ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 พฤศจิกายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
สุจิตต์ วงษ์เทศ
บางปะอิน (อยุธยา)
มาจาก ‘บางพระอินทร์’
บางปะอินเป็นชื่อสมัยหลัง เรียกแทนชื่อเดิมว่า “บางขดาน” (หรือบางกระดาน)
ชื่อบางปะอินน่าจะกร่อนกลายจาก “พระอินทราชา” ซึ่งเป็นพระนามพระเจ้าทรงธรรมก่อนเสวยราชย์ (มีหลักฐานในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับวัน วลิต พ.ศ.2182) แล้วทอนลงสั้นๆ ว่า “บางพระอินทร์” นานไปก็กลายเป็น “บางปะอิน”
[นาม “พระอินทราชา” ได้รับยกย่องเรียกภูมิสถานยังตกค้างความนิยมไว้ในชื่อ “ประตูน้ำพระอินทราชา” ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา]
บางกระดาน คือ บางปะอิน
บางกระดานในเอกสารโบราณสมัยอยุธยาตอนต้นคือบางปะอิน พื้นที่เฮี้ยนและศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาเสด็จพยุหยาตราทางชลมารคไปทรงทำพิธีไล่น้ำ (ไล่เรือ) เป็นผลการศึกษาและตรวจสอบของพระยาโบราณราชธานินทร์ฯ (อดีตสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า ผู้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์อยุธยาเมืองเก่า และรับราชการในอยุธยาต่อเนื่องนาน 33 ปี)
[ข้อมูลหลักฐานชุดนี้จากคำอธิบายของพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ในคำกราบบังคมทูลเรื่อง “ระยะทางเสด็จพระราชดำเนินประพาส ทรงบวงสรวงอดีตมหาราช ณ พระราชวังกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลที่ 6” [พิมพ์ในหนังสือ กรุงเก่าเล่าเรื่อง โดย รศ.วรรณศิริ เดชะคุปต์ และ ผศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี บรรณาธิการ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2554 หน้า 209-211]
บางปะอินเป็นพื้นที่เฮี้ยนและศักดิ์สิทธิ์ และมีผู้นำท้องถิ่นแข็งแรงตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา เนื่องเพราะเป็นที่ราบลุ่มชุ่มน้ำ มีลำน้ำผ่านหลายสาย เช่น แม่น้ำป่าสัก (สมัยโบราณ) รองรับการไหลลงมาจากทางเหนือของโคลนตมอุดมสมบูรณ์ในข้าวปลาอาหาร จึงมีชุมชนสองฝั่งลำน้ำหนาแน่นและมีกำลังคนแข็งแรง (สรุปจากหนังสือ สร้างบ้านแปงเมือง ของศรีศักร วัลลิโภดม สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2560 หน้า 253-258) พ้นชุมชนออกไปเป็นพื้นที่ราบรับน้ำหลาก เรียก ทุ่งหลวง
“อินทราชา” นามเดิมพระเจ้าทรงธรรม
พระอินทราชา คือนามเดิมของพระเจ้าทรงธรรม ทรงเป็นโอรสองค์โตของสมเด็จพระเอกาทศรถ ที่ประสูติจาก “นางห้าม” หญิงท้องถิ่นบางปะอิน โดยพระยาโบราณราชธานินทร์ฯ อธิบายจากคำบอกเล่าเก่าแก่ ดังต่อไปนี้
“พระเอกาทศรถ เมื่อยังดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราช [ในแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวร] เสด็จลงเรือไปประพาสทางแม่น้ำข้างใต้พระนคร เรือพระที่นั่งถูกพายุฝนล่มลง ต้องเสด็จขึ้นอาศัยพักอยู่บนบ้านราษฎรที่บางปะอิน เป็นเหตุทรงได้หญิงชาวบ้านคนหนึ่งเป็นนางห้าม แต่มิได้ทรงรับไปเลี้ยงดูไว้ในพระราชวัง กระทั่งนางนั้นมีบุตรชาย ต่อมาพระเอกาทศรถทรงรับกุมารไปเลี้ยงดู แต่ไม่ได้ทรงรับโดยเปิดเผยว่าเป็นพระราชบุตร
กุมารที่เป็นพระราชบุตร [ของพระเอกาทศรถ] มีบุญญาธิการ ได้เป็นที่พระอินทราชา ต่อมาได้ครองราชสมบัติ ทรงพระนาม พระเจ้าทรงธรรม”
“นางอิน” ของชาวบ้านสมัยหลัง
ความเข้าใจทั่วไปจากคำบอกเล่าประจำถิ่นมีนานแล้วตั้งแต่สมัยกรุงเก่า ซึ่งจำสับสนปนกันโดยยกเรื่องของพระเจ้าทรงธรรมเป็นของพระเจ้าปราสาททอง แล้วตกค้างถึงปัจจุบันว่า
“พระเจ้าปราสาททองเป็นกุมารราชบุตร เกิดจากหญิงชาวบ้านชื่อนางอิน ต่อมาพื้นที่นั้นได้นาม บางนางอิน นานเข้ากลายคำเป็นบางปะอิน” แต่หลักฐานประวัติศาสตร์โบราณคดีไม่สนับสนุนคำบอกเล่านี้
พระเจ้าปราสาททอง “ลูกขุนนาง”
พระเจ้าปราสาททองเป็นบุตรขุนนางใหญ่ ซึ่งไม่มีเชื้อสายพระราชาอยุธยา พระยาโบราณราชธานินทร์ฯ อธิบายไว้ (กรุงเก่าเล่าเรื่อง สำนักพิมพ์มติชน พ.ศ.2554) ดังนี้
“ส่วนประวัติของพระเจ้าปราสาททองนั้น จดหมายเหตุของพวกฝรั่งได้กล่าวชัดเจน ว่าพระองค์เป็นบุตรพระยาศรีธรรมาธิราชๆ เป็นพี่ของพระชนนีพระเจ้าทรงธรรม และสมเด็จพระเอกาทศรถทรงพระกรุณาเอาไปเลี้ยงไว้เป็นมหาดเล็ก รับราชการใกล้ชิดพระองค์มาแต่ยังเล็ก ข้อนี้เองทำให้ตำราเกร็ดเอาพระเจ้าปราสาททองไปยกให้เป็นพระราชบุตรสมเด็จพระเอกาทศรถ และด้วยเหตุต่อมาเมื่อพระเจ้าปราสาททองได้ราชสมบัติแล้ว ได้ทรงสร้างพระราชวังบางปะอินไว้เป็นที่ประพาส และทรงสร้างวัดชุมพลนิกายารามซึ่งผู้เล่าหลงไปว่าสร้างลงในที่บ้านเดิมของพระชนนีพระเจ้าปราสาททอง
แต่ความจริงวัดชุมพลนิกายาราม พระเจ้าปราสาททองได้ทรงสร้างลงในบ้านเดิมของพระอัยกาของพระองค์ ซึ่งพระยาศรีธรรมาธิราช พระชนกของพระองค์และสมเด็จพระชนนีของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมผู้เป็นน้อง และซึ่งเป็นพระมาตุฉาของพระองค์ได้ประทับอยู่มาแต่เดิม”
พระเจ้าปราสาททอง กำเนิดเป็นลูกขุนนาง มีหลักแหล่งอยู่บ้านเลน (บางขดาน) บางปะอิน แต่มีตระกูลเป็นเครือญาติใกล้ชิดพระราชวงศ์สมัยนั้น ดังนี้
- บิดาของพระเจ้าปราสาททองกับมารดาของพระเจ้าทรงธรรม เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน มีหลักแหล่งอยู่บ้านเลน บางปะอิน โดยบิดาของพระเจ้าปราสาททองเป็นพี่ชายมารดาพระเจ้าทรงธรรม
โดยสรุป พระเจ้าปราสาททองเป็น “ลูกพี่ลูกน้อง” กับพระเจ้าทรงธรรม พบเอกสารฮอลันดาระบุไว้มีความสรุปว่า “พระราชมารดาของพระอินทราชา (คือพระเจ้าทรงธรรม) และพระราชบิดาของพระองค์ (คือพระเจ้าปราสาททอง) เป็นพี่น้องร่วมท้องกัน” (พงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับวัน วลิต พ.ศ.2182 สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ พ.ศ.2548 หน้า 78)
- มารดาของพระเจ้าทรงธรรม เป็น “นางห้าม” ของพระเอกาทศรถ มีคำบอกเล่าครั้งกรุงเก่า ดังนี้
พระเอกาทศรถเมื่อยังดำรงพระยศเป็นพระมหาอุปราช (ในแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวร) เสด็จลงเรือไปประพาสทางแม่น้ำข้างใต้พระนคร เรือพระที่นั่งถูกพายุฝนล่มลง ต้องเสด็จขึ้นอาศัยพักอยู่บนบ้านราษฎรที่บางปะอิน เป็นเหตุทรงได้หญิงชาวบ้านคนหนึ่งเป็นนางห้าม แต่มิได้ทรงรับไปเลี้ยงดูไว้ในพระราชวัง กระทั่งนางนั้นมีบุตรชาย ต่อมาพระเอกาทศรถทรงรับกุมารไปเลี้ยงดู แต่ไม่ได้ทรงรับโดยเปิดเผยว่าเป็นพระราชบุตร
กุมารที่เป็นพระราชบุตร (ของพระเอกาทศรถ) มีบุญญาธิการ ได้เป็นที่ พระอินทราชา ต่อมาได้ครองราชสมบัติ ทรงพระนาม พระเจ้าทรงธรรม
- “พระยาศรีธรรมาธิราช” นามบิดาของพระเจ้าปราสาททอง (ในคำบอกเล่า) ตรงกับพระนามพระเจ้าปราสาททองเมื่อเสวยราชย์ว่า “พระองค์ศรีธรรมราชาธิราช” (อยู่ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับวัน วลิตฯ) และสอดคล้องกับพระนามพระเจ้าปราสาททองว่า “ศรีสุธรรมราชา” (อยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับภาษาบาลี) ใกล้เคียงชื่อ “ออกพญาศรีธรรมราชเดชชาติอำมาตยานุชิตพิพิธรัตนราชโกษาธิบดีฯ” ศักดินา 10,000 เจ้ากรมพระคลัง (ในพระอัยการตำแหน่งนาพลเรือน)
ร่องรอยเหล่านี้เป็นพยานสำคัญว่าพระเจ้าปราสาททองมีหลักแหล่งบรรพชนรวมถึงผู้คนพลไพร่อยู่บางปะอิน ในตระกูลขุนนางใหญ่มีอำนาจกว้างขวางควบคุมการค้าภายในและภายนอก ไม่ใช่โอรสพระราชาตามคำบอกเล่าชาวบ้าน