E-DUANG : เงินทุนเคลื่อนย้ายออก 3.5 แสนล้านบาท

 

กรณีเงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิไหลออกไปต่างประเทศ 1.03 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

มากด้วยความละเอียดอ่อน

ไม่เพียงเพราะแตกออกแล้วเท่ากับ 3.5 แสนล้านบาท หากเด่นชัดยิ่งว่าภายในนี้เป็นเงินทุนจาก “ทุนภายใน”

เพราะเป็น “ทุนภายใน” จึงก่อ “ความหงุดหงิด”

หงุดหงิดเพราะเท่ากับสวนกระแสที่ดังออกมาจากฟากของคสช.และรัฐบาลอย่างต่อเนื่องว่า

“ภาคเอกชน” ไม่ยอม “ลงทุน”

กลายเป็นว่าหัวรถจักรคือ การลงทุนจาก “ภาครัฐ” ขณะที่ “ภาคเอกชน” ยืนดู

ยืนดูแล้วไปลงทุน “ต่างประเทศ”

 

การ “รอคอยและเฝ้าดู” เป็นธรรมชาติโดยพื้นฐานของ “ทุน” อยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นยุค เซอร์จอห์น บาวริ่ง

ไม่ว่าจะเป็นยุค สี เจิ้น ผิง

เพราะว่าผลตอบแทนเชิงเปรียบเทียบทางธุรกิจมีความแตกต่างกัน

ลงทุนในไทยได้แค่ร้อยละ 2  หรืออย่างเก่งร้อยละ 2.6

แต่ลงทุนในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นมีผลตอบแทนถึงร้อยละ 21 ในตลาดเกิดใหม่มีผลตอบแทนร้อยละ 19

ร้อยละ 21 ย่อมดึงดูดได้มากกว่าร้อยละ 2

การเคลื่อนย้ายทุนไปที่อื่นนอกจากเพื่อผลกำไรแล้วยังเพื่อผลประโยชน์ที่เหนือกว่า ดีกว่า

นี่คือธรรมชาติของ “ทุน”

 

สภาพการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากประเทศไทยเช่นนี้สะท้อนว่าการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษอาจไม่เย้ายวนเพียงพอ

การเปิดภาคตะวันออกอย่างกว้างขวางอาจไม่เพียงพอ

ยิ่งเมื่อประสบเข้ากับพระราชกำหนดว่าด้วย “แรงงานต่างด้าว” ยิ่งเกิดความหวั่นไหว

ยิ่งเมื่อมีการเรียกเฟซบุ๊ค ยูทูบ จดทะเบียน ยิ่งอ่อนระทวย

เห็นได้จากกรณีที่ แจ็ค หม่า บินข้ามประเทศไทยไปยังมาเลเซียเป็นกรณีตัวอย่าง เพราะเท่ากับสวนกับเศรษฐกิจยุคดิจิตัลอย่างยิ่งยวด

ทุน “จีน” คิดอย่างนี้ “ทุน”ไทย” ก็คงคิดหนักเหมือนกัน