ขอคืนพื้นที่ ‘หมู่บ้านทะลุฟ้า’ โล่ กระบองปะทะชู 3 นิ้ว การอดข้าวของ ‘เพนกวิน’ และสารถึง ‘รุ้ง เพื่อนยาก’ / บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

ขอคืนพื้นที่ ‘หมู่บ้านทะลุฟ้า’

โล่ กระบองปะทะชู 3 นิ้ว

การอดข้าวของ ‘เพนกวิน’

และสารถึง ‘รุ้ง เพื่อนยาก’

ปรากฏการณ์ “เดินทะลุฟ้า” ระยะทาง 247.5 กิโลเมตร จาก จ.นครราชสีมา เป้าหมายอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ใจกลางกรุงเทพฯ

ต่อเนื่องกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า V.2” เคลื่อนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มายังทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 13 มีนาคม

พัฒนาก่อเกิดเป็น “หมู่บ้านทะลุฟ้า” ปักหลักชุมนุมท้าทายศูนย์กลางอำนาจโดยไม่กลัวเกรง

ยืนหยัด 4 ข้อเรียกร้อง ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีลาออก แก้รัฐธรรมนูญตามข้อเสนอจากประชาชน ยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 และให้ปล่อยตัวแกนนำราษฎร

หมู่บ้านทะลุฟ้า กลางวันตะโกนโห่ร้องขับไล่ เย็น-ค่ำจัดเวทีเสวนาให้ความรู้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง

แม้บรรยากาศจะเป็นไปโดยสงบเรียบร้อยปราศจากความรุนแรง แต่ก็ทำให้รัฐบาลหวั่นไหว

สร้างความหงุดหงิดรำคาญให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ต้องเผชิญกับเสียงโห่ร้องขับไล่ทุกครั้งที่ขบวนรถผ่านเข้าทำเนียบรัฐบาล เป็นเสมือนหนามทิ่มแทงใจทุกเมื่อเชื่อวัน

ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งนำมาสู่ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่เช้าตรู่ 28 มีนาคม

 

แนวทางเคลื่อนไหว “หมู่บ้านทะลุฟ้า” ตลอด 16 วันข้างทำเนียบรัฐบาล

ช่วงเย็นเปิดเวทีเสวนาคนรุ่นใหม่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ตอกย้ำจุดยืน 4 ข้อเรียกร้อง

แต่ที่สร้างความเดือดดาลให้ผู้มีอำนาจมากที่สุดคือเสียงเพลงอวยพรวันเกิดฉบับดัดแปลงเนื้อร้อง ที่ผู้ชุมนุมร่วมกันเปล่งเสียงดังกึกก้องทะลุทะลวงเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาล ท้าทายคนจุดเดือดต่ำ ถึงห้องทำงาน

วันที่ 25 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์ส่งสัญญาณผ่านไปถึงตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ “การชุมนุมของหมู่บ้านทะลุฟ้าสร้างความเดือดร้อนให้คนสัญจรผ่านไปมา แถมมีโรงเรียนเข้ามาร้องเรียนด้วย จึงเตรียมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการ”

ถัดมาเพียงวันเดียว ตำรวจและเจ้าหน้าที่ขานรับสัญญาณเข้าเจรจากับคนในหมู่บ้าน อ้างมาตรการควบคุมโรคติดต่อ แจ้งให้ยุติการชุมนุม หากไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการตามขั้นตอน แต่ได้รับการปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงจากคนในหมู่บ้าน ยืนยันปักหลักชุมนุมยืดเยื้อต่อไป

กระทั่งรุ่งสางวันที่ 28 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ ชุดควบคุมฝูงชน พร้อมโล่และกระบองเข้าประชิดหมู่บ้าน ประกาศให้ผู้ชุมนุมเก็บข้าวของออกจากพื้นที่ภายใน 3 นาที

ผลจากปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ ชาวหมู่บ้านทะลุฟ้าถูกจับกุมทั้งสิ้น 61 คน ในจำนวนนี้มีพระสงฆ์ 2 รูป ถูกพาไปสึก ก่อนทั้งหมดจะถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ บก.ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี

ส่วนหมู่บ้านถูกเจ้าหน้าที่ กทม.รื้อถอนออกทั้งหมด

ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่หมู่บ้านทะลุฟ้า เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวแพร่สะพัด เนื่องจากวันที่ 30 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมนำ ครม.ชุดใหม่ ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันหน้าทำเนียบรัฐบาล

จึงต้องสลายทิ้งยกหมู่บ้าน ป้องกันความปั่นป่วน

 

หลังสลายหมู่บ้านทะลุฟ้าไม่กี่ชั่วโมง ผู้ชุมนุมประกาศนัดระดมพลด่วนช่วงเย็นวันเดียวกัน เพื่อทวงคืนพื้นที่ เรียกร้องปล่อยตัวผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม

การชุมนุมรอบเย็น ผู้ชุมนุมปักหลักบนสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล ตำรวจวางกำลังชุดควบคุมฝูงชนเข้าประชิดอีกรอบ ระหว่างนั้นมีผู้ชุมนุม 32 คนนอนชูสามนิ้ว แสดงอารยะขัดขืน ยอมให้ตำรวจอุ้มตัวไปแต่โดยดี

29 มีนาคม ตำรวจนำตัวผู้ชุมนุมซึ่งแยกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 61 คน อีกกลุ่ม 32 คน รวม 93 คนนำตัวไปฝากขังต่อศาล แจ้ง 5 ข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ ได้แก่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ และ พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ

เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิมนุษยชนและสมัชชาคนจน แถลงประณามการสลายการชุมนุม เรียกร้องปล่อยผู้ถูกควบคุมตัวทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีแรงจูงใจทางการเมือง เพราะการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้าขออนุญาตถูกต้อง และสงบเรียบร้อย

ตำรวจคัดค้านประกันตัวผู้ชุมนุมกลุ่มแรก 61 คน เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยตัวอาจกลับไปก่อเหตุลักษณะเดิมอีก ส่วนกลุ่ม 32 คนไม่คัดค้าน

อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราวทั้ง 93 คน โดยใช้หลักทรัพย์เงินสดคนละ 20,000 บาท

เย็นวันเดียวกัน ชาวหมู่บ้านทะลุฟ้ารวมตัวทำกิจกรรม #เด็กหลงทาง บริเวณสกายวอล์กแยกปทุมวัน พร้อมนัดหมายชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง เวลา 14.00 น. วันรุ่งขึ้น 30 มีนาคม ตรงกับวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำ ครม.ชุดใหม่ถ่ายภาพหมู่ที่ระลึก

ฝั่งตำรวจไม่รอช้า ขนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ตั้งปิดถนนรอบทำเนียบรัฐบาล พร้อมวางกำลังสกัดไม่ให้เกิดหมู่บ้านทะลุฟ้าขึ้นอีก

ในวันเวลาดังกล่าวผู้ชุมนุมร่วมทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ถ่ายภาพหมู่เลียนแบบ ครม. พร้อมนอนชูสามนิ้ว ประกาศฝากถึงรัฐบาล

เตรียมพบกับ “หมู่บ้านทะลุฟ้า V.3” เร็วๆ นี้แน่นอน

 

ไม่ว่าความเคลื่อนไหวของหมู่บ้านทะลุฟ้า ไม่ว่าความเคลื่อนไหวของ REDEM หรือความเคลื่อนไหวของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

ล้วนเชื่อมโยงถึงสถานการณ์ของกลุ่มแกนนำราษฎรในเรือนจำ

ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐานคดีการชุมนุม 19-20 กันยายน 2563 ทวงคืนอำนาจ-ปักหมุดราษฎร

เจ้าหน้าที่เบิกตัวแกนนำและแนวร่วมมาศาล นำโดยเพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่นั่งรถเข็นมาพร้อมสายน้ำเกลือระโยงระยาง หลังประท้วงอดอาหารมาต่อเนื่องนานกว่า 10 วัน แต่มือยังคงชูสามนิ้ว

เช่นเดียวกับไผ่ จตุภัทร์, ไมค์ ภาณุพงศ์, รุ้ง ปนัสยา และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ต่างชูสามนิ้วขณะมาขึ้นศาล

ทั้งนี้ ทนายความขอเลื่อนตรวจพยานหลักฐานเนื่องจากเจ้าหน้าที่เพิ่งคัดถ่ายเอกสาร จึงยังไม่ได้อ่านและรับวัตถุพยาน ศาลอนุญาตเลื่อนเป็นวันที่ 8 เมษายน

นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์เฟซบุ๊กเล่าถึงบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี ว่า

นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แถลงต่อศาลถึงการไม่ให้ประกันตัวเป็นอุปสรรคในการต่อสู้คดีและไม่เป็นธรรม เพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ระหว่างต่อสู้คดีตนเองก็คงต้องติดคุกไปแบบนี้เรื่อยๆ

จึงขอให้ศาลมอบโทษประหารชีวิตให้เพื่อยุติปัญหา พร้อมพลีชีพสังเวยความไม่ยุติธรรม

ขณะที่รุ้ง ปนัสยา แถลงด้วยน้ำตาว่า “หนูเป็นเพียงแค่นักศึกษา อายุแค่ 22 ปี ฝันถึงสังคมและอนาคตที่ดีกว่า การที่หนูออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หนูผิดอะไร หนูกับเพื่อนอีกหลายคนไม่ได้ประกันตัว พวกเราถูกบังคับไม่ให้มีโอกาสนั้น”

หนูกลัวว่าเพื่อนจะเป็นอะไรไป หนูบอกเพนกวินว่า หนูกลัวมันตาย แต่เพนกวินตอบว่า ถ้าจะตายก็ให้ตายไป และวันนี้หากไม่ได้รับสิทธิ์ประกันตัวอีก จะขอประกาศอดอาหารด้วย โดยจะเริ่มจากการรับประทานวันละมื้อ และลดลงเหลือรับประทานแค่น้ำ นมและสารอาหารŽ

ต่อมาเฟซบุ๊กของเพนกวิน ปรากฏข้อความโพสต์ถึง “รุ้ง เพื่อนยาก” ว่า

ที่บัลลังก์ศาลได้ฟังคำแถลงอดอาหารเคล้าน้ำตาของเพื่อน แม้จะได้ยินไม่แจ่มชัดทุกถ้อยคำ เพราะนั่งงอมอยู่บนรถเข็น แต่ฟังแล้วได้ยินถึงเสียงหัวใจ เสียงที่เพื่อนๆ เอ่ยต่อศาล แม้ไม่ใช่น้ำเสียงที่ดุดันหาญห้าว แต่เป็นเสียงที่สั่นเครือด้วยความจริงใจของคนที่ไม่เข้าใจถึงความปรารถนาให้ประเทศพัฒนา ก้าวหน้า

น้ำตาที่เพื่อนหลั่งไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอ แต่กลับเผยให้เห็นถึงความจริงใจและซื่อตรงต่ออุดมการณ์

อย่างที่เพื่อนเป็นมาโดยตลอด

 

ธารน้ำตาที่อาบแก้มเพื่อน คือธารน้ำตาแห่งความอยุติธรรม

ธารน้ำตาสายนี้ไม่ได้อาบแค่แก้มรุ้ง แต่ยังอาบแก้มเรา อาบแก้มเพื่อนทุกคน และอาบแก้มมวลชนผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศ

การอดอาหารประท้วงเป็นหนทางการต่อสู้ที่วีรชนประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่หลายคนได้ยอมเดินผ่าน เป็นการต่อสู้กับตนเอง เพื่อพิสูจน์ความยากลำบากและความทุกข์ทรมานใดๆ ก็ไม่อาจทำลายอุดมการณ์ได้

ความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากนี้จะเป็นเพลิงไฟที่เผาและตีเราให้เป็นเหล็กที่แข็งกล้ากว่าที่เราเคยเป็น

เราเป็นกำลังใจให้เพื่อนเสมอ และเชื่อว่าทั้งคุณพรหมศรที่อดข้าวอยู่เรือนจำอำเภอธัญบุรี และคุณพรชัยที่อดข้าวอยู่ที่เรือนจำเชียงใหม่ จะเป็นกำลังใจให้รุ้งด้วยเช่นกัน ส่วนที่รุ้งบอกว่ากลัวเราจะตายนั้นอย่าได้ห่วง

เราจะยังไม่ตายจนกว่าเผด็จการจะตาย

แม้ขาเราจะไม่มีแรงจนต้องนั่งรถเข็น แม้น้ำตาลในเลือดเราจะต่ำจนวิงเวียนวูบจนต้องใส่น้ำเกลือ เขาก็จะยังไม่ตาย เมื่อพวกเราทวงคืนความยุติธรรมได้แล้ว เราจะฟื้นฟูเรี่ยวแรงกาย แล้วออกเดินบนหนทางการต่อสู้เผด็จการ เหมือนที่เราเดินผ่านมา

ข้อความจากเพนกวินถึงรุ้ง สะท้อนถึงความพร้อมยืนหยัดต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ แม้ร่างกายจะไร้ซึ่งอิสรภาพ อิดโรยเพราะอดอาหาร

แต่สามนิ้วยังเข้มแข็ง แข็งแกร่งอย่างยิ่ง