อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : ขนมจีนอร่อยเพราะปลามัน

ทางรอดอยู่ในครัว
: ขนมจีนอร่อยเพราะปลามัน

เราเรียกก๊อตมาดูปั๊มน้ำ ก๊อตใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็เสร็จ แต่นั่นละ ไม่ว่าจะกี่นาที ช่างควรได้ค่าแรง ค่าวิชา ค่ามือ แม้เขาบอกว่าไม่ต้อง ไม่ต้อง แต่ฉันก็ยัดเงินใส่มือเขาทุกครั้ง

บ้านเราใช้บาดาล มีปัญหากับน้ำบ่อย เราต้องการก๊อตเสมอ ได้เจอกันอย่างน้อยเดือนละครั้ง ก๊อตชอบบ้านเรา เพราะเขาชอบกินมะดัน มันกำลังออกลูกเต็มต้น เขายังชอบลงสระตัดบัวให้เรา จากนั้นก็จับปลาดุกรัสเซียกลับไปเลี้ยง

ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เชียงราย ฉันเริ่มคบหากับช่าง จากไม่รู้จักสักช่าง ตอนนี้ฉันมีเบอร์โทรศัพท์ของช่างไม้ ช่างไฟ ช่างประปา คนตัดหญ้า คนตัดต้นไม้

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอคนทำงานดีที่เข้าใจเรา ยินดีทำงานชิ้นเล็ก ความจริงก็คือ ถ้าไม่มีพวกเขา ที่ดินผืนนี้คงไม่น่าอยู่อย่างนี้

เราประหยัดทุกอย่าง เราหาซื้อไม้เก่า และพยายามดัดแปลงของที่มีให้เกิดประโยชน์ใช้สอย แต่เราไม่เคยเขียมค่าแรง เราจ่ายค่าแรงเท่าที่ช่างต้องการ และไม่ว่าช่างจะทำงานครึ่งวันหรือค่อนวัน เราก็จ่ายเต็มวัน

เราต้องกินต้องใช้ ช่างก็เหมือนกัน ช่างช่วยซ่อมบ้าน เราก็ควรตอบแทนช่างให้สมกับความสามารถของเขา

เมื่อเราโทร.เรียก ช่างจึงไม่ปฏิเสธ พวกเขามาเสมอ

และบางทีก็มีของติดมือมา

“ปลาช่อนนา อย่างมันเลยพี่ เมื่อคืนผมเพิ่งนึ่งกิน” ก๊อตส่งกระป๋องสีดำให้ฉัน ในนั้นมีปลาช่อนดิ้นขลุกขลักอยู่หนึ่งตัว มันยังไม่ตาย แต่ไม่เป็นไร ฉันสัญญาว่าจะเปลี่ยนมันให้เป็นอาหารอร่อยที่สุด

คงเห็นฉันเงียบไป ก๊อตเลยถาม “ผมฆ่าให้มั้ย”

“พี่ทำได้สบายมาก กำลังคิดน่ะ ว่าจะทำอะไรกินดี”

“แล้วแต่พี่ละกัน ผมลงสระก่อนนะ” เขาว่า

“ถ้าไม่รีบกลับ อยู่กินมื้อกลางวันด้วยกันนะ กินปลานี่ละ” ฉันบอกเขา

ก๊อตพยักหน้าช้าๆ ทำท่าคิด “อืม…ก็อยู่ที่ว่า พี่จะทำอะไรกิน”

นี่ละก๊อต ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ฉันคลางใจว่าจะมีครั้งต่อไปหรือไม่ แต่เราหาช่างอื่นไม่ได้ และเมื่อเจอเขาอีกสองสามครั้ง เราก็เริ่มจับทางเขาถูก เริ่มเข้าใจบุคลิกของเขา และรู้ว่าเขาเป็นคนเก่งที่มีน้ำใจ (แม้จะพูดไม่ค่อยเข้าหู)

“ปลามันๆ แบบนี้ พี่จะทำขนมจีน”

ส่ายหัวทันที “ม่าย ผมไม่กินเผ็ด”

“น้ำขนมจีนนี้ไม่เผ็ด เป็นน้ำเงี้ยวที่ใส่ปลาน่ะ เพิ่งไปกินของร้านหนึ่งมา อร่อยดี พี่มั่นใจว่าทำได้ ไม่ยาก”

“งั้นผมไปซื้อขนมจีนมาให้ แล้วค่อยลงสระ” เขาวิ่งไปหามอเตอร์ไซค์ ไม่ทันกะพริบตา เขากับรถของเขาก็หายวับไปจากรั้ว

ขนมจีนน้ำโสะคือขนมจีนน้ำเงี้ยวใส่ปลา มีรายละเอียดต่างกันนิดหน่อย ตรงที่ใช้น้ำต้มปลาทำน้ำขนมจีน แต่ฉันกำลังคิด ไหนๆ ก็ใส่ปลา เราน่าจะแอบหยอดกะทิลงไปสักหน่อย แบบไม่ให้คนกินรู้ว่าทำไมนุ่มนวลจัง

โทร.บอกก๊อตให้ซื้อกะทิมาด้วย

โห อย่างนี้ก๊อตก็รู้ความลับในขนมจีนน่ะสิ

ฆ่าปลาแล้วล้างให้สะอาด และต้มทั้งตัว โดยใส่ตะไคร้ทุบลงไปสองต้น ใส่ใบมะกรูด ทั้งนี้ เพื่อดับคาว

น้ำพริกแกงแสนเรียบง่ายของชาวเหนือคือกระเทียมไทย หัวหอม เกลือ พริกแห้ง หยอดขมิ้นลงไปสักหน่อย สีจะได้สวย ตำให้ละเอียด แล้วใส่กะปิกับถั่วเน่า

บางคนใส่แต่กะปิ บางคนใส่เฉพาะถั่วเน่า แต่ฉันค้นพบว่า ใส่สองอย่างอร่อยที่สุด (อีกหนึ่งความลับ)
เอาปลามาแกะเนื้อ ตำให้ละเอียด เนื้อปลาจะได้ฟูในหม้อ

หั่นมะเขือเทศสีดาเตรียมไว้ อยากเปรี้ยวแค่ไหน ก็ใส่แค่นั้น

ผัดน้ำพริกแกงกับไฟอ่อนๆ ใช้น้ำมันน้อยๆ ผัดให้หอม แล้วเอามะเขือเทศลงไปผัดด้วย ผัดพอให้มะเขือเทศสะดุ้งไฟ

เทมะเขือเทศลงน้ำต้มปลาที่กรองแล้ว ตั้งไฟให้เดือด ใส่เนื้อปลาตำลงไป หยอดกะทิสามช้อนโต๊ะ ปรุงรสด้วยเกลือกับน้ำปลา

น้ำตาลไม่จำเป็น เพราะมีความหวานอย่างอ่อนโยนของมะเขือเทศอยู่แล้ว

ขนมจีนน้ำโสะควรปรุงให้นวลไว้ก่อน แต่ต้องไม่จืดชืด ให้ได้รสเปรี้ยวนิด เค็มหน่อย และหอมเครื่องแกง

เรียกก๊อตขึ้นจากสระ แล้วเดินไปบอกเขา-มื้อกลางวันพร้อมแล้ว

“มีขนมจีนด้วย” เขาชอบกินขนมจีนทุกชนิด (ถ้าไม่หวาน) เป็นหนึ่งเหตุผลที่ฉันคิดถึงขนมจีนเสมอ

“ทำรสเข้มขึ้น เมื่อเทียบกับร้านที่เราไปกิน ลองดูนะ” ฉันบอกเขา ขณะหยิบขนมจีนใส่ถ้วย

“ก๊อตล่ะ” เขาถาม

“คงเข้าไปอาบน้ำน่ะ เพิ่งขึ้นจากสระ”

เขาหัวเราะ “ทำเหมือนอยู่บ้านตัวเองเลยนะ”

ประมาณนั้นละ น้อยกว่านี้คงไม่ใช่ก๊อต

ขนมจีนขาดพริกทอดไม่ได้ ฉันจึงเสิร์ฟกับพริกทอด แต่น้ำโสะต่างจากน้ำเงี้ยว ตรงที่ไม่นิยมโรยถั่วงอก ลำพังผักชีกับกระเทียมเจียวก็พอ

มีผักอะไรก็เอาออกมากิน นั่งล้อมวงกินด้วยกันข้างสระ

“อร่อยมั้ยก๊อต” ฉันถาม

“อร่อยครับ อร่อยเพราะปลาผม ปลามัน ทำอะไรก็อร่อย”

ฉันหันไปสบตาเขา

โอเค เราเข้าใจกัน นี่ละ ช่างประปาคู่เรือนของเรา