จ๋าจ๊ะ วรรณคดี : ไฟรัก / ญาดา อารัมภีร

ญาดา อารัมภีร

 

ไฟรัก

 

‘ไฟ’ คือ ความร้อน กวีมักนำมาเปรียบเทียบกับ ‘ความทุกข์’ และ ‘ความรัก’ โดยเฉพาะทุกข์เพราะรัก

ใน “สมุทรโฆษคำฉันท์” พิทยาธรรณาภิมุขคร่ำครวญเมื่อถูกแย่งชิงคนรักไป ความโทมนัสแรงกล้าดุจดั่งไฟร้อนเร่าผลาญเผาใจอยู่ตลอดเวลา

“พี่หวังพบบมิพบและพบทุกขคือไฟ

ตัวตายดีกว่าไกล                                  อนุช”

ไม่ต่างกับ “กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก” เปรียบความทุกข์ระทมคิดถึงคนรักกับไฟที่สุมกลางใจให้รุ่มร้อนทรมาน

“เพลาหึ่งห้าทุ่ม                                   คือเพลิงรุมสุมกลางใจ

ร้อนเรียมเทียมร้อนไฟ                           อีกหนามรุมกลุ้มเสียบทรวง”

มีสำนวนเกี่ยวกับไฟที่ใช้บ่อยพบบ่อยในกรณีของชาย-หญิงที่เคยมีสัมพันธ์ถึงขั้นรักใคร่หรือได้เสียกัน ต่อให้เลิกร้างห่างไป เมื่อพบกันย่อมสานสัมพันธ์ใหม่ได้ไม่ยาก ไม่ผิดอะไรกับ ‘ถ่านไฟเก่า’ ที่เคยติดไฟ เมื่อมอดหรือดับไป พอได้เชื้อไฟเล็กน้อย ไฟก็จุดพรึ่บทันที

ดังตอนที่พระอภัยมณีเข้าห้องนางสุวรรณมาลีมเหสีที่เริดร้างกันไปนาน หลังจากต่อปากต่อคำกันพอหอมปากหอมคอก็เรียบร้อย ดังที่นิทานคำกลอนเรื่อง “พระอภัยมณี” บรรยายว่า

“พลางอิงแอบแนบหลังนั่งกระแซะ            ปะเหลาะปะแหละลูบต้องทำนองใน

ประคองนางวางแท่นแสนสวาท               สัมผัสพาดเพิ่มจิตพิสมัย

อัศจรรย์ลั่นเลื่อนสะเทือนไป                   ที่ถ่านไฟเก่าดับก็กลับโพลง”

 

คนเคยรักเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งเปรียบได้กับ ‘ถ่านเก่า’ มีความรักเป็นเชื้อไฟอยู่ภายใน ย่อมติดไฟง่ายกว่า ‘ถ่านใหม่’ ที่ไม่เคยติดไฟมาก่อน

สำนวนนี้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เพราะ ‘รักแล้วเลิก เลิกแล้วรัก’ ของคนสมัยก่อนก็มีไม่ต่างกับคนสมัยนี้ ดังจะเห็นได้จากตัวละครชายหญิงโต้ตอบกันด้วยความเข้าใจถึงความหมายของสำนวนอย่างถ่องแท้ ดังที่ไกรทองโต้คารมกับนางจระเข้วิมาลาในบทละครนอกเรื่อง “ไกรทอง” ว่า

(ไกรทอง) “เจ้าอย่าแค้นขัดสะบัดสะบิ้ง         นิ่งนิ่งเสียมั่งจงฟังพี่

เหมือนถ่านไฟเก่าเถ้ายังมี                        เป่าขึ้นคงอัคคีจะติดเชื้อ”

นางวิมาลาหึงไกรทองที่มัวแต่อยู่กับนางตะเภาแก้ว ตะเภาทอง ทิ้งให้นางต้องจากมาตามลำพัง จึงใช้คำพูดของไกรทองย้อนกลับไป

“จริงแล้วคะกะได้ถ่านไฟเก่า                    อย่าพักเป่าเฝ้าก่อจนคอก่ง

มันมอดหมดไม่ติดดังจิตจง                      จะซานซมงมหลงลงมาไย”

‘ถ่านไฟเก่า’ ไม่มอดจริง การต่อว่าต่อขานเหน็บแนมประชดประชันอย่างถึงพริกถึงขิงนำไปสู่การฟื้นความหลังด้วยรสสัมผัสที่เคยคุ้น เท่ากับกระตุ้นไฟในถ่านเก่าให้ช่วงโชติอีกครั้ง

“นี่จะหยิกจะทึ้งไปถึงไหน                        จะทำให้พี่ป่วยไปเสียหรือ

ชักชายผ้าห่มหลุดยุดยื้อ                         ถูกถือตามธรรมเนียมเลียมลอง

คลื่นซัดอัศจรรย์ลั่นเลื่อน                        สะท้านสะเทือนถ้ำเหวเปลวปล่อง

เล้าโลมเลี้ยวลอดสอดคล้อง                     ทั้งสองถ้อยทีปรีดา”

 

เจ้าชู้ตัวพ่อที่ใช้สำนวน ‘ถ่านไฟเก่า’ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตัวเอง ไม่มีใครเกินระเด่นมนตรี หรืออิเหนา เมื่อทราบจากนางบุษบาว่าถ้าไม่สามารถคืนดีกับนางจินตะหราได้ ก็หมดหวังครองคู่กับบุษบา เนื่องจากนางจะถูกพระมารดากักตัวไว้ไม่ให้พบกับอิเหนาอีกเลย นางบุษบาจึงคะยั้นคะยอให้อิเหนารีบไปหานางจินตะหรา

“เชิญเสด็จเชษฐารีบคลาไคล

อันโฉมยงนงคราญเหมือนถ่านดับ              คงจะกลับติดเนื้อเป็นเชื้อไข

ช่วยโปรดนางอย่างแต่ก่อนร่อนชะไร             ให้ชื่นใจจินตะหราวาตี”

นางบุษบาให้กำลังใจอิเหนาว่า นางจินตะหราก็เหมือนถ่านไฟเก่ามีเชื้ออยู่แล้ว ย่อมติดไฟได้ง่าย คนเคยรักแม้ห่างกันไปก็ง่ายที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์

อิเหนาถนอมความรู้สึกของนางบุษบาโดยปลอบประโลมนางว่า

“ซึ่งวานให้ไปรักจินตะหรา                          จะอุตส่าห์แข็งจิตพิสมัย

จะวานมั่งฟังความนะทรามวัย                     ช่วยเชื่อใจพี่บ้างอย่าคลางแคลง

อันถ่านดับกลับติดก็นิดหน่อย                    เหมือนเพลิงน้อยริบหรี่ไม่มีแสง

เป็นสัจจังดังพี่ได้ชี้แจง                               ก็ย่อมแจ้งอยู่กับจิตวนิดา

ถึงจะมีที่อื่นสักหมื่นแสน                            ไม่เหมือนแม้นพุ่มพวงดวงยิหวา”

แม้อิเหนาจะเฉไฉว่า “อันถ่านดับกลับติดก็นิดหน่อย เหมือนเพลิงน้อยริบหรี่ไม่มีแสง” แต่ถ่านไฟเก่าก็คือถ่านไฟเก่าวันยังค่ำ อิทธิฤทธิ์มีเต็มพิกัด ทั้งวาจาและท่าทีพระสวามีทำให้นางจินตะหราแพ้ทาง

“พระว่าพลางทางประโลมลูบต้อง                  ค่อยประคองอุ้มนางขึ้นวางตัก

แนบสนิทชิดชมภิรมย์รัก                            ต่างรู้จักเจนเชิงละเลิงลาน”

ในที่สุดก็ไม่ผิดคำนางบุษบา

“อัศจรรย์บันดาลด้วยถ่านดับ                     พระเพลิงกลับติดฮือกระพือเผา

พระเอนแอบแนบองค์นางนงเยาว์                  จนเลยเข้าที่หลับระงับไป”

พระอภัยมณี-นางสุวรรณมาลี ไกรทอง-นางวิมาลา และอิเหนา-นางจินตะหรา ‘สามคู่’ เข้าสูตร ‘สามจอ’

‘จูบ จับ แล้ว จบ’