รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ/ธนาคารกลางของจีนเปิดตัวเงินดิจิตอล ไม่ยอมแพ้ลิบราของเฟซบุ๊ก

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

ธนาคารกลางของจีนเปิดตัวเงินดิจิตอล

ไม่ยอมแพ้ลิบราของเฟซบุ๊ก

 

นับจากที่ “เฟซบุ๊ก” ประกาศร่วมกับ 27 พันธมิตรพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลใหม่ที่เรียกว่า “ลิบรา” (Libra) โดยต้องการใช้เป็นสกุลเงินดิจิตอลสากลที่นำเทคโนโลยี “บล็อกเชน” มาใช้ในการทำธุรกรรม เพื่อช่วยขจัดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายการโอนเงินข้ามประเทศ ที่ปัจจุบันต้องโอนผ่านคนกลางซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง

นอกจากนี้ ลิบรายังสามารถลดเวลาการโอนเงินข้ามประเทศจากหน่วยวันให้เหลือเพียงวินาที

หลังจากที่เฟซบุ๊กได้ประกาศว่าจะออกเงินดิจิตอลลิบรา (Libra) ออกมาใช้ ทำให้เป็นข่าวใหญ่โต ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็หยิบยกขึ้นมาพิจารณา

ในทันทีที่มีข่าวการประกาศของเฟซบุ๊ก คณะกรรมาธิการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกาได้ทำหนังสือถึงนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ก ขอให้ยุติการพัฒนาเงินดิจิตอลลิบราไว้ชั่วคราว เพราะเงินลิบราและกระเป๋าเงินดิจิตอลคาลิบรา (Calibra) ยังไม่มีกฎระเบียบการกำกับดูแลเพียงพอ

ขณะเดียวกันเมื่อเป็นเงินที่อยู่นอกระบบตรวจสอบของทางการ เงินลิบราและกระเป๋าเงินลิบราอาจกลายเป็นที่ฟอกเงินของการกระทำผิดกฎหมายภายในประเทศและระหว่างประเทศได้ด้วย

ยังไม่มีคำตอบจากเฟซบุ๊กว่าจะมีการเริ่มใช้เงินนี้เมื่อไหร่

 

ก่อนหน้านั้น จากการสร้างเงินดิจิตอลขึ้นที่เรียกว่าบิตคอยน์ที่เป็นที่ฮือฮากันมาก แม้ว่าบิตคอยน์จะไม่ใช่เงินที่ธนาคารกลางทั่วไปสร้างขึ้น ไม่ได้ยอมรับเป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (legal tender) แต่บัดนี้ก็กลายเป็นเงินดิจิตอลที่ใช้กันอยู่ในระบบดิจิตอลไปแล้ว เงินบิตคอยน์กับเงินลิบรานั้นไม่เหมือนกัน เงินบิตคอยน์เกิดขึ้นจากการโปรแกรมคอมพิวเตอร์

บิตคอยน์เริ่มต้นมูลค่าจากเพียง 1 ดอลลาร์ ราคาขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ที่เป็นสมาชิกและเคยมีราคาสูงถึง 60,000 ดอลลาร์ต่อ 1 บิตคอยน์มาแล้ว ก่อนจะลงมาอยู่ที่ประมาณ 6,000 ถึง 20,000 ดอลลาร์ในปัจจุบันขึ้นอยู่กับตลาด

บ้านเราก็มีหลายบริษัทที่จดทะเบียนรับซื้อขายบิตคอยน์ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ

ขณะที่เงินลิบราที่เฟซบุ๊กจะออกเป็นเงินดิจิตอล เฟซบุ๊กเป็นเจ้าของ

เงินลิบราที่เฟซบุ๊กจะออกมาเป็นเงินดิจิตอลที่ต้องการจะให้เป็นที่ยอมรับและให้เป็นที่เชื่อถือกันทั่วโลก อาจจะต้องเริ่มต้นจากการมีทุนสำรองŽที่เป็นทองคำและเงินตราต่างประเทศสกุลหลัก

การที่ลิบรามีสกุลเงินหลักของโลกถึง 6 สกุลเงินมาเป็นสินทรัพย์สำรอง เป็นหลักการันตีว่าลิบราจะมีมูลค่าค่อนข้างคงที่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความผันผวนของสกุลเงินนั้นๆ ด้วย นอกจากนี้ ลิบรายังมีแผนขยายสินทรัพย์สำรองให้ครอบคลุมสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่มีสภาพคล่อง ได้แก่พันธบัตรรัฐบาลของประเทศที่มีความเข้มแข็งอีกด้วย

 

ตอนนี้ “ธนาคารประชาชนจีน” (PBOC) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของจีนเตรียมเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอล หรือ “คริปโตเคอร์เรนซี่” ของตนเองเร็วๆ นี้ หลังจากที่นักวิจัยของธนาคารได้เริ่มพัฒนาระบบมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

มู่ ฉาง ชุน (Mu Changchun) รองผู้อำนวยการฝ่ายการชำระเงินของ PBOC กล่าวในงาน “China Finance 40 Forum” ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาระบุว่า สกุลเงินดิจิตอลใหม่นี้ “ยังไม่มีกำหนดเวลาเปิดตัวที่แน่นอน แต่ใกล้ที่จะเปิดตัวได้”

Mu Changchun กล่าวว่า ตัว prototype ของ CBDC นั้นพร้อมแล้ว และกลุ่มวิจัยสกุลเงินดิจิตอลของ PBOC ได้นำสถาปัตยกรรมบล็อกเชนมาใช้กับสกุลเงินแล้ว โดย CBDC ของจีนจะไม่พึ่งพาสถาปัตยกรรม blockchain ล้วนๆ เนื่องจากจะไม่อนุญาตให้มีการใช้สกุลเงินในระดับรายย่อย

การเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลใหม่นี้เป็นการตอกย้ำมุมมองของ PBOC ที่มองว่าคริปโตเคอร์เรนซี่ควรจะมาแทนที่ฐานเงินสดที่หมุนเวียนอยู่ในระบบปัจจุบัน มากกว่าระบบการเงินในบัญชีธนาคารซึ่งสร้างเครดิตหนี้สินและส่งผลกระทบต่อนโยบายทางการเงิน

นอกจากนี้ สกุลเงินดิจิตอลยังจะช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนของเงินหยวนในระดับสากล

 

ทั้งนี้ การเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลของ PBOC ได้ริเริ่มการศึกษาวิจัยมาเป็นเวลากว่า 5 ปี รวมถึงการเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอล “ลิบรา” (Libra) ของเฟซบุ๊กก็ยิ่งสร้างความกังวลให้กับธนาคารทั่วโลกรวมทั้ง PBOC ที่ออกมาระบุว่า สกุลเงินดิจิตอลควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลาง เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่ออัตราแลกเปลี่ยนและรักษาอำนาจของเจ้าหน้าที่ในการออกนโยบายทางการเงิน

การออกสกุลเงินดิจิตอลของตนเองครั้งนี้ PBOC มีเป้าหมายให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมระบบการเงินได้มากขึ้น เนื่องจากผู้ใช้งานและภาคธุรกิจสามารถดาวน์โหลดโมบายวอลเล็ตหรือกระเป๋าเงินออนไลน์สำหรับแลกเปลี่ยนเงินหยวนเป็นสกุลเงินดิจิตอลเพื่อรับหรือใช้จ่ายชำระสินค้า โดยที่ PBOC สามารถติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงินได้ตลอดเวลา

ธนาคารประชาชนจีน PBOC ระบุระหว่างแถลงการณ์แผนงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ว่า “จะเร่งการวิจัยสกุลเงินดิจิตอลที่ถูกกฎหมายของจีน” และติดตามเทรนการพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลทั้งต่างประเทศและในจีน

ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าการเปิดตัวลิบราครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลจีนและหน่วยงานด้านการกำกับดูแลธนาคารกลางทั่วโลกต้องเร่งรองรับแผนการและแนวทางในการจัดการกับทรัพย์สินดิจิตอล

 

ที่มา

https://www.theblockcrypto.com/tiny/chinas-central-bank-digital-currency-is-ready-after-5-years-of-development/