โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ/ตะกรุด ‘หลวงปู่ใจ’ มหาระงับปราบหงสา ตำรับวัดเสด็จ อัมพวา

หลวงปู่ใจ อินทสุวัณโณ

โฟกัสพระเครื่อง/โคมคำ [email protected]

ตะกรุด ‘หลวงปู่ใจ’

มหาระงับปราบหงสา

ตำรับวัดเสด็จ อัมพวา

“หลวงปู่ใจ อินทสุวัณโณ” หรือพระราชมงคลวุฒาจารย์ วัดเสด็จ ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ชาวบ้านลุ่มน้ำแม่กลองต่างให้ความเลื่อมใสศรัทธา

กล่าวสำหรับวัตถุที่ได้รับความนิยมคือ “ตะกรุดมหาระงับปราบหงสา” มีพุทธคุณด้านระงับดับภัย โชคร้ายกลายเป็นดี ดับทุกข์โศกหรือเรื่องร้าย

ประวัติการสร้าง เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ด้วยเป็นเครื่องรางของขลังประจำพระวรกายองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ออกศึกทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา (มังสามเกียด) ทำให้ทหารพม่าแตกทัพไป

ด้วยเหตุนี้ ทำให้คนส่วนใหญ่เรียกว่าตะกรุดมหาระงับปราบหงสา หรือตะกรุดนเรศวรปราบหงสา สืบมาจนทุกวันนี้

 

มีวิธีการสร้างค่อนข้างละเอียดอ่อน เป็นขั้นเป็นตอน เริ่มจากการจารอักขระเลขยันต์หรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่าการเดินยันต์

การเดินยันต์หนึ่งตัว ต้องบริกรรมคาถาไปด้วยหนึ่งจบ ส่วนใหญ่จะเป็นบทสรรเสริญพุทธคุณ

สำหรับตัวยันต์มหาระงับนั้น จะมีเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นเหมือนแผนผังกั้นเป็นห้องๆ ซ้อนกันล้อมด้วยพระคาถามหาระงับ พระคาถาบารมี 30 ทัศ และอิติปิโส 8 ทิศ เป็นต้น

ครั้นเมื่อลงอักขระเลขยันต์เสร็จเรียบร้อย จะม้วนให้เป็นแท่งกลม มีช่องว่างตรงกลางไว้ร้อยเชือก เมื่อม้วนเสร็จแล้วก็ต้องพอกด้วยว่านยาคือ ใบไม่รู้นอน 7 ชนิด ประกอบด้วย ใบระงับ, ใบผักกระเฉด, ใบกระทืบยอด, ใบชุมเห็ดเทศ, ใบหญ้าใต้ใบ, ใบแคขาว และใบสมี เมื่อได้ครบทั้ง 7 อย่าง อย่างละเท่ากัน นำไปสุมไฟให้ไหม้ แต่อย่าให้เป็นขี้เถ้า หรือนำไปตากให้แห้ง

จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด นำไปกวนกับน้ำรัก หรือชันยางเรือ ทำเป็นผงสมุกพอกตะกรุด หลังพอกยาเสร็จ นำไปตากให้แห้ง จากนั้นใช้เชือกหรือด้ายดิบถักทับ จึงลงรักปิดทอง เพื่อรักษาตะกรุดไว้อีกชั้นหนึ่ง

การปลุกเสก ต้องบริกรรมจนสามารถสะกดและระงับให้บริเวณนั้นเงียบสงบ แบบไม่มีเสียงใดๆ ให้ได้ยิน ถึงจะเป็นการปลุกเสกที่สมบูรณ์ที่สุด

ใช้แผ่นโลหะ ขนาดที่พบส่วนมาก 6.5-7 นิ้ว จัดสร้างเป็นเนื้อทองคำ เงิน ทองแดง และตะกั่ว

ในแวดวงนักนิยมเครื่องรางของขลัง ตะกรุดตำรับถือว่าหายากมาก มีเงินเพียงอย่างเดียว มิใช่จะหามาบูชาติดตัวได้ ด้วยเหตุสร้างน้อย

หลวงปู่ใจเคยกล่าวว่า “สำหรับตะกรุดโทนดอกใหญ่นั้น มีดีหลายอย่าง แต่ไม่ได้ทำมากนัก เพราะทำยาก จะให้ใครก็ต้องพิจารณาให้แน่ใจว่าเป็นคนดีจริงๆ ถึงจะทำให้”

ตะกรุดมหาระงับปราบหงสา หลวงปู่ใจ

 

เดิมชื่อ “ใจ ขำสนชัย” ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2405 ที่บ้าน ต.บางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ต่อมาครอบครัวอพยพไปตั้งถิ่นฐานที่ ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

อายุ 21 ปีบริบูรณ์ อุปสมบทที่พัทธสีมาวัดบางเกาะเทพศักดิ์ มีพระอาจารย์จุ้ยเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “อินทสุวัณโณ”

ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย วิปัสสนากัมมัฏฐาน รวมถึงพุทธาคมต่างๆ จากพระอุปัชฌาย์ ตั้งใจเล่าเรียนพระปริยัติ ธรรมทั้งอักษรไทยและขอมจนแตกฉาน มีความสนใจในด้านวิทยาคมต่างๆ และศึกษาวิชาทางสมาธิภาวนาจากหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว พระเกจิอาจารย์ชื่อดังกาญจนบุรี

พ.ศ.2434 พระอาจารย์จุ้ยพิจารณาเห็นว่าเป็นผู้มีความสามารถ ภูมิปัญญาความรอบรู้ พอที่จะดูแลตัวเองและหมู่คณะได้เป็นอย่างดี และขณะนั้นวัดใหม่ยายอิ่มซึ่งเป็นวัดสร้างใหม่ จึงมอบหมายให้ไปดูแลปกครอง

ทุ่มเทสติปัญญา กำลังกาย กำลังใจ สร้างและพัฒนาวัดแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองตามลำดับ จนเป็นวัดแห่งหนึ่งของสมุทรสงคราม ที่มีความใหญ่โต สวยงาม เป็นหน้าเป็นตา

ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ตามหัวเมืองใหญ่ เสด็จมายังวัดแห่งนี้ ได้ประทานนามวัดเสียใหม่ว่า “วัดเสด็จ”

ทรงคุ้นเคยกับวัดเสด็จ พระองค์ทรงมีเมตตาต่อหลวงปู่ใจ ดังจะเห็นได้จากอุโบสถที่สร้างใหม่นั้น ประทานทุนทรัพย์จ้างช่างหลวง ดำเนินการออกแบบและก่อสร้างให้ นอกจากนี้ พระบรมวงศานุวงค์ที่เคยตามเสด็จยังร่วมบริจาคทรัพย์สมทบในการสร้างอีกด้วย

 

ย้อนกลับไปในสมัยที่หลวงปู่ใจกำลังสร้างวัดเสด็จ ต้องเดินทางไปที่จังหวัดกาญจนบุรีอยู่บ่อยครั้ง เพื่อไปหาซื้อไม้มาสร้างวัด ท่านขึ้นล่องอยู่หลายปีจึงสร้างวัดได้สำเร็จ และทุกปี จะมาแวะพักที่วัดหนองบัว นำหมาก-พลูมาถวายหลวงปู่ยิ้ม ซึ่งท่านเคารพหลวงปู่ยิ้มมาก

ครั้งหนึ่ง หลวงปู่ยิ้มพูดกับท่านว่า ถ้าสนใจในวิทยาคมก็จะถ่ายทอดให้ ท่านจึงรีบขอเป็นศิษย์ทันที หลวงปู่ยิ้มมอบบทเรียนบทแรกว่าด้วยการทดสอบพลังจิต โดยจุดเทียนตั้งไว้ที่ขันน้ำมนต์ แล้วให้ท่านเพ่งกระแสจิตไปที่เทียนให้เทียนขาดกลางให้ได้ ถ้าทำได้เมื่อใดจึงจะมอบวิชาให้

หลวงปู่ใจทำอยู่ 7 คืน เทียนก็ไม่ยอมขาด หลังจากกลับมาพัก จึงตัดสินใจว่าถ้าหากคืนพรุ่งนี้เทียนยังไม่ขาดก็จะกลับอัมพวา ปรากฏว่าคืนวันที่ 8 ท่านทำได้สำเร็จ

หลวงปู่ยิ้มกล่าวชมว่า “เมื่อแรกเรียนท่านก็เก่งกว่าเสียแล้ว” เพราะหลวงปู่ยิ้มต้องทำอยู่นานถึง 15 วัน หลวงปู่ยิ้มจึงถ่ายทอดวิชาว่าด้วยการสร้างตะกรุดมหาระงับปราบหงสา ตะกรุดลูกอมอันเลื่องลือให้แก่หลวงปู่ใจจนหมดสิ้น

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2496 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระสุทธิสารวุฒาจารย์

วันที่ 5 ธันวาคม 2504 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชมงคลวุฒาจารย์

มรณภาพเมื่อวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2505 สิริอายุ 100 ปี พรรษา 78