เปิดคำพิพากษาศาล ม็อบนกหวีด-กปปส. จำคุก ‘เทพเทือก’ 5 ปี 3 รมต.ตกเก้าอี้ทันที / อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

เปิดคำพิพากษาศาล

ม็อบนกหวีด-กปปส.

จำคุก ‘เทพเทือก’ 5 ปี

3 รมต.ตกเก้าอี้ทันที

 

เป็นอีก 1 คดีประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ได้ข้อสรุปเบื้องต้นจากศาลอาญา

สำหรับกรณีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เมื่อปี 2557 ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และคณะ เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

พร้อมประกาศชัตดาวน์กรุงเทพฯ ขัดขวางการเลือกตั้ง และบุกปิดสถานที่ราชการต่างๆ

ประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์เอง จนกระทั่งถูกอัยการสั่งฟ้องในความผิด ฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ฯลฯ

ต่อสู้กันมายาวนานร่วม 7 ปี ในที่สุดก็มีคำพิพากษา มีทั้งโทษจำคุก จำคุกรอลงอาญา และยกฟ้อง

โดยนายสุเทพซึ่งเป็นแกนนำม็อบถูกจำคุก 5 ปี ขณะที่ 3 รัฐมนตรี กปปส.ต้องมีอันพ้นจากเก้าอี้

เป็นผลเกิดขึ้นจากคำพิพากษาศาล

แต่ก็เป็นแค่เบื้องต้น ยังต้องลุ้นกันต่อในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา

พิสูจน์กันให้เห็นว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง!??

เปิดคำพิพากษาม็อบ กปปส.

เช้าวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส. รวม 39 คน เป็นจำเลย

ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ โดยนายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัวทุกคน

คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน 2556-1 พฤษภาคม 2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพเป็นเลขาธิการ

โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบ

เพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส.

จากนั้น กปปส.จะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง

รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้

รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 มกราคม-2 มีนาคม 2557 พวกจำเลยบังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ

จึงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152

โทษหนักสุดก็คือความผิดฐานเป็นกบฏ

จำคุก ‘เทพเทือก’ 5 ปี

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยทั้งหมดแล้ว เห็นว่า จำเลยส่วนหนึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคสอง, 216, 358, 365 (2) (3), 362, 364 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86

และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล

ฐานร่วมกันบุกรุกสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น ฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น ฐานร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนผู้ร่วมกระทำความผิด ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้ใดผู้หนึ่งมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก

ความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิได้

ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษแต่ละกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ทางพิจารณาจำเลยดังกล่าวนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 กำหนดโทษดังนี้

1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี 2.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ยกฟ้อง 3.นายชุมพล จุลใส จำคุก 9 ปี 24 เดือน 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี 5.นายอิสสระ สมชัย จำคุก 7 ปี 16 เดือน

6.นายวิทยา แก้วภราดัย จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 7.นายถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16 เดือน 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี

11.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ เสียชีวิต 12.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 13.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ ยกฟ้อง 14.นายถนอม อ่อนเกตุพล จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 15.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำคุก 3 ปี

3 รัฐมนตรีตกเก้าอี้ทันที

 

16.อดีตพระพุทธะอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ จำคุก 4 ปี 8 เดือน 17.นายสาธิต เซกัล จำคุก 2 ปี ปรับ 26,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี 18.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ยกฟ้อง 19.พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี 20.พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี

21.นายแก้วสรร อติโพธิ ยกฟ้อง 22.นายไพบูลย์ นิติตะวัน ยกฟ้อง 23.นายถวิล เปลี่ยนศรี ยกฟ้อง 24.เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำคุก 4 ปี 16 เดือน 25.นายมั่นแม่น กะการดี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี

26.นายคมสัน ทองศิริ จำคุก 2 ปี 27.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ยกฟ้อง 28.นายนายพิภพ ธงไชย ยกฟ้อง 29.นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำคุก 2 ปี 30.นายสุริยะใส กตะศิลา จำคุก 2 ปี

31.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ยกฟ้อง 32.พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์ ยกฟ้อง 33.นายสำราญ รอดเพชร จำคุก 2 ปี 16 เดือน 34.อมร อมรรัตนานนท์ จำคุก 20 เดือน 35.นายพิเชษฐ พัฒนโชติ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี

36.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ ยกฟ้อง 37.นายกิตติชัย ใสสะอาด จำคุก 4 เดือน ปรับ 6,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี 38.นางทยา ทีปสุวรรณ จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 26,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี 39.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ยกฟ้อง

ด้านศาลให้เหตุผลให้รอลงอาญา เพราะบางคนเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุม แม้บางคนจะเป็นแกนนำ แต่ความผิดน้อยกว่าจำเลยอื่น อีกทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อุกอาจหรือรุนแรงจากการชุมนุม ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยดังกล่าวเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยดังกล่าวกลับตัวเป็นพลเมืองดี

ขณะที่ผลจากคำพิพากษา ส่งผลให้ 3 รัฐมนตรีประกอบด้วย นายณัฏฐพล นายพุทธิพงษ์ และนายถาวร พ้นจากตำแหน่งทันที

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันนายสุเทพ นายถาวร นายณัฏฐพล นายพุทธิพงษ์ นายชุมพล นายอิสสระ นายสุวิทย์ และ ร.ต.แซมดิน โดยยื่นเรื่องให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา จึงต้องคุมตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นอนคุกระหว่างรอการพิจารณา

เป็นบทสรุปจากศาลชั้นต้น ที่ยังต้องสู้ต่อถึงฎีกาแน่นอน!??