นายอำเภอเบญจลักษ์ นำทีมลงพื้นที่ตรวจติดตามหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) มุ่งส่งเสริมประชาชนร่วมกันพัฒนาหมู่บ้าน ทำความสะอาดบ้านเรือน คัดแยกขยะ ปลูกผักสวนครัวเป็นอาหาร ยกระดับคุณภาพชีวิตของให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

นายอำเภอเบญจลักษ์ นำทีมลงพื้นที่ตรวจติดตามหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) มุ่งส่งเสริมประชาชนร่วมกันพัฒนาหมู่บ้าน ทำความสะอาดบ้านเรือน คัดแยกขยะ ปลูกผักสวนครัวเป็นอาหาร ยกระดับคุณภาพชีวิตของให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

วันนี้ (29 เม.ย. 67) นายธนเดช พระอารักษ์ นายอำเภอเบญจลักษ์ เปิดเผยว่า อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้ขับเคลื่อนแนวทางการดำเนินงานโครงการหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) ของกระทรวงมหาดไทย โดยการน้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชดำริและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติจนเป็นวิถีชีวิต เพื่อให้ประชาชนคนไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขอย่างยั่งยืน ตามแนวพระดำริ “หมู่บ้านยั่งยืน” ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เพื่อทำให้ประชาชนคนไทยมีความอยู่ดีกินดี ตามตัวชี้วัดหมู่บ้านยั่งยืน 8 ข้อ ประกอบด้วย การมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง การมีความมั่นคงทางอาหาร ชุมชนมีความสะอาดถูกสุขลักษณะ ประชาชนในชุมชนมีรักความสามัคคี การรวมกลุ่มผสานความร่วมมือและการมีส่วนร่วม รวมทั้งการปฏิบัติตามหลักศาสนา ประเพณี วัฒนธรรม และการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานเยาวชน มีความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินและปราศจากยาเสพติด รวมไปถึงการมีน้ำสะอาดสำหรับใช้ในการอุปโภคและบริโภค โดยเริ่มจากการส่งเสริมให้หมู่บ้านและชุมชนเกิดความเข้มแข็ง มีจิตอาสาช่วยกันทำสิ่งทีดีต่อชุมชน เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
.
นายธนเดช พระอารักษ์ นายอำเภอเบญจลักษ์ กล่าวว่า ตนได้นำสมาชิกอาสาสมัครรักสาดินแดน กองร้อย อส. ที่ 18 อำเภอเบญจลักษ์ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ตำบลหนองหว้า และตำบลหนองฮาง อำเภอเบญจลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตามนโยบายของนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยและนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในการให้ทุกจังหวัด อำเภอ ร่วมกันขับเคลื่อนหมู่บ้านยั่งยืนด้วยการทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา เริ่มจากการจัดระเบียบดูแลทำความสะอาดบ้านเรือนและสถานที่ในชุมชน ให้มีทัศนียภาพที่สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย รวมทั้งให้นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ลงพื้นที่เยี่ยมราษฏรให้กำลังใจในร่วมกันพัฒนาหมู่บ้าน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

“การลงพื้นในครั้งนี้ ได้มีการพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน โดยส่งเสริมให้ทุกคนน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการดำเนินชีวิต เพื่อทำให้ทุกคนสามารถพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งได้เชิญชวนทุกคนร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา ร่วมกันความสะอาดบ้านเรือน ถนนหนทาง การปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์สิ่งแวดล้อมให้สวยงาม รวมถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยนำหลัก 3Rs คือ Reuse (ใช้ซ้ำ) Reduce (ใช้น้อย) Recycle (นำกลับมาใช้ใหม่) ช่วยกันบริหารจัดการธนาคารขยะ เพื่อให้มีรายได้จากการขายขยะ ผ่านธนาคารขยะรีไซเคิล (Recyclable Waste Bank) เพื่อเป็นสวัสดิการชุมชน และจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนในทุกครัวเรือน อีกทั้งได้สอบถามไถ่ถึงความเป็นอยู่ที่ดี ในด้านน้ำอุปโภคและบริโภคของประชาชน การบริหารจัดการน้ำของชุมชน เพื่อให้มีน้ำเพียงพอสำหรับหน้าแล้ง และการสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือน ด้วยการปลูกผักสวนครัว น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตามโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” เพื่อมีพืชผักสวนครัวไว้บริโภคตลอดทั้งปี ก็จะช่วยลดรายจ่าย ที่สำคัญเป็นผักปลอดสารพิษ ดีต่อสุขภาพอนามัย” นายธนเดชฯ กล่าว

นายธนเดช พระอารักษ์ นายอำเภอเบญจลักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อำเภอเบญจลักษ์ มุ่งเน้นการพัฒนาคนตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เพราะ “คน” เป็นศูนย์กลางในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ซึ่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของภาครัฐต้องอุทิศกายและใจเพื่อส่วนรวมในการที่จะเป็นตัวเชื่อมประสาน เป็นโซ่ข้อกลางให้กับทุกภาคส่วน และเป็นผู้ขับเคลื่อนงานในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป็นรูปธรรม ตามหลักการทรงงาน 4 ร่วม หรือ 4 ร. คือ ร่วมพูดคุน ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับประโยชน์ อย่างต่อเนื่อง อันจะส่งผลให้ปณิธานแห่งการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เกิดผลเป็นรูปธรรม และเป็นการสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มุ่งมั่นในการทำให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสร้างรอยยิ้ม สร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชน

#WorldSoilDay #วันดินโลก
#UN #FAO #GlobalSoilPartnership #MOI
#กระทรวงมหาดไทย #บำบัดทุกข์บำรุงสุข
#SoilandWaterasourceoflife
#SustainableSoilandWaterforbetterlife
#ดินดีน้ำดีชีวีมีสุขอย่างยั่งยืน
#SDGsforAll #ChangeforGood