ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 พฤศจิกายน 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ
https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/
จีนแจกรางวัล 5 หมื่นคน
ทดลองใช้เงินหยวนดิจิตอล
เมื่อปีที่แล้ว “ธนาคารประชาชนจีน” (PBOC) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของจีนเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอล หรือ “คริปโตเคอร์เรนซี่” ของตนเองที่พัฒนาระบบบล็อกเชนมาใช้กับสกุลเงินหยวนแทนที่ฐานเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ในระบบปัจจุบัน สกุลเงินดิจิตอลยังจะช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนของเงินหยวนในระดับสากล
ทั้งนี้ การเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลของ PBOC ได้ริเริ่มการศึกษาวิจัยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี นับจากที่ “เฟซบุ๊ก” ประกาศร่วมกับ 27 พันธมิตรพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลใหม่ที่เรียกว่า “ลิบรา” (Libra) โดยต้องการใช้เป็นสกุลเงินดิจิตอลสากลที่นำเทคโนโลยี “บล็อกเชน” มาใช้ในการทำธุรกรรม เพื่อช่วยขจัดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายการโอนเงินข้ามประเทศ ที่ปัจจุบันต้องโอนผ่านคนกลางซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ ลิบรายังสามารถลดเวลาการโอนเงินข้ามประเทศจากหน่วยวันให้เหลือเพียงวินาที
หลังจากที่เฟซบุ๊กได้ประกาศว่าจะออกเงินดิจิตอลลิบรา (Libra) มาใช้ ทำให้เป็นข่าวใหญ่โต ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็หยิบยกขึ้นมาพิจารณา
ทำให้ธนาคารกลางสาธารณรัฐประชาชนจีน (PBOC) ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องสกุลเงินเสมือนแห่งชาติเมื่อปี 2014
ต่อมาได้รับการอนุมัติจากสภาแห่งรัฐ PBOC เชิญธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของรัฐ และสถาบันที่มีอิทธิพลอื่นๆ ให้ออกแบบระบบดิจิตอลหยวนในปี 2017
จีนได้ทดลองใช้เงินหยวนดิจิตอลมาอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งมีการเปิดตัว Libra ของ Facebook ก็ยิ่งทำให้จีนต้องเหยียบคันเร่งแบบสุดขีด
และการทดลองใช้เงินหยวนดิจิตอลในเซินเจิ้นครั้งนี้นับว่าเป็นการทดลองใช้ครั้งใหญ่ที่สุดของจีนเท่าที่มีมาก็ว่าได้
ซึ่งการออกสกุลเงินดิจิตอลของตนเองครั้งนี้ PBOC มีเป้าหมายให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมระบบการเงินได้มากขึ้น
เนื่องจากผู้ใช้งานและภาคธุรกิจสามารถดาวน์โหลดโมบายวอลเล็ตหรือกระเป๋าเงินออนไลน์สำหรับแลกเปลี่ยนเงินหยวนเป็นสกุลเงินดิจิตอลเพื่อรับหรือใช้จ่ายชำระสินค้า โดยที่ PBOC สามารถติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงินได้ตลอดเวลา
ประเทศจีนได้เตรียมความพร้อมที่จะเปิดตัวหยวนดิจิตอล หรือชื่อเต็มๆ ว่า Digital Currency Electronic Payment (DCEP) อย่างเต็มตัวในรูปแบบของสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลางจีน (CBDC) ที่จะมาแทนที่การใช้เงินในรูปแบบเงินสดหรือรูปแบบธนบัตร
เป็นธนาคารกลางแห่งแรกของโลกที่ประกาศใช้สกุลเงินของตัวเองผ่านธนาคารพาณิชย์
DCEP เงินหยวนดิจิตอล อาจเป็นสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลางเหรียญแรกของโลกเลยก็ว่าได้
จุดประสงค์ของการสร้างเงินหยวนดิจิตอลนี้ก็เพื่อผลักดันให้เงินหยวนมีการไหลเวียนในระบบคล่องมากขึ้น
แก้ปัญหาความล่าช้าของระบบการใช้จ่ายเงินในปัจจุบัน
เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐบาลจีนในเซินเจิ้นจัดหนักจับรางวัลหรือออกล็อตเตอรี่แจกเงินหยวนดิจิตอลมูลค่า 10 ล้านหยวน (46 ล้านบาท) เพื่อต้องการทดสอบการใช้สกุลเงินดิจิตอลของจีนครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
โดยรัฐจะสุ่มจับรางวัลให้กับประชาชน 50,000 คน รางวัลละ 200 หยวน (923 บาท) จากผู้ลงทะเบียนทั้งหมดเกือบ 2 ล้านคน
มีผู้ได้เงินรางวัลเป็นอั่งเปาเงินหยวนดิจิตอล (DCEP red packet) สามารถดาวน์โหลด Digital Renminbi App เพื่อรับเงินหยวนดิจิตอลแล้วนำไปจับจ่ายใช้สอยในเขตเซินเจิ้นได้ทั้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ต, Walmart, ร้านขายยา และร้านค้าที่เข้าร่วมกว่า 3,000 แห่ง
ทั้งนี้ เหรียญ DCEP เงินหยวนดิจิตอลต่างจากเงินสกุลดิจิตอล bitcoin ที่ไม่ได้ถูกควบคุมหรือดูแลจากรัฐบาลหรือธนาคารใดๆ เหมือนเงินสด ที่เกิดความผันผวนของค่าเงิน ขึ้น-ลงได้ตลอดเวลาตามความต้องการของตลาด ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเงินนี้มีเส้นทางการเงินอย่างไร
แต่หยวนดิจิตอลจะไม่ทำให้เกิดการผันผวนซึ่งจะมีรัฐบาลจีนเป็นผู้ค้ำประกัน เรียกได้ว่าค่าเงินสกุลหยวนราคาเท่าไหร่ค่าเงินหยวนดิจิตอลก็ราคาเท่านั้น มีอัตรามูลค่าเท่ากับ 1:1 ของเงินหยวนในรูปแบบธนบัตรของประเทศจีนในปัจจุบัน
แค่ปรับเปลี่ยนรูปแบบจากธนบัตรมาเป็นแบบดิจิตอล มีความน่าเชื่อถือมากกว่า
นอกจากนี้ ยังจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการปลอมแปลง, การฟอกเงินและการจัดหาเงินทุนที่ผิดกฎหมาย เพราะหน่วยงานกำกับดูแลสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิตอลได้
การใช้เงินหยวนดิจิตอลยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรีไซเคิลธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ได้อีกด้วย
เงินหยวนของจีนอาจกุมความได้เปรียบบนสงครามค่าเงินนี้เพราะชิงพื้นที่ลงมาก่อนและมีแพลตฟอร์มที่พร้อมจะรองรับและขยายอิทธิพลของหยวนดิจิตอลอย่างเต็มที่ผ่านเครือข่ายของ Alipay หรือ WeChat Pay ที่มีผู้ใช้งานกว่าพันล้านราย เพื่อนำไปใช้กับร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยวิธีดิจิตอล
ถ้าหากการทดลองใช้เงินหยวนดิจิตอลนั้นเป็นไปด้วยดีและสำเร็จ
ประเทศจีนนั้นก็จะเข้าสู่สังคมแบบไร้เงินสดอย่างแท้จริงเป็นชาติแรก
เพราะได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากรัฐบาล และอาจจะนำมาสู่จุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนของวงการการเงินทั่วโลกสู่ยุคดิจิตอลอีกด้วยในอนาคต
สําหรับการใช้งานหยวนดิจิตอล เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้คนจีนก็เริ่มคุ้นชินกับการจ่ายเงินแบบไร้เงินสด ‘สังคมไร้เงินสด’ หรือ Cashless Society ได้อย่างสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ซึ่งมีจุดเริ่มต้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา PBOC ประกาศว่าจะเริ่มมีการทดสอบใช้เงินหยวนดิจิตอล โดยเริ่มจาก 4 เมืองหลัก ได้แก่ เซินเจิ้น, ซูโจว, เฉิงตู และสงอัน ซึ่งให้ทดลองใช้ได้ทั้งที่โรงแรมในท้องถิ่นบางแห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต แท็กซี่ไร้คนขับ ตู้เก็บของไปรษณีย์ ร้านเบเกอรี่ ร้านหนังสือ และสถานที่ออกกำลังกาย หรือแม้แต่บริษัทต่างชาติอย่าง Starbucks, McDonald และ Subway
รวมทั้งยังมีแผนที่จะใช้งานในช่วงโอลิมปิกฤดูหนาวที่ปักกิ่งในปี 2022 อีกด้วย
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ/ธนาคารกลางของจีนเปิดตัวเงินดิจิตอล ไม่ยอมแพ้ลิบราของเฟซบุ๊ก
รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ/เงินหยวนดิจิตอล ลดการแทรกแซงทางการเมือง