ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : เพื่อความสดชื่น / อุรุดา โควินท์

 

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: เพื่อความสดชื่น

 

“พี่เจมส์คงอยากกินฝีมือพู เห็นไลก์รูปอาหารรัวๆ” เขาบอก

ฉันหัวเราะ “พรุ่งนี้เลยมั้ย อยากกินอะไร ถามแกสิ”

“จะดีเหรอ…”

เวลาแบบนี้ จะชวนเพื่อนมากินข้าวที่บ้านยังต้องชั่งใจ

เราใช้ชีวิตอีกแบบ ในหนึ่งปีที่ผ่านมา หลังโควิดระบาดหนักอีกรอบ ฉันอยากใช้คำว่า เราใช้ชีวิตต่างไปโดยสิ้นเชิง

ไม่มีอีกแล้ว การเดินอ้อยอิ่งในตลาด ค่อยๆ เลือก ค่อยๆ ดูวัตถุดิบ เราไปตลาดด้วยความเร็ว เดินอย่างระมัดระวัง ไม่เบียดใคร ไม่ยืนชิดคนอื่น ได้ข้าวของครบก็รีบกลับ

ฉันไม่ได้เดินเลือกของในซูเปอร์มาร์เก็ตจนลืมบรรยากาศ เรากดสั่งสินค้าจากแอพพ์ของห้าง วันต่อมาก็มีคนมาส่ง

แม้แต่ของชิ้นเล็กๆ อย่างเทปใส เทปพันกล่อง ฉันก็สั่งซื้อทางไปรษณีย์ ไม่ใช่ออกจากบ้านไม่ได้ แต่ร้านเจ้าประจำไม่มีเทปขนาดที่ฉันต้องการ หมด ไม่สั่งมาเพิ่ม เพราะขายไม่ค่อยดี…เฮ้อ

ห้องสมุดเต็มไปด้วยกล่องหลากขนาด กล่องใส่น้ำพริก กล่องใส่สบู่ กล่องใส่น้ำปลาหวาน ฉันต้องมีอุปกรณ์แพ็กอย่างพรั่งพร้อม

ใช่ ฉันเป็นนักเขียน และเป็นแม่ค้าออนไลน์ด้วย ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน มีใครบ้างที่ไม่ซื้อของออนไลน์ มีสักกี่คนที่ไม่คิดหารายได้จากการขายของออนไลน์

 

ฉันพบว่าความสุขบางส่วนของฉันหายไป

ตอนที่บ้านยังเปิดห้องพัก ฉันได้ทำอาหารเช้าให้แขก ฉันยิ้มหน้าบานเมื่อแขกกินอาหารเกลี้ยงจาน เมื่อแขกบอกว่าห้องพักสะอาดจัง เมื่อแขกบอกว่าวันนี้ไม่ไปไหนแล้ว นอนอ่านหนังสือที่นี่ทั้งวันดีกว่า

“เมื่อไรเราจะได้กินข้าวโต๊ะใหญ่ๆ ทำกับข้าวเต็มโต๊ะ มีเพื่อนๆ มา” ฉันถามเขา

เขาถอนหายใจ “บอกไม่ได้เลยล่ะ”

บ้านใหม่ของเรามีห้องกินข้าวเล็กๆ และบาร์เล็กๆ ฉันจะวางโต๊ะอาหารใหญ่เท่าที่ห้องรองรับได้ และหาเก้าอี้นั่งสบายสุดๆ

เราจะรับแขกในห้องนั้น กินข้าวในห้องนั้น และดื่มในห้องนั้น

ช่างยกถามฉันว่า ทำไมฉันเน้นห้องกินข้าวนี่จัง เขาแปลกใจ ที่บ้านเล็กๆ ของเรา ให้พื้นที่กับอาหารมากที่สุด เรามีครัวขนาด 17 ตารางเมตรอยู่แล้ว ยังจะต้องการห้องกินข้าวและบาร์อีกหรือ

ฉันบอกเขาว่า เพราะมันสำคัญต่อฉัน มันเป็นชีวิตประจำวันของฉัน และยังทำเงินให้กับฉัน ฉันไม่จำเป็นต้องมีห้องรับแขกหรือห้องเก็บของ ห้องนอนมีไว้แค่นอน หนึ่งวันของฉันหมดไปกับโต๊ะทำงาน ครัว และห้องทำสบู่

บ้านในความหมายของฉัน จึงมีสามห้องนั้น และเตียงที่นอนสบาย ความจริงแล้วแค่นั้นก็พอ ห้องกินข้าวคือความเอาแต่ใจของฉัน ยังไงก็เถอะ ฉันแน่ใจว่าเราจะใช้สอยมันอย่างคุ้มค่า

อีกไม่นาน ฉันจะเสิร์ฟอาหารให้เพื่อนๆ ในห้องกินข้าวใหม่ ก่อนจะถึงวันนั้น เราสองคนก็ได้มีห้องกินข้าวเป็นเรื่องเป็นราวเสียที ไม่ต้องกินข้าวไปตบยุงไป ไม่ต้องหนาวจนสั่นในฤดูหนาว และไม่ต้องเหงื่อซึมในฤดูร้อน

 

ฉันเดินเข้าครัว

อา…ใช่ ครัวใหม่ก็ไม่ร้อนอย่างนี้ด้วย หลังคาออกจะต่ำสักหน่อย เพราะทำจากโครงสร้างเดิมเพื่อความประหยัด แต่ข้อดีคืออยู่ใต้ต้นลิ้นจี่ และเราเลือกทำหน้าต่างได้ตามใจชอบ

ฉันกวาดตามอง เราใช้เงินปรับปรุงครัวนี้หลายหมื่น แต่ฉันไม่เสียดายสักนิด-ไม่เลย

ฉันน่ะ มีแต่จะมองไปข้างหน้าเท่านั้น

และฉันต้องการอาหารที่สดชื่น โอเค…ฉันจะกินสลัดแบบอินเดีย ไม่ได้กินนานแล้ว ไม่ได้ไปร้านอินเดียเลย ไม่เคยทำด้วย แต่คิดว่าพอจะมั่วทำเอาได้ เพิ่งไปตลาด ในตู้เย็นมีผักมากมาย สลัดอินเดียไม่ได้ซับซ้อน อีกทั้งฉันกินจนรสติดลิ้น

หยิบผักมาล้าง แตงกวา แคร์รอต หอมแขก ผักชี มะนาว มะเขือเทศ อืม…แค่นี้ก็ใช่แล้วล่ะ แต่เรามีมะกอกดำ ใส่ไปสักหน่อยจะอร่อยขึ้น เอากรีนโอ๊กมารองก้นจานสักนิด ให้มีสีเขียว

ฉันหั่นผักทุกอย่างเป็นเต๋า ยกเว้นมะนาว ที่หั่นเป็นซีกบางๆ ปริมาณของแตงกวา แคร์รอต มะเขือเทศ และหอมแขกต้องพอๆ กัน มะนาวเขียวกับมะกอกนิดหน่อย และผักชีไว้โรยหน้า

หั่นผักทุกอย่างลงชาม แช่ตู้เย็น

เทน้ำมันมะกอกลงถ้วยอีกใบ โรยเกลือดำ พริกไทยดำบด และบีบมะนาว ตีเกลือจนละลาย แล้วราดลงผัก โปรยผงมาซาลาพองาม คลุกให้เข้ากัน แล้วจับแช่ตู้เย็นอีก 15 นาที

สลัดจะอร่อยขึ้นเมื่อผักเย็นจัด และน้ำสลัดเข้าเนื้อเข้าหนัง ระหว่างที่รอ ฉันเปิดแอร์ห้องสมุด ถ้าจะร้อนขนาดนี้ กินข้าวในห้องสมุดเถอะ

 

พอครบสิบห้านาที ฉันเอาโรตีออกจากช่องแข็งมาอุ่น นาบบนกระทะเทปลอนจนแป้งนุ่ม เป็นอันใช้ได้ ฉันชอบกินโรตีกับแกง จึงมีโรตีสำเร็จรูปแบบแช่แข็งติดตู้เย็นไว้เสมอ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกินโรตีกับสลัด

ก็…ควรจะมีแป้งหน่อย

“โห…” เขาทำตาโตเมื่อเห็นอาหาร “มังสวิรัติเลยนะ”

“อยากกินสลัดอินเดีย อยากกัดหอมแขกคำใหญ่” หายใจทิ้ง “จริงๆ ก็คือ อยากกินอาหารอินเดียแบบสั่งมาเต็มโต๊ะ แล้วกินหลายๆ คน”

เขายิ้ม “เอาน่า ร้านนั้นไม่หนีไปไหน ดูก็รู้ว่าทุนหนา เขาต้องรอด”

“ทั้งที่เราไม่ได้อุดหนุนเขาเลยนี่นะ”

เขาตักสลัดใส่จานให้ฉัน “เชียงรายมีคนเชื้อสายอินเดียเยอะ ฐานะดีทั้งนั้น เขาไม่ยอมให้ร้านนั้นเลิกหรอก”

ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ ฉันคิด สลัดนี่ชื่นใจจริงๆ กินแล้วมีแรงขึ้นมาเลยล่ะ