วิถีแห่งอำนาจ เสถียร จันทิมาธร/เค้กส่าโกว เผยแสดง

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

เค้กส่าโกว เผยแสดง (91)

ที่แท้สตรีผมเผ้ายุ่งเหยิงเป็นกระเซิงนางนี้คือ เค้กส่าโกว นางอยู่ในฐานะเป็นศิษย์ผู้พี่ (ซือเจ้) แต่ในด้านศักดิ์ฐานะต่ำกว่าเอี้ยเอ็งอยู่รุ่นหนึ่ง

เพียงแต่สูงวัยมากกว่าจึงเรียกหานางเป็น “ซือเจ้”

ตอนที่บิดาถูกอึ้งเอี๊ยะซือทำร้ายนางตื่นตระหนกกระทั่งกระทบกระเทือนถึงสมอง ไม่ว่าอึ้งเอี๊ยะซือทุ่มเทพากเพียรพยายามชักนำสอนสั่งอย่างไรขีดความสามารถของคนยากทวนลิขิตของฟ้าได้ อย่าว่าแต่ร่ำเรียนวิชาทั้งบุ๋นและบู๊ ต่อให้สอนนางรู้จักหนังสือมากกว่าเดิม

ร่ำเรียนวิชาฝีมืออันตื้นเขินเพิ่มอีกหลายชุดยังทำไม่ได้

แต่ 10 กว่าปีมานี้ภายใต้การอบรมสั่งสอนจากอึ้งเอี๊ยะซือนางกลับเรียนรู้เพลงฝ่ามือได้ชุดหนึ่งและกระบวนท่าสามง่ามชุดหนึ่ง

ที่ว่าชุดหนึ่งแท้ที่จริงมีเพียงวิชาละ 3 ท่า

ที่นางสามารถอ้อมผ่านเนินดินหน้ากระท่อมเพียงเพราะนางพักอาศัยบนเกาะดอกท้อเป็นเวลานาน การจัดตั้งของเที้ยเอ็งถือเป็นวิชาขั้นพื้นฐานของเกาะดอกท้อ เค้กส่าโกวกระทั่งมองดูยังไม่มองดูย่อมสามารถเดินเข้าห้องมาได้

แล้วชุดวิชา 3 กระบวนท่าของนางมาอย่างไร

อึ้งเอี๊ยะซือทราบว่า หากเป็นกระบวนท่าอันพลิกแพลงนางต้องจดจำไม่ได้ ดังนั้น เค้นสมองความคิดบัญญัติเพลงฝ่ามือ 3 ท่า กระบวนท่าง่ามเหล็ก 3 ท่า

กระบวนท่าทั้ง 6 นี้ทื่อด้าน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามหลัง อานุภาพล้วนอยู่ที่พลัง

ผู้คนทั่วไปฝึกปรือวิชาบู๊อย่างน้อยต้องร่ำเรียนหลาย 10 กระบวนท่า อย่างมากมีการเปลี่ยนแปลงนับพันท่วงท่า ส่าโกวร่ำเรียนเพียง 6 ท่านานไปย่อมช่ำชองชำนาญ

แม้มีกระบวนท่าน้อยนิด กลับรุนแรงไม่น้อย

ยามนี้ส่าโกวเห็นลี้มกโช้วหวดแส้ปัดมาก็ยกสามง่ามที่ใช้ปิ้งย่างเนื้อแทงออกในระดับเสมออกลี้มกโช้วได้ยินเสียงสามง่ามเหล็กแหวกฝ่าอากาศอย่างเร่งร้อนอดตื่นตระหนกมิได้ ครุ่นคิดขึ้น “ดูไม่ออกว่าสตรีนางนี้มีพลังฝีมือกล้าแข็งถึงเพียงนี้”

ดังนั้น อ้อมปราดไปทางซ้ายสะบัดแส้ปัดจู่โจมใส่ก้านคอ ส่าโกวไม่สนใจกระบวนท่าศัตรูยกสามแง่มแทงตรง

ลี้มกโช้วหมุนควงแส้ปัดม้วนพันส่วนที่เป็นง่ามแยกออกมาของสามง่ามไว้ ส่าโกวคล้ายมองไม่เห็นสามง่ามยังคงเสือกแทงไปเบื้องหน้า ลี้มกโช้วโคจรพลังสลัดวูบสามง่ามกลับไม่โยกคลอน ชั่วพริบตาจ้วงแทงถึงบริเวณราวนมของนาง

นี่นับว่าตึงมืออย่างยิ่ง

นับว่าลี้มกโช้วมีพลังฝีมือสูงล้ำยามรีบร้อนใช้ท่าเท้า “เจ็ดดาวย้อนทวน” (ต้อช้วงชิกแชโป้ว) เอี้ยวตัวพุ่งทะลวงออกทางช่องแตกบนผนังกระท่อมค่อยหลบรอดจากท่าจู่โจมอันดุดันปานอสนีบาตนี้ได้

แต่ก็แตกตื่นจนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบโซมกาย

นางระงับสติเล็กน้อยกระโดดเข้ากระท่อมใหม่ ลอยตัวหวดแส้ปัดลง ส่าโกวใช้ความไม่เปลี่ยนแปลงรับสารพันเปลี่ยนแปลง ยังคงยกสามง่ามเสือกแทงออก

เนื่องด้วยศัตรูกระโดดขึ้นสูงสามง่ามจึงแทงใส่ท้องน้อยของฝ่ายตรงข้าม

ลี้มกโช้วเห็นสภาวะจู่โจมนี้ดุดันรุนแรงจึงยกด้ามแส้ปัดป่ายสามง่ามเหล็กไว้พลางพุ่งตัวพ้นห่างไป

เหม่อมองส่าโกวครุ่นคิด “เมื่อครู่เราจู่โจม 3 ท่าแต่ละท่าซ่อนการเปลี่ยนแปลง 9 ประการท่วงท่าตามหลัง 12 ท่า ต่อให้เป็นยอดฝีมือชาวบู๊ลิ้มก็ไม่กลัวชะล่าใจ สตรีนางนี้เพียงจ้วงแทงสามง่ามออกก็สลายความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดทั้ง 63 ท่วงท่าของเราไปโดยไร้ร่องรอย”

จึงตัดสินใจ “คนผู้นี้มีพลังฝ่ามือลึกล้ำ ยังคงรีบไปเถอะ”

ไม่ว่าการมาเยือนของลี้มกโช้ว ไม่ว่าการมาเยือนของเค้กส่าโกว กลับกลายเป็นตัวแปรอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานการณ์เฉพาะหน้า

“ตัวแปร” นี้ถือได้ว่า “จัดวาง” อย่างเหมาะเจาะ

เป็นการจัดวางอย่างเหมาะเจาะให้ลี้มกโช้วต้องได้รับ “บทเรียน” อันนอกเหนือการคาดคิดคำนวณเดิม เป็นการจัดวางอย่างเหมาะเจาะให้เรื่องราวของ “มังกรหยก” ภาคที่ 2 เพิ่มความสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดกลับกลายเป็นทั้ง “ผลดี” และ “ผลเสีย” ต่อ “เอี้ยก่วย”

ผลดีก็คือ เอี้ยก่วยได้เข้าไปสัมพันธ์กับอึ้งเอี๊ยะซืออย่างลึกซึ้งและแปลกประหลาด ผลเสียก็คือข้อมูลจากเค้กส่าโกวส่งผลสะเทือนต่อความคิดของเอี้ยก่วยอย่างรุนแรง