ทิม เคน ที่ได้รับเลือกจาก ฮิลลารี คลินตัน ให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของพรรคเดโมแครต เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวุฒิสมาชิกผู้ได้รับความนิยมซึ่งมีความน่าเชื่อถือในด้านนโยบายต่างประเทศที่เข้มแข็งที่จะสามารถช่วยเหลือพรรคเดโมแครตในการดึงคะแนนเสียงจากฐานเสียงสำคัญ 2 กลุ่มได้ นั่นคือฮิสปานิก หรือชาวอเมริกันที่ใช้ภาษาสเปนและผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐเวอร์จิเนียที่ถือเป็นรัฐสวิงสเตต หรือรัฐที่ไม่มีความโน้มเอียงว่าให้การสนับสนุนพรรคใดพรรคหนึ่งอย่างชัดเจน

นักกฎหมายวัย 58 ปี ผู้นี้ที่พูดภาษาสเปนได้อย่างคล่องแคล่ว ถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับฮิลลารีในการที่เธอจะต้องปะทะกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งในทำเนียบขาว

โดยเคนมีแต้มนำหน้าในหลายๆ หัวข้อที่จำเป็นสำหรับการเป็นผู้ชิงรองประธานาธิบดีสหรัฐ

นอกจากความน่าเชื่อถือด้านนโยบายกลาโหมและนโยบายต่างประเทศในฐานะสมาชิกกรรมาธิการด้านการทหารและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาแล้ว ทักษะด้านภาษาถือเป็นสิ่งมีค่ามากในปีที่คะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งเชื้อสายละตินจะเป็นตัวตัดสิน

ในการประกาศการตัดสินใจเลือกผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ฮิลลารีทวิตยกย่องชมเชยวุฒิสมาชิกผู้นี้ที่เป็นที่รู้จักกันดีในด้านความเป็นคนสุภาพว่า “ทิม เคน เป็นคนมองโลกในแง่ดีที่ไม่ย่อท้อผู้ซึ่งเชื่อว่าไม่มีปัญหาใดที่แก้ไขไม่ได้หากคุณตั้งใจจะแก้ไขมัน”

ทวิตอีกข้อความนึงระบุว่า “แนวปฏิบัติตามหลักการของ ทิม เคน : ความเชื่อว่าคุณสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ผ่านการบริการสาธารณะ”

และบางที เหนือสิ่งอื่นใด เคนถือเป็นตัวเลือกกลางๆ ที่ช่วยให้ชายผิวขาวที่มีแนวคิดอิสระไม่สังกัดพรรคใดรู้สึกโล่งใจที่จะเลือก

 

ตัวของเคนเองรู้ว่าตนเป็นคนที่ขาดพลังในการสร้างความตื่นเต้น เหมือนที่ ซาราห์ เพลิน ตัวเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันเมื่อปี 2008 แสดงออกมา โดยเขากล่าวยอมรับพร้อมรอยยิ้มในการปรากฏตัวให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า “ผมเป็นคนน่าเบื่อ”

ถึงขนาดว่า เคนที่ทั้งเรียนและประกอบอาชีพทนายความมาเป็นเวลา 18 ปี แต่แทบจะไม่เคยใช้คำพูดรุนแรงในการโจมตีใครเลย

ทว่า สิ่งที่กลุ่มผู้สนับสนุนมองเห็นในตัวเคนคือ สัมผัสที่เที่ยงตรง แม่นยำ ในการตัดสินใจที่ประสบความสำเร็จท่ามกลางพายุคลั่งของทะเลการเมือง

เคนได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย เมื่อเดือนกรกฎาคม 1998 และได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐในปี 2006 จากนั้นเป็นวุฒิสมาชิกในปี 2012

“เขาไม่เคยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง” ฮิลลารีระบุไว้ก่อนหน้านี้

เคนเคยรับหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการระดับชาติพรรคเดโมแครต (ดีเอ็นซี) ที่ช่วยให้เขาเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ

และในช่วงเวลาที่การเมืองอเมริกันแตกแยกอย่างรุนแรงในระดับที่น้อยครั้งจะมากเท่านี้ เคนผู้มีบุคลิกสุขุมเยือกเย็น ถูกมองว่าเป็นผู้ที่สามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้

“ผมรู้ว่าจะต้องทำงานเป็นทีมอย่างไร และส่วนใหญ่ในชีวิตคุณต้องทำงานเป็นทีมเพื่อให้ประสบความสำเร็จ” เคนกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี

 

เคนที่จบการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อยู่ในบัญชีรายชื่อดาวเด่นอันดับต้นๆ ของพรรคเดโมแครตมานานแล้ว โดยถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการเป็นผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของ บารัค โอบามา เมื่อปี 2008 โดยเขาได้ประกาศสนับสนุนโอบามาในปีนั้น สร้างความโกรธเคืองให้กลุ่มผู้สนับสนุนของฮิลลารี แต่มาครั้งนี้ เขาประกาศสนับสนุนฮิลลารีมาตั้งแต่ต้น

และแม้ว่าครั้งนั้น โอบามาจะเลือกโจ ไบเดนเป็นรองประธานาธิบดีของเขา แต่เคนได้ช่วยให้เวอร์จิเนียเปลี่ยนจากรัฐสีแดงเป็นสีน้ำเงินได้สำเร็จ

ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐนี้เลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตนับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดี ลินดอน บี. จอห์นสัน เมื่อปี 1964 เป็นต้นมา