เสียงจากหมอชลน่าน ถึงเพื่อน ส.ส. หยุดอุ้มประยุทธ์ เปลี่ยนผู้นำ สถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น

รายงานพิเศษ

พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์

 

เสียงจากหมอชลน่าน ถึงเพื่อน ส.ส.

หยุดอุ้มประยุทธ์

เปลี่ยนผู้นำ สถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น

 

“นาทีนี้ผมไม่พูดกับประยุทธ์นะ แต่ผมขอพูดกับพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้พรรคร่วมเห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง พวกเราเป็นนักการเมือง เราอยู่กับพี่น้องประชาชน พรรคร่วมอยู่กับประชาชน คุณไม่ได้อยู่กับประยุทธ์ ไม่กี่ปีเขาอาจจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว จะไปอุ้มเขาไว้ทำไม ขอฝากไปยังพรรคร่วมให้ช่วยพิจารณา ยังทัน ผมคิดว่าเปลี่ยนตัวผู้บริหาร ทุกอย่างจะดีขึ้นหมดเลย ผมเชื่ออย่างนั้น”

นี่คือเสียงถึงพรรคร่วมรัฐบาล จาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่อยากฝากไปถึงเพื่อน ส.ส.

หมอชลน่านมองว่าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในอำนาจ 7 ปี ถือว่าเกินพอ เป็นจำนวนปีมากพอที่คนไทยให้โอกาสเขา ตอนเข้ามาเมื่อปี 2557 เขาบอกมาว่าจะคืนความสุข จะทำตามสัญญา บางคนฟังดูมีความหวัง

พอ 4 ปีผ่านไปในรัฐบาล คสช.เริ่มว้าเหว่ ปฏิรูปประเทศ-ยุทธศาสตร์ชาติไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง เศรษฐกิจดิ่งเหวไปเรื่อยๆ

นี่คือภาวะทั่วไปก่อนเจอโรคระบาด พอเจอแล้วก็ไปไม่เป็น ทำประเทศชาติบ้านเมืองพังหมด ตอนนี้ทุกคนอดอยากปากแห้ง อยู่แบบไร้ความหวัง อยู่แบบคิดว่าเมื่อไหร่จะออกไป

พวกเขาพากันเรียกร้องหาความหวังที่จะอยู่ต่อ

ถามว่าทำไมเด็กๆ ถึงออกมาเรียกร้อง เพราะเขาเห็นว่าอนาคตของเขาถ้าอยู่ไปแบบนี้ไม่มีความหวัง ไม่มีอนาคต

พวกคุณอย่าไปโทษเด็กที่ออกมาขับไล่เลย มันเป็นเวลาที่มากพอที่ให้คุณพิสูจน์ตัวเอง แต่คุณพิสูจน์ไม่ได้เลย ยิ่งอยู่ยิ่งแย่ ควรจะมีจิตสำนึกกับประเทศชาติบ้านเมือง

ดีที่สุดคือ “ลาออก” แล้วสรรหารัฐบาลใหม่

นพ.ชลน่านบอกว่า โจทย์รัฐบาลใหม่ที่เข้ามา ต้องมีภารกิจสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1.แก้วิกฤต 2.จัดทำกติกาใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย แค่นี้ผมคิดว่าประชาชนก็มีความสุขและมีความหวังขึ้นแล้ว พวกคุณอย่าทำร้ายประเทศอีกเลย

มองสถานการณ์โรคระบาดวันนี้ ผมคิดว่าที่มันหนักหนาขนาดนี้ เพราะเริ่มจากสมมุติฐานที่ผิด และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตัวเองคิด สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้ คือประมาณต่ำเกินไป ทั้งๆ ที่คุณรู้ว่ามันเกิดขึ้นทั่วโลก แต่เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตัวเองบวกกับการควบคุมโรครอบแรกที่ตายไม่ถึง 100 คน เขาอาจจะคิดว่าวัคซีนไม่จำเป็น มาเมื่อไหร่ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยฉีด

เพราะคิดอย่างนี้ไง เลยหายนะ ในขณะที่เขาปล่อยปละละเลยให้มีการทำมาหากิน-ลักลอบค้าขายการแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งเป็นระบบเดิมของพวกเขาอยู่แล้ว จุดตรงนี้คุณก็ไม่ปิด มันก็เลยทำให้เกิดระลอกใหม่ขึ้นมา

ถามว่าสายพันธุ์อังกฤษที่เข้ามามันมาได้ยังไง เคยตอบหรือไม่ มีคนบอกว่า “เข้าใจว่ามาจากเขมร” พูดออกมาได้อย่างไร คุณจะต้องตามให้ได้ว่ามันมายังไง คุณจะได้รู้ว่าจะต้องป้องกันอย่างไร การรบถ้ารู้แต่เขาไม่รู้จักตัวเอง รบร้อยครั้งแพ้ร้อยครั้ง ไม่รู้สรรพกำลัง มองไม่เห็นช่องโหว่ตัวเอง มันก็เลยพลาดมาแบบนี้ เลยมีปัญหามาก

เราต้องยอมรับว่าขณะนี้ประเทศมีปัญหามาก ในการบริหารจัดการการแก้ไขภาวะวิกฤต

เมื่อเราเห็นปัญหาแล้วถามว่าเหตุของปัญหาคืออะไร?

เหตุคือคนที่เข้ามาแก้ไข ไม่มีความรู้ความสามารถนี่คือต้นเหตุ

ถามว่าการขจัดเหตุแห่งทุกข์ทำยังไง ก็ต้องขจัดเหตุแห่งปัญหา

ก็ชัดเจนว่าคนที่ไม่มีความรู้ความสามารถต้องออกไป ต้องให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำ

หรือแม้แต่คุณจะไม่ออก แต่ตัวคุณก็ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการวิธีการทำงาน ให้ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาได้จริง มันทำได้ 2 เรื่อง

แต่นี่ดูแล้วยากมากที่เขาจะปรับตัว จะแก้ไขวิธีการทำงาน

นพ.ชลน่านกล่าวว่า พวกเรามีสภามา 2 ปีแล้ว แนวทางข้อเสนอแนะเหล่านี้เราเสนอผ่านสภามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ หรือไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือญัตติเฉพาะในการแก้ไขปัญหาแต่ละเรื่อง เรามีข้อเสนอหมด

เขาไม่เคยนำสู่การปรับแก้ แล้วคุณก็ไปอาศัยอำนาจ เอากฎหมายมาไว้ที่ตัวเองหมด บอกว่าเป็น Single Command เพื่อจะได้สั่งได้ กับสิ่งที่คุณทำ คุณรวบเอาหน่วยปฏิบัติมาหมดเลย

นี่เลยเป็นเหตุให้การปฏิบัติไม่ว่าใดๆ มันล้มเหลว แผนที่คุณจะไปจัดการกับภาพรวมเชิงนโยบาย แต่ระดับปฏิบัติมีคุณไปตัดทอนมือเท้าของเขา รวบอำนาจเข้ามา และสั่งลงไปโดยที่ไม่ได้เสริมกำลัง เพราะดึงเข้ามาไว้ที่ตัวเองมันยิ่งทำให้ซ้ำซ้อน

ให้สังเกตดูว่า กรรมการควบคุมโรคติดต่อของแต่ละจังหวัดเขามีความเข้มแข็ง หลายพื้นที่จากสีแดงเข้มก็ควบคุมได้ เขาสามารถจัดการกันเองได้ภายในจังหวัดทีเดียวจบ มีระบาดมาเขาติดตามได้แป๊บเดียวจบ แต่คนที่รวบอำนาจมาบริหารในกรุงเทพฯ มีคลัสเตอร์โรงงาน หรือจุดไหนๆ เขาต้องมารอคุณที่สั่งการแก้ปัญหา มันเป็นแบบนี้ไง ถ้าปล่อยให้เขาทำมีมาตรการของตัวเองอยู่แล้ว ไม่ใช่ต้องรอประยุทธ์สั่งหมด นี่คือภาพรวมที่เห็นว่าเขาทำไม่เป็น

สิ่งที่เราเห็นเลยมีแต่เกิดความสับสน คำสั่ง สธ.มาแบบหนึ่ง คำสั่ง ศบค.เป็นอีกแบบหนึ่ง แล้วคนปฏิบัติต้องเชื่อใคร ช่วยเอาให้ตรงกันก่อน

อย่างกระทรวงสาธารณสุขบอกว่าให้วอล์กอินวัคซีนได้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนมาฉีดมาให้เร็วที่สุด

อยู่ดีๆ ก็บอกไม่เอา นายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.บอกว่าไม่เอา ให้ใช้ออนไซต์ ให้คุณสังเกตดูว่า ผู้นำเอานโยบายบริหารเชิงปฏิบัติการรวมศูนย์ไว้อยู่ตรงนั้นมันเลยผิดพลาดไปหมด

นี่คือตัวอย่างว่าถ้าจะเปลี่ยน วิธีการแก้ปัญหา ที่ถูกจุดที่สุด คือเปลี่ยนผู้นำ คุณก็ลาออกแล้วตั้งนายกฯ ใหม่ ตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมาใช้เวลาไม่กี่เดือนก็จบ

แล้วไม่ต้องถามว่าถ้าประยุทธ์ออกแล้วจะเอาใครล่ะ ผมก็คิดว่าใครก็ได้ที่ไม่ใช่ประยุทธ์

“ที่พวกคุณบอกว่าวัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่มี ทั้งที่มีอยู่ตอนนี้ประสิทธิภาพต่ำสุด คุณบอกคือวัคซีนที่ดีแล้ว ผมก็จะบอกเหมือนกันว่านายกฯ ที่ดีที่สุด คือใครก็ได้ที่ไม่ใช่ประยุทธ์ ขอแค่ให้สภารับรอง เพราะกลไกการบริหารมันไม่ได้อาศัยนายกฯ คนเดียว องคาพยพทั้งหมดในองค์กรบริหารสูงสุดคือคณะรัฐมนตรี มีที่ปรึกษา มีนักวิชาการทีมงาน มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมาย คุณเคยฟังเขาหรือไม่ แต่นายกฯ คนอื่นเขาฟัง ยิ่งเป็นเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนเขายิ่งต้องฟัง เพราะเขามาจากประชาชน การฟังมันจะตอบสนองต่อความต้องการ รู้เท่าทัน”

 

นพ.ชลน่านย้ำว่า วันนี้เมื่อคนไม่เชื่อใจ ไม่เชื่อมั่นรัฐบาล สะท้อนว่านอกจากวัคซีนที่ไม่มีคุณภาพที่มีดีไม่พอ พวกคุณยังทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้น้อยเพราะขาดความเชื่อมั่น มันก็จะเป็นตัวชี้วัดว่าสิ่งที่คุณทำ คุณกำลังทำลายระบบสุขภาพของไทย คุณกำลังจะสร้างความล้มเหลวให้กับระบบสาธารณสุขไทยไปด้วย การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ผ่าน ศบค. กำลังทำให้ระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว

ผมเองอยากจะเรียกร้องไปยังบรรดาอาจารย์ที่อยู่ในวงการแพทย์ ต้องกล้าที่จะพูดความจริง อย่าไปเออออห่อหมกตามที่ประยุทธ์เป็นคนพูด สิ่งที่เราเห็น เอาแค่ตัวอย่างจากการฉีดวัคซีนของ พล.อ.ประยุทธ์ มานั่งฉีดปุ๊บ มีการให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่ยืนอยู่ มายืนออเต็มข้างหลัง ยืนปรบมือ

แต่ผู้นำนานาชาติเขาไปคนเดียว แถมเขาไปฉีดเขาเว้นระยะห่าง มันเกิดอะไรขึ้น คุณเป็นคนออกกฎเอง แต่คุณกลับไม่ทำ นี่คือผู้นำที่ไร้ซึ่งวิธีการคิดที่ถูกต้อง และใช้อารมณ์เป็นลักษณะตัดสิน มันเลยทำให้ภาพมันเสียหายไปหมด

ผมยกตัวอย่างเพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่มันเป็นเรื่องที่สำคัญ มาตรการที่ออกมาแล้วต้องมีการดำเนินที่ชัดเจน แต่ลักษณะที่เกิดขึ้นกลับไปกลับมาแบบนี้ มันเลยทำให้เป็นผลพวงที่จะทำลายระบบที่มีอยู่

ส่วนตัวผมเองรู้สึกเสียดายมากว่าอาจารย์ของผมแต่ละคนไม่น่าเลย อาจารย์แพทย์ผู้บริหารระดับสูงแต่ละคนต้องไม่ยอม อย่าไปยอม แล้วคนที่พูดในสิ่งที่ถูกต้อง กลับไม่ถูกเชิญเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการ

นี่เป็นประเด็นที่ผมอยากจะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์คุณต้องกลับมามองว่าคุณกำลังจะทำลายระบบสาธารณสุขของไทย ซึ่งมันจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นบุคลากรทางการแพทย์ในอนาคตด้วย

ชมคลิป