ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | ยื้อแก้รัฐธรรมนูญ ประตูสู่หายนะของระบอบประยุทธ์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ทันทีที่การชุมนุมหน้าสภาของนักศึกษาประชาชนเสร็จสิ้นลงในวันที่ 24 กันยา นักศึกษาก็ประกาศชุมนุมใหญ่ครั้งถัดไปในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งหากนับจากวันแรกที่เยาวชนปลดแอกชุมนุมในวันที่ 18 กรกฎาคม ก็จะเท่ากับว่าประเทศไทยมีการต่อต้านเผด็จการทหารรูปแบบต่างๆ ทุกวันติดต่อกันสามเดือน

ตุณประยุทธ์พูดตลอดเวลาว่าไม่กังวลกับการชุมนุมของนักศึกษาประชาชน และด้วยวิสัยทัศน์ที่คุณประยุทธ์แสดงออกมาตลอดหกปีที่ตั้งตัวเองเป็นนายก มีโอกาสอย่างสูงที่คุณประยุทธ์จะเชื่อจริงๆ ว่าอำนาจตัวเองจะเป็นปึกแผ่นตลอดไป และคนเหล่านี้ไม่มีทางทำอะไรคุณประยุทธ์ได้เลย

อย่างไรก็ดี ถ้าคุณประยุทธ์ใช้สมองไตร่ตรองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสักนิด คุณประยุทธ์ย่อมเห็นว่าการที่นักเรียน-นักศึกษา-ประชาชน แสดงออกถึงการต่อต้านเผด็จการติดต่อกันถึงหนึ่งไตรมาสนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ ใม่ต้องพูดว่าปรากฎการณ์นี้ไม่เคยเกิดมาก่อนกับนายกคนไหนในประเทศไทย

ความรับรู้ของคุณประยุทธ์อาจทำให้คุณประยุทธ์คิดว่าอดีตนายกตั้งแต่ดร.ทักษิณ ล้วนมีชะตากรรมแบบนี้ทุกคน แต่ไม่มีนายกคนไหนถูกต่อต้านรายวันจนถึงโรงเรียนมัธยมแบบนี้ ไม่ต้องพูดว่าการต่อต้านยุคนี้เกิดภายใต้อำนาจรัฐที่อำมหิตขั้นยัดคดีและส่งเจ้าหน้าที่รัฐคุกคามคนเห็นต่างได้ทุกคน

อดีตนายกทักษิณ-ยิ่งลักษณ์อาจถูกพันธมิตรและกปปส.ประท้วงเป็นเวลานาน แต่รัฐบาลของทั้งสองอดีตนายกไม่เคยยัดคดีหรือใช้ทหารตำรวจตามล่าผู้ชุมนุมถีงบ้านและโรงเรียนอย่างรัฐบาลประยุทธ์เช่นเดียวกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ที่ถูกโจมตีว่า “ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร” ซึ่งไม่เคยทำแบบนี้เหมือนกัน

ถ้าคุณประยุทธ์ฉลาดอย่างที่ชอบสดุดีตัวเองเวลาจับไมโครโฟนบนเวทีพูดคนเดียว คุณประยุทธ์ควรเห็นภาพว่าประชาชนที่ไม่พอใจคุณประยุทธ์มีมาก ลงลึก ต่อต้านต่อเนื่อง และยิ่งนานยิ่งแสดงออกมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้คุณประยุทธ์จะขยายความเข้มข้นในการยัดคดีและส่งเจ้าหน้าที่คุกคามก็ตาม

หัวใจของอำนาจรัฐแบบเผด็จการคือการปกครองด้วยความกลัว แต่การที่คนมหาศาลชุมนุมหรือแสดงออกว่าอยู่ข้างผู้ชุมนุมคือหลักฐานว่าความกลัวคดี, กลัวโดนอุ้ม, กลัวถูกตำรวจตามล่าถึงบ้าน, กลัวเหรียญทองเสียบประจาน, กลัวรัฐประหาร ฯลฯ ได้หมดไปจากคนจำนวนมากแล้วแทบสิ้นเชิง

ถ้าคำนึงว่ากลุ่มปลดแอก, กลุ่ม 19 กันยา และนักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศซึ่งแต่ผูกโบว์ขาว-ชูสามนิ้ว-แฟลชม็อบ ฯลฯ คือประชากรอายุไม่เกิน 22 ปี คนเหล่านี้ก็คือคนที่เรียนมัธยมปลายในวันที่พลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจเพื่อตั้งตัวเป็นนายกแล้วปลูกฝังค่านิยม 12 ประการอย่างบ้าคลั่งตลอดมา

หากคุณประยุทธ์รู้จักคิด-วิเคราะห์-แยกแยะ อย่างที่ชอบสอนประชาชน คุณประยุทธ์ย่อมคิดออกว่าม็อบและการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่จวนครบ 1 ไตรมาส คือหลักฐานว่าการครอบงำและการล้างสมองที่คุณประยุทธ์ยัดเยียดประชาชนมาหกปีนั้นใช้ไม่ได้ เช่นเดียวกับการปกครองด้วยความกลัว

คุณประยุทธ์ได้อำนาจโดยใช้กระบอกปืนจ่อปลายกระเดือกประชาชน ทุกวินาทีที่คุณประยุทธ์อยู่ในทำเนียบรัฐบาลจึงปราศจากความชอบธรรมตั้งแต่ต้น เมื่อประชาชนเป็นอิสรภาพจากความกลัวและการครอบงำ ประชาชนย่อมไม่มีวันให้ความยอมรับคุณประยุทธ์เป็นผู้นำที่มีความชอบธรรมได้เลย

คำถามคือคุณประยุทธ์จะปกครองประเทศอย่างไรในเวลาที่คนมหาศาลมองว่าเป็นนายกที่ปราศจากความชอบธรรม ไม่กลัวเกรงอำนาจ และไม่เชื่อถือในการโฆษณาชวนเชื่อที่คุณประยุทธ์ใช้ภาษีประชาชนล้างสมองประชาชนเพื่อรักษาอำนาจมาเป็นเวลาหกปี?

ทางรอดเดียวของคุณประยุทธ์ในจรรโลงอำนาจคือยกระดับการใช้กระบอกปืนขู่ประชาชน คนเป็นอันมากจึงระแวงว่าคุณประยุทธ์หรือพวกจะรัฐประหารกวาดล้างคนเห็นต่างให้สิ้นซาก แต่วิธีนั้นจะทำให้คุณประยุทธ์ตกต่ำจากเผด็จการไปสู่ทรราชซึ่งอาจไม่มีชนชั้นนำคนไหนพร้อมไปต่อด้วยเลย

วันใดที่คุณประยุทธ์เลือกวิถีทางของทรราช วันนั้นคุณประยุทธ์จะเจอการหักหลังกันเองของชนชั้นนำที่เคยเป็นพวกเดียวกันอย่างที่เคยเกิดแก่นายกจอมพลและพลเอกทุกคนในรอบหกสิบปี ยกเว้นพลเอกเปรมและพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์

ด้วยสภาพความรู้สึกนึกคิดที่ประชาชนแสดงออกในปัจจุบัน ต่อให้เป็นคนที่ไม่สนใจประชาธิปไตยก็ต้องยอมรับว่าวันเวลาของคุณประยุทธ์ในฐานะผู้นำได้ปิดฉากแล้ว ตำแหน่งนายกของคุณประยุทธ์ตอนนี้เป็นเพียงเครื่องทรงที่มีความหมายแค่กับคนที่ตามกฎหมายต้องอยู่ใต้คุณประยุทธ์เท่านั้นเอง

คุณประยุทธ์พูดบ่อยครั้งว่ากลัวถูกล้างแค้นหรือดำเนินคดีจนต้องเป็นนายกตลอดกาล แต่ถ้ายอมรับว่าความชอบธรรมที่เหือดแห้งทำให้คุณประยุทธ์คล้ายเครื่องบินหมดเชื้อเพลิงจนใกล้ดิ่งพสุธา ทาง เลือกที่คุณประยุทธ์มีได้แก่การหาทางลงแบบ Soft Landing เพื่อให้ความสูญเสียน้อยที่สุดเท่านั้นเอง

คนที่มีสติสัมปชัญญะทุกคนรู้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) คือโอกาสดีที่สุดที่คุณประยุทธ์จะเป็นนายกต่อไป เพราะหากรัฐบาลประสบความสำเร็จในการคุม สสร. การเตะถ่วงร่างรัฐธรรมนูญก็ง่าย และคุณประยุทธ์ก็จะยืดเวลาในการครองอำนาจแม้ไม่มีใครนับถือเลย

ด้วยจำนวน ส.ส.ฝ่ายค้านที่เหลือหลังรัฐบาลใช้เงินดูด ส.ส.งูเห่า ความเป็นไปได้ที่คุณประยุทธ์จะใช้ส.ส.รัฐบาลและวุฒิสมาชิกจรรโลงอำนาจสกปรกมีสูงมาก การเมืองนอกสภาเป็นกลไกเดียวที่จะสกัดไม่ให้อำนาจรัฐทำลายประเทศแบบนี้ และนี่เองเป็นเหตุให้รัฐบาลโจมตีนักศึกษาทุกวิถีทาง

จากบทเรียนที่เครือข่ายนายกโจมตีคนรุ่นใหม่ตั้งแต่อนาคตใหม่ถึงม็อบเยาวชน ไม่มีใครในฝั่งประ ยุทธ์ตั้งแต่ ผบ.ทบ., สนธิลิ้ม, ทิศทางไทย ฯลฯ ประสบความสำเร็จแม้แต่น้อยนิด ข้อโจมตีเรื่องล้มเจ้า-ชังชาติ-สมุนอเมริกา จบด้วยอนาคตใหม่ได้ส.ส.ท่วมท้น ส่วนม็อบยิ่งนานคนยิ่งเพิ่มจำนวน

สองเดือนที่แล้วไม่มีใครรู้จักหรือคิดว่าฟอร์ด, รุ้ง, เพนกวิ้น, ไมค์, ใหญ่, เมนู ฯลฯ จะเป็นผู้นำและสัญลักษณ์ของความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดของประเทศ สังคมไทยก่อนกรกฎาคม 2563 คือฟืนที่คุระอุมาตั้งแต่ปี 2557 จนแค่นักเรียนนักศึกษาจุดไฟก็พร้อมจะลามขึ้นมาอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

วุฒิสมาชิกขาประจำเผด็จการที่ไม่ได้เป็นครู แต่มีฉายาว่า “ครูหยุย” อาศัยหน้าตาที่เหมือนคนยุคตุลา คม 2516 ไปโจมตีม็อบ 19 กันยา ว่าไม่ใช่ม็อบนักศึกษา, ไม่มีแกนนำ และไม่มีข้อเรียกร้องชัดๆ แต่คำวิจารณ์นี้แสดงขี้เท่อมากกว่าเหตุผล เพราะทุกคนในโลกรู้ว่าแกนนำม็อบคือใครและพูดเรื่องอะไร

ขณะที่พัฒนาการทางสติปัญญาของคุณประยุทธ์และพวกยังโจมตีผู้ชุมนุมด้วยข้อหาท่อน้ำเลี้ยง-ธนาธรหลอก-อเมริกาล้างสมอง ฯลฯ จำนวนผู้ชุมนุมและผู้สนับสนุนที่มากขึ้นจนลามไปสู่นางงามอย่างมิสแกรนด์คือหลักฐานว่าการโจมตีของรัฐบาลไร้ผล และคนรุ่นใหม่หันหลังให้รัฐบาลแล้วสิ้นเชิง

ภายใต้การใช้กองทัพและอำนาจเงินเพื่อครอบครองอำนาจรัฐยิ่งกว่านายกทุกคน คุณประยุทธ์กำลังเผชิญสถานการณ์ที่กองหนุนลดน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนกองหนุนผู้ชุมนุมโดยเปิดเผยและไม่เปิดเผยสูง ขึ้นทุกวันจนไม่มีทางที่คุณประยุทธ์และพวกจะฟื้นฟูความนับถือได้ ไม่ว่าจะโหนเรื่องอะไรก็ตาม

ยิ่งคุณประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งนาน สังคมยิ่งตระหนักว่ารัฐบาลคือเครื่องมือปกครองประชาชนโดยคนพวกเดียวกันที่เป็นทหาร-เจ้าสัว-ตำรวจ-องค์กรอิสระ-นักการเมืองแนวกอบโกยผลประโยชน์ ผลก็คือการเติบโตของสำนึกว่ารัฐบาลไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน และประชาชนจำเป็นต้องรวมตัวกัน

จุดเด่นของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยรอบนี้คือการเคลื่อนไหวแบบเป็นไปเอง (Autonomous) โดยแทบไม่มีศูนย์กลาง หกปีของคุณประยุทธ์ได้สร้างพลเมืองพันธุ์ใหม่ที่ตาสว่างว่ารัฐบาลมีอำนาจจากการคุ้มครองของผู้มีอิทธิพลที่ครอบงำประเทศทุกจุด ผลก็คือการเกิดขบวนการต่อต้านโดยปริยาย

ตรงกันข้ามกับระบอบประยุทธ์ที่เป็นการปกครองของพวกเดียวกัน ความเคลื่อนไหวต้านเผด็จการในเวลานี้มีธรรมชาติที่เป็นความร่วมมือของคนนอกระบอบประยุทธ์ทั้งหมด ความหลากหลายของม็อบจึงมีสูงจนม็อบมีฐานของแรงสนับสนุนที่กว้างกระทั่งแกนนำแทบไม่มีความสำคัญเลย

สองเดือนที่แล้วไม่มีใครรู้จักหรือคิดว่าฟอร์ด, รุ้ง, เพนกวิ้น, ไมค์, ใหญ่, เมนู ฯลฯ จะเป็นผู้นำและสัญลักษณ์ของความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่สุดของประเทศ สังคมไทยก่อนกรกฎาคม 2563 คือฟืนที่คุระอุมาตั้งแต่ปี 2557 จนแค่นักเรียนนักศึกษาจุดไฟก็พร้อมจะลามขึ้นมาอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

ในเงื่อนไขที่พลังของความเปลี่ยนแปลงพร้อมจะระเบิดเพื่อกวาดล้างผู้ถ่วงความเจริญในปัจจุบัน แกนนำและการชุมนุมเป็นเพียงช่องทางปลดปล่อยพลังนี้ผ่านความเคลื่อนไหวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นม็อบปลดแอก- ม็อบ 19 กันยา- ม็อบนักเรียนเลว – ม็อบชูสามนิ้ว – ม็อบยืนเฉยๆ หรืออะไรก็ตาม

คุณประยุทธ์อาจคิดว่าการชุมนุมรอบนี้ไม่น่ากลัว เพราะไม่มีชนชั้นสูงหรือพรรคการเมืองหนุนหลัง
แต่ที่จริงการชุมนุมที่เป็นไปเองนั้นน่ากลัวที่สุด เพราะแปลว่าสังคมถึงจุดที่คนต่อต้านรัฐบาลมากจนใครก็เป็นแกนนำได้ , ไม่มีใครชี้นำใครด้วยข้อเสนอห่วยๆ และไม่มีทางกำจัดใครเพื่อปิดเกมได้เลย

ไม่เคยมียุคไหนที่รัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐล้มละลายด้านความน่าเชื่อถือเท่าปัจจุบัน ถ้าเปรียบรัฐบาลเป็นบ้าน บ้านหลังนี้ก็สร้างผิดแบบจนโครงสร้างพังจากเนื้อในขั้นไม่มีทางค้ำยันให้อยู่ต่อไปได้แล้ว ส่วนผู้ชุมนุมก็คือเจ้าของบ้านที่กำลังสร้างบ้านใหม่ที่ทุกคนอยู่ได้อย่างมีความสุขกว่าเดิม

พฤติกรรมของผู้มีอำนาจในระบอบประยุทธ์กำลังบีบให้สังคมไทยเผชิญคำถามที่เรียวแคบมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าจะอยู่ภายใต้ระบอบเก่าที่ปกครองประชาชนด้วยความกลัวและการล้างสมอง หรือจะสร้างกติกาการเมืองแบบใหม่ที่วางอยู่บนหลักการว่าเราทุกคนเป็นเจ้าของประเทศอย่างเท่าเทียมกัน

อีกไม่นานจะถึงวันที่ฟางเส้นสุดท้ายทำอูฐหลักหักจริงๆ จนเปิดประตูสู่หายนะของระบอบประยุทธ์ทั้งมวล