrow, Jon Favreau, Chris Evans

พิมพ์รายชื่อนักแสดงตัวหลักๆ ข้างต้น แล้วสะดุดใจเล็กน้อยในแง่ที่ว่าเกินครึ่งเป็นนักแสดงระดับมือรางวัลเด่นๆ ทั้งนั้น

สามคนได้รางวัลออสการ์คือ ไมเคิล คีตัน มาริซา โทเมอิ และ กวิเนธ พัลโทร

ส่วน โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็อยู่บนเวทีออสการ์เหมือนกันเมื่อได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในบทชาร์ลี แชปลิน

รัศมีดาราพวกนี้แม้จะปรากฏตัวแค่ฉากสองฉากพอยั่วน้ำลาย ก็เพิ่มสีสันอันเรืองรองให้แก่หนังซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่นที่ทอนอายุลงอีกจากหนุ่มรุ่นกระทงให้เด็กลงเป็นวัยรุ่นเลือดพลุ่งพล่านคนหนึ่งในชั้นมัธยม

สไปเดอร์แมนคนนี้วางอายุไว้เพียงสิบห้าปีในเรื่อง ขณะที่ ทอม ฮอลแลนด์ ผู้รับบทนี้อายุยี่สิบเอ็ดและดูเป็นคนหน้าเด็กกว่าอายุ

ทอมเริ่มเข้ามาเป็นมนุษย์แมงมุมในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ของการ์ตูนมาร์เวลเมื่อสองปีที่แล้วในหนัง Captain America : Civil War

นับเป็นการต้อนรับน้องใหม่ที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่นเข้าสู่จักรวาลผู้พิทักษ์โลกของมาร์เวล ที่เป็นที่รู้จักในนาม “อเวนเจอร์” และมีผู้นำทีมคือ โทนี่ สตาร์ก หรือไอออนแมน (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์)

ใน Civil War พวกอเวนเจอร์ผู้แต่งตั้งตัวเองเป็นผู้พิทักษ์โลกโดนสอบสวนและกำลังจะโดนลดทอนอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยไม่มีใครควบคุม และทีมแตกแยกออกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายของไอออนแมน และฝ่ายของกัปตันอเมริกา (คริส เอเวนส์)

ทั้งสองฝ่ายซึ่งเคยร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านเหล่าวายร้าย กลับมาต่อกรฟาดฟันกันเองเหมือนเป็นสงครามกลางเมือง หรือสงครามที่คนพวกเดียวกันต่อสู้กันเอง

ต่างฝ่ายต่างก็ต้องหาพรรคพวกที่มีฝีมือและมีพลังเหนือมนุษย์มาร่วมทีมฝ่ายตน

โทนี่ สตาร์ก/ไอออนแมน ไปเกลี้ยกล่อมสไปเดอร์แมนให้มาช่วย และนั่นเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ ทอม ฮอลแลนด์ ในบทนี้ ขณะยังเพิ่งจะกลายเป็นอ้ายแมงมุมที่สาบานจะขจัดเหล่าร้ายออกจากมหานครนิวยอร์กที่เขาอาศัยอยู่ในบ้านซอมซ่อกับป้าเมย์ (มาริซา โทเมอิ ซึ่งเป็นป้าเมย์ที่สาวสวยร้อนแรงที่สุดที่เคยมีมาในบทนี้)

ไม่เหมือนกับเวลาเปลี่ยนตัวคนเล่นหน้าใหม่ในบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ครั้งอื่นๆ (นักแสดงที่เคยรับบทนี้ทางจอใหญ่สองคนก่อนหน้า คือ โทบี แม็กไกวร์ และ แอนดรู การ์ฟีลด์) หนังภาคนี้ละเว้นไม่กล่าวถึงสาเหตุการได้มาซึ่งอำนาจแบบซูเปอร์เพาเวอร์ของสไปเดอร์แมน และแรงแค้นของ ปีเตอร์ พาร์เกอร์ ที่เด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นจะขจัดเหล่าร้ายให้พ้นจากท้องถนนของนิวยอร์ก เนื่องจากลุงเบนของเขาโดนฆ่าตายกลางถนน

ใน Civil War สไปเดอร์แมนเป็นเด็กที่ตื่นเต้นยินดีสุดยอดกับการได้ร่วมทีมของ โทนี่ สตาร์ก และเผชิญหน้าฟาดฟันกับพวกอเวนเจอร์อีกฝ่าย และมองเห็นไอออนแมนผู้ชักนำเขาเข้าร่วมทีม เป็นวีรบุรุษประจำใจ

พอมาถึง Homecoming ปีเตอร์ พาร์เกอร์ กลับมาอยู่บ้านกับป้าเมย์ ผู้ไม่เคยรู้อีโหน่อีเหน่อะไร และไม่เคยรับรู้ความลับสุดยอดของหลานชายคนนี้ ปีเตอร์ยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ แอบหนีไปปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์มหานครนิวยอร์กในยามค่ำคืน ขณะที่ตอนกลางวันเขายังเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียนมัธยม และอยู่ในทีมเด็กเก่งของโรงเรียนที่ไปแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการกับโรงเรียนอื่นๆ

หลังจาก Civil War ปีเตอร์ได้รับชุดสไปเดอร์แมนใหม่ที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มพูนประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยจากมหาเศรษฐี โทนี่ สตาร์ก และกำลังสนุกกับการใช้ชุดแบบที่สามารถพูดจาสื่อสารกับ “Suit Lady” ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ควบคุมการใช้งาน

ปีเตอร์ได้เบาะแสมหาวายร้ายคนใหม่ที่เป็นอันตรายต่อมนุษยชาติ ในนามวัลเชอร์ (หรือ “แร้ง”) ซึ่งสร้างกองทัพของตัวเองขึ้นจากเศษเหล็ก และหน้าฉากของวัลเชอร์คือ เอเดรียน ทูมส์ (ไมเคิล คีตัน)

ปีเตอร์พยายามจะทำให้ โทนี่ สตาร์ก ประทับใจด้วยการตามล่าวัลเชอร์ด้วยตัวเอง แต่โทนี่คิดว่าเขายังไม่พร้อมสำหรับจัดการกับมหาวายร้ายคนนี้

นั่นคือความขัดแย้งระหว่างพวกพระเอกด้วยกัน โทนี่สั่งให้ปีเตอร์แค่ทำตัวเป็นสไปเดอร์แมนที่เป็นมิตรกับใครๆ ในละแวกบ้านไปก่อนในขณะที่เขายังปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมและยังไม่บรรลุนิติภาวะ

ระหว่างนั้น ปีเตอร์ พาร์เกอร์ ก็เรียนหนังสือไปด้วย โดนล้อเลียนจากเพื่อนนักเรียนที่วางตัวเป็นนักเลงโต และออกต่อกรกับผู้ร้ายในนิวยอร์กไปด้วย

หนึ่งในเพื่อนนักเรียนที่ชอบข่มปีเตอร์คือ แฟลช กอร์ดอน (โทนี่ เรโวโลรี) ซึ่งเป็นพระเอกในการ์ตูนคอมิกชุดของตัวเองด้วย แต่ในที่นี้ แฟลชเป็นหนึ่งในทีมเด็กอัจฉริยะที่ไม่ชอบหน้าปีเตอร์เลย

งานของโรงเรียนพาให้เขาร่วมทีมแข่งขันตอบปัญหาวิชาการไปชิงถ้วยที่วอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของประเทศ และต่อกรกับแผนการร้ายที่ทำให้เกิดระเบิดขึ้นในลิฟต์ของอนุสาวรีย์วอชิงตันขณะที่เพื่อนนักเรียนของปีเตอร์กำลังขึ้นไปเที่ยวชมนครวอชิงตัน

นับเป็นฉากที่จำได้ติดตาฉากหนึ่ง เมื่อสไปเดอร์แมนตัวเล็กเท่าหัวไม้ขีดปีนป่ายขึ้นอนุสาวรีย์ที่สูงตระหง่านเป็นแลนด์มาร์กของกรุงวอชิงตัน

ฉากที่ติดตาอีกฉากคือตอนเรือโดยสารข้ามฟากโดนรังสีผ่าครึ่ง และกำลังจะแยกล้มจากกันเป็นสองซีก แต่สไปเดอร์แมนพยายามยึดไว้ด้วยกันด้วยใยแมงมุมอันเหนียวแน่นของเขา เขาเกือบทำได้สำเร็จอยู่แล้ว โดยประเมินว่าสำเร็จถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ไม่ทันขาดคำน้ำหนักมหาศาลของเรือที่ถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึง ก็ทำให้เรือปริแยกเป็นสองส่วนและกำลังจะอับปางจมลง

ทันใดนั้น ไอออนแมนก็เหินฟ้ามาผสานรอยปริไว้ด้วยกัน ประมาณว่าด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคในการเชื่อมโลหะ ทำให้เรือลำมหึมากลับเชื่อมกันเป็นหนึ่งเดียวได้เหมือนโกหก (ก็ใครว่าไม่โกหกล่ะคะ)

มุขนี้เจ๋งดีค่ะ เท่สุดยอดเลย

เรื่องนี้ทำให้ โทนี่ สตาร์ก โกรธปีเตอร์มากจนตัดหางปล่อยวัด ยึดชุดสไปเดอร์แมนที่สร้างให้โดยเฉพาะคืน ปีเตอร์ถึงกับประท้วงว่าเขาจะทำยังไงถ้าไม่มีชุดไฮเทคแบบนั้นสวม โทนี่เลยตอบกลับด้วยคำคมประจำเรื่องว่า

“ถ้าไม่มีชุดนั้นแล้ว เธอทำอะไรไม่ได้ เธอก็ไม่ควรจะมีมันหรอก” (If you”re nothing without the suit, then you shouldn”t have it)

ยังจำได้ว่าคำคมประจำเรื่องของสไปเดอร์แมนภาคแรกชุดที่มี โทบี แม็กไกวร์ เล่น คือ “สิ่งที่มาพร้อมกับอำนาจคือความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่” (With power comes great responsibility) และ ปีเตอร์ พาร์เกอร์ ในตอนนั้นต้องเลือกระหว่างความรักกับ “ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่”

แต่สไปเดอร์แมนที่ ทอม ฮอลแลนด์ เล่นนี้ ไม่ได้เลือกความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ค่ะ

เมื่อถึงจุดที่เขาต้องเลือก เขาเลือกที่จะยังสนุกกับชีวิตวัยรุ่นและเป็นเพียง “สไปเดอร์แมนที่เป็นมิตรกับใครๆ ในละแวกบ้าน” ซึ่งแปลว่าเขายังไม่พร้อมที่จะร่วมทีมผู้พิทักษ์โลกที่จะต้องเสียสละมากกว่านั้น

อ้อ กัปตันอเมริกามีบทบาทเป็นไอดอลขวัญใจวัยรุ่นในโรงเรียน และโรงเรียนมีโครงการที่ใช้เขาเป็นแรงบันดาลใจในการทำคุณงามความดี แต่ คริส เอเวนส์ ผู้รับบทนี้ต้องรับหน้าที่มารับหน้ากับคนดูในช่วงสุดท้ายหลังเครดิต และทำหน้าน่าสงสารที่สุดที่ไม่มีบทดีๆ ให้พูดนอกจากให้แฟนๆ อดทนต่อ “ความผิดหวัง” ที่เขาไม่มีมุขดีๆ มาให้ดูเลย

รับรองว่าจะยังมีภาคต่อๆ ไปของสไปเดอร์แมนให้เราดูอีกแน่นอน