พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ มุมมอง-วาทกรรมใหม่ ‘เพศทางเลือก’ นัยทางการเมือง ‘ประชาธิปไตย’ / บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์

มุมมอง-วาทกรรมใหม่ ‘เพศทางเลือก’

นัยทางการเมือง ‘ประชาธิปไตย’

 

ท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่กำลังร้อนแรง

ความผิดหวังในระบบยุติธรรมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ปรากฏการณ์แจ้งเกิดชื่อของ ‘พระมหาเทวีเจ้า’ หรืออีกชื่อคือ ‘หญิงลี’ เน็ตไอดอล LGBT ติดดินคนใหม่ กลายเป็นกระแสที่ตีคู่มากับกระแสข่าวบ้านการเมืองในช่วงสัปดาห์นี้อย่างปฏิเสธไม่ได้

ในโลกออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก โดยเฉพาะทวิตเตอร์ ปรากฏชัดด้วยแฮชแท็กเกี่ยวกับพระมหาเทวีเจ้า ไต่ขึ้นครองความนิยมอันดับ 1 อยู่หลายวันติดต่อกัน

ย้อนความกลับไปที่ ‘พระมหาเทวีเจ้า’ หรือ ‘หญิงลี’ ผู้นี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเธอคือใคร

ทำไมจู่ๆ ถึงมีชื่ออยู่ในพื้นที่โลกออนไลน์วันแล้ววันเล่า

กลายเป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ ทำสถานีรถไฟหัวลำโพง รวมถึงสยามพารากอนแทบแตก ด้วยบรรดาแฟนคลับนับพันไปรอต้อนรับ

ไม่แพ้ดาราชื่อดังในวงการบันเทิงบ้านเราอย่าง ‘อั้ม พัชราภา’ หรือแม้แต่ ‘เป๊ก ผลิตโชค’ ผู้เคยสร้างปรากฏการณ์ห้างแตกมาก่อนหน้า

‘พระมหาเทวีเจ้า’ หรือ ‘หญิงลี’ มีชื่อดั้งเดิมว่า ‘บุหงาวลัย คงขวัญ’ เป็นชาว อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี

ในอดีตทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ในโรงพยาบาล ก่อนจะหันมาทำคลิปวิดีโอตลก คู่กับ ‘เป้ เมญ่า’ หรือ ‘อีทิพย์’ ช่างทำผมคู่ใจ ช่วงปี พ.ศ.2558

และเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) ในกลุ่มเพจจ๊อกจ๊อก

แต่มาเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น จากคลิปวีนช่างทำผม ‘อีทิพย์’ จนเกิดเป็นวลีเด็ด ‘เจ๊อย่าวีน’ สู่การต่อยอดเกิดขึ้นของเพจ ‘VEEN’ ที่เปิดเพียงไม่นานยอดผู้ติดตามทะลุ 5 แสนคนอย่างรวดเร็ว

และชื่อ ‘พระมหาเทวีเจ้า’ ก็มาจาก ‘พระมหาเทวีเจ้าเสกขรเทวี’ ตัวละครในละครพีเรียดดราม่าเรื่อง ‘เพลิงพระนาง’ ที่เคยออกอากาศทางช่อง 7 เมื่อปี พ.ศ.2560 ที่เจ้าตัวชื่นชอบมากนั่นเอง

ความฮอตของพระมหาเทวีเจ้ากระจายไปในโซเชียลมีเดียอย่างหลากหลาย

ทั้งมีมที่มาจากอากัปกิริยาของเจ้าตัว

วลีฮิตติดปาก อาทิ ‘กูจะบ้าตายรายวัน’, ‘นะน้องนะ’, ‘ไหว้สา’

หรือแม้แต่ศัพท์ใหม่ ‘เยาวรุ่น’ ที่มาจาก เยาวชน+วัยรุ่น ยังถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย

ไปจนถึงมีมการเมือง ทำให้พระมหาเทวีเจ้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนถูกเรียกร้องให้ออกมาเป็นกระบอกเสียงช่วยคอลเอาต์ทางการเมือง

แต่เจ้าตัวขอไม่ยุ่งเกี่ยว จึงถูกชาวจ๊อกจ๊อกถอดยศออกจากการเป็นมหาเทวีเจ้า

ก่อนที่เจ้าตัวจะกล้าออกจากเซฟโซน ส่งเสียงและแสดงจุดยืนในการสนับสนุนประชาธิปไตยในโลกออนไลน์ ต่างจากคนดังบางคน

เช่น ประณามการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ในการสลายการชุมนุม

รวมถึงเป็นกระบอกเสียงช่วยน้องๆ นักเรียนมัธยมที่กำลังเผชิญกับปัญหาการศึกษาและการสอบ ผ่านแฮชแท็ก #กูสั่งให้มึงเลื่อนสอบ ในขณะนี้

กระแสแรงไม่หยุด 8 มีนาคมที่ผ่านมา การออกหน้าจอทีวีครั้งแรกกับรายการชื่อดังแห่งยุค เช้า ‘โหนกระแส’ ค่ำ ‘แฉ’ บอกเล่าว่าตัวเองเป็นใคร โดยเฉพาะวิธีการรับมือจากการถูกบูลลี่รูปลักษณ์ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นและเห็นได้บ่อยในสังคมไทย จนได้ใจคนดูไปตามๆ กัน

รวมถึงสาเหตุที่เดินทางมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ เพื่อมาเล่นหนังหาเงินไปรักษาแม่ที่กำลังป่วย หลังได้รับการติดต่อทาบทามจาก ‘พจน์ อานนท์’ ยิ่งทำให้ความนิยมของพระมหาเทวีผู้นี้ดังขึ้นไปอีก ในแง่มุมความกตัญญูต่อพ่อ-แม่

ลามไปถึงเพจของสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ยังขออิงกระแสความฮอตของเน็ตไอดอลรายนี้ ด้วยการนำรูปไปตัดต่อเข้ากับสถานที่ท่องเที่ยวของออสเตรเลีย เป็นการท่องเที่ยวทิพย์อีกด้วย

กระแสความแรงของผู้ครอบครองสมญานามพระมหาเทวีเจ้า ยังเข้าถึง ‘การรับรู้’ ของ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี ถึงขนาดมีการเปิดภาพสไลด์กลางห้องประชุม ครม. เพื่อให้ทุกคนในห้องประชุมได้รู้ถึงกระแสสังคมในปัจจุบัน

ชัดเจนว่าเน็ตไอดอลคนใหม่รายนี้ โด่งดังแค่ไหนในห้วงเวลานี้…

รวมไปถึง ‘ส.ส.ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์’ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกระแสความฮอตของพระมหาเวทีเจ้า

โดยเฉพาะในมุมมอง ‘เพศทางเลือก’ ที่สังคมเริ่มให้การยอมรับมากขึ้น ใจความว่า

“ในยุคที่ทุกคนสามารถมีพื้นที่สื่อของตนเองและสามารถสื่อสารสู่สังคมได้ หลายคนที่มีความสามารถในการผลิตคอนเทนต์ต่างๆ ก็นำเสนอผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย และมีความหลากหลาย บางคนนำเสนอความงาม นำเสนอความเซ็กซี่ ศิลปะ และการเมือง และกระแสที่แรงในวันนี้ทุกคนต้องพูดถึงคือ ‘หญิงลี’ เน็ตไอดอล ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่นำเสนอคลิปการหนีบผมที่ทุกคนชื่นชอบในการวีนแตกของเธอ หรือการที่หญิงลีมอบตำแหน่งเจ้าแห่งเมืองทิพย์ให้กับดาราสาวเบลล่า ที่ดาราสาวก็ตอบกลับด้วยคลิปหนีบผมของตนเอง สร้างความชื่นชอบชื่นชมให้กับแฟนคลับอย่างมาก หลายคนในสังคมอาจมีความเห็นต่างกัน ดูเพื่อความบันเทิง ดูเพื่อการวิพากษ์วิจารณ์ ก็เป็นเสรีภาพในการตีความในสิ่งที่เธอนำเสนอ”

“แต่ส่วนตัวธัญแล้วมองว่างานของ ‘หญิงลี’ มีความน่าสนใจอย่างมากในแนวคิดสตรีนิยม คือการเสียดสีชนชั้น ตัวอย่างในการใช้ภาษาที่มีทั้งภาษาชั้นสูงและภาษาด่าทอซึ่งฟังแล้วไม่หยาบ กลับได้อรรถรส สะท้อนเราทุกคนล้วนรู้ว่าทุกคนเป็นมนุษย์ไร้ซึ่งชนชั้น เสียดสีสังคมด้วยอากัปกิริยาความเอาแต่ใจของพระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์ที่สร้างความแปลกหูแปลกตาไปจากมายาคติในสังคมของบุคคลที่มีลักษณะเอาแต่ใจ หรือการก้าวข้ามผ่านมาตรฐานของเพศ เพราะ ‘หญิงลี’ ไม่ได้มีความงามแบบชายและหญิงมาตรฐานทั่วไปตามกระแสเน็ตไอดอลหรือดาราในสังคม แต่คนกลับชื่นชอบความจริงใจที่เธอมีความตั้งใจที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับสังคมผ่านสื่อของเธอ นั่นก็หมายถึงว่าคนเห็นความงดงามของเธอต่างออกจากมาตรฐานทั่วไป และคนที่เป็นแฟนคลับก็ชื่นชมยอมรับและรักในตัวเธอ”

“สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปจากการเดินทางของ ‘พระมหาเทวีเจ้าแห่งเมืองทิพย์’ ที่มาออกรายการและเล่นภาพยนตร์ในกรุงเทพฯ ว่าสื่อนั้นจะนำเสนอข่าวของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างไรจากมุมมองเดิมที่เธอนำเสนอ จะสะท้อนหัวใจและความคิดของเธอออกมาอย่างไรเพื่อให้สังคมเข้าใจบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในแง่มุมอื่นๆ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีหัวใจและความรู้สึก เพราะในเชิงวิชาการนั้นก็อาจจะตีความได้ว่า ‘นี่คือการนำเสนอภาพเหมารวมของกะเทย’ หรือไม่ ที่เป็นการผลิตซ้ำความเป็นตัวตลก ขบขัน ที่คนทั่วไปในสังคมคาดหวังสิ่งที่เป็นแบบเดียวกันจากบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ใครจะตีความบวกใครจะตีความลบก็สุดแล้วแต่ หรือเรียนรู้ในบางแง่บางมุม แต่สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดบทสนทนาในสังคมมากขึ้น และหากเป็นเรื่องสร้างสรรค์ ก็น่าจะทำให้สังคมเราก้าวหน้ามากขึ้น”

“ขอแสดงความยินดีกับ ‘หญิงลี’ กับเส้นทางใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ธัญให้กำลังใจค่ะ และเชื่อว่าสิ่งที่เธอทำน่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในหลายมิติของมายาคติวงการบันเทิง และเชื่อว่าเธอจะทำมันด้วยหัวใจอย่างที่ทำมา”

จะเห็นได้ว่าโพสต์ของ ส.ส.ธัญวัจน์ นอกจากแสดงความชื่นชมต่อตัวพระมหาเทวีเจ้าแล้ว ยังสอดแทรกการตั้งคำถามถึงสังคม เพื่อหาคำตอบของคุณค่าความเป็น ‘คนเท่ากัน’ ได้อย่างเฉียบคม

กรณีศึกษาของพระมหาเทวีเจ้า เห็นได้ชัดว่าการก้าวข้ามมาตรฐานของเพศในสังคมไทยได้รับการยอมรับมากขึ้น

และมาตรฐานความสวยไม่ได้ถูกยึดติดว่าต้องสวยตามพิมพ์นิยมกระแสดาราหรือเน็ตไอดอลอีกต่อไป

ทั้งหมดทั้งมวลความนิยมชมชอบของเจ้าตัวในครั้งนี้ นอกจากนำเสนอความตลกขำขันผ่านจุดด้อยที่พลิกให้เป็นจุดเด่น

แต่ยังแอบซ่อนการเสียดสีชนชั้นผ่านภาษาที่ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกระคายหู และความจริงใจที่แสดงออกมาจนหลายคนรับรู้ได้

บวกกับภูมิหลังหน้ากล้องยอมโดนบูลลี่ หลังกล้องคือเสาหลักที่ดิ้นรนทุกหนทางเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จนได้รับการยกให้เป็นโรลโมเดลในการก้าวข้ามการถูกบูลลี่ และขึ้นแท่นเป็นตัวอย่างของเพศทางเลือกที่สามารถมีตัวตนอย่างแตกต่างและออกจากกรอบแนวคิดเดิมๆ ได้สำเร็จ

หากจะบอกว่าเธอผู้นี้เปรียบเสมือนตู้ปันสุข ปันรอยยิ้มให้กับหลายๆ คน ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองไร้ซึ่งความปกติสุข แถมยังได้ใจคนรุ่นใหม่ ในฐานะที่มีจุดยืนชัดเจนในทางการเมือง ที่อาจจะหาได้ยากในกลุ่มคนมีชื่อเสียง ก็คงจะไม่ผิดนัก สำหรับเธอผู้นี้

‘พระมหาเทวีเจ้า’