ต้องยอมรับว่า สีสันและบรรยากาศทางการเมืองช่วงเดือนกันยายน ข้ามเส้นถึงตุลาคม “อึมครึม” ปกคลุมไปด้วยเมฆทะมึนทึน ความมืดกำลังครอบงำ ราวกับเดินถนนในยามวิกาล

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ดูจากสภาพยังปกติดี พูดจาตลกมีสิ่งสวยงาม บรรเจิด สดใส แต่ที่จริงในใจน่าจะลุกเป็นไฟดุจไฟพะเนียง

สถานการณ์โรคระบาด “โควิด-19” ส่งผลให้นักท่องเที่ยวตัวเลขลบศูนย์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องพังพินาศกันถ้วนหน้าก็จริง แต่ “บิ๊กตู่” กลับเจอสภาพ “ทัวร์ลง” แห่นาคมาทับซ้อนกันหนักหน่วงในช่วงเดือนกันยายน

1. โผโยกย้ายนายทหาร 3 เหล่าทัพ บก-เรือ-อากาศ ประจำฤดูกาล 2563 ดูเหมือนจะไม่มีอะไรในกอไผ่ จบข่าวลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งทุกเหล่าทัพ

แต่ใครจะไปรู้จริงทั้งหมด เพราะ “ศูนย์อำนาจกองทัพ” เป็นรูปทรงพีระมิด บางฤดูกาลมีความเปราะบาง หักง่ายกว่าแท่งขนมปังหรือฝักข้าวโพด มียอดแหลม “หัวแถว” เพียง 1 เดียว

ผู้ที่พลาดตำแหน่ง ถูกเตะพ้นวงจร ย่อมน้อยเนื้อต่ำใจเป็นธรรมดา และมักจะมีแรงกระเพื่อมตามมา แม้ว่า “คนกองทัพ” จะอยู่ด้วยความเคารพตามสายบังคับบัญชา เป็น “กฎเหล็ก”

แต่กำแพงวินัยมีความต่ำเตี้ย สำหรับผู้พลาดหวัง ที่ถูกเตะโด่งพ้นสนามแม่เหล็ก และควบคุมบังคับยาก เมื่อเดินหลงทาง ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีข่าวลือ “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” ช่วงนี้ดังอื้ออึงตลบอบอวลแน่นอน

2. “ปมการเมือง” ว่าด้วย “การปรับคณะรัฐมนตรีประยุทธ์ 2” ภายหลัง “ปรีดี ดาวฉาย” ไขก๊อกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขณะที่อยู่ในตำแหน่งได้เพียง 27 วันหลังโปรดเกล้าฯ

จนป่านนี้แล้ว “พล.อ.ประยุทธ์” ในฐานะผู้นำรัฐบาล มือระวิงหามือดีมาทำหน้าที่ “ขุนคลังคนใหม่” สืบแทน แต่เหมือนฟ้าใกล้สาง ลางไม่ดีหรืออะไรไม่ทราบ ยังหาใครมาทดแทนที่มีจุดลงตัวยังไม่ได้

มีเพียง “สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่แสดงอาการ “พร้อมมาก” จะขึ้นลิฟต์นั่ง “ขุนคลัง” หวังสร้างประวัติศาสตร์ เซ็นชื่อในธนบัตรให้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีวงศ์ตระกูล

“รูปลักษณ์ไม่หล่อ แต่อยากมีนวลนางประคองกอดรอบกาย” แต่สุดท้าย “สันติ” น่าจะได้แค่เพ้อฝัน หลังออกมา “พร้อมมาก” ถูกเขย่าขวด ขุดคุ้ยสารพัดเรื่อง อยู่ที่เดิมน่ะดีแล้ว

มีข่าวต่อยอดออกมาใหม่ว่า มีนักเลงดีสบช่อง เสิร์ฟขี้เป็ดให้ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ รับประทาน

ให้สะกิดสีข้าง “น้องตู่” ขยับ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โยกไปเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

และสลับฟันปลา “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” จากว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และดัน “สันติ พร้อมพัฒน์” มานั่งว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และดัน “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” จาก รมช.แรงงาน มานั่ง รมช.คลัง

แต่การปรับคณะรัฐมนตรีไม่ใช่แคะขนมครกกันซะเมื่อไหร่ เพราะต้องทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขณะที่ “ตู่ 2/2” อยู่ในตำแหน่งกันไม่ถึงเดือน จึงไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง

อย่างไรก็ตาม มีข่าวว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไม่ปรับ ครม.ตามแรงกดดันของกลุ่มหรือมุ้งต่างๆ จาก พปชร. จะดึง “คนนอก” มานั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแทน “ปรีดี ดาวฉาย”

ล่าสุดขึ้นป้ายทาบทามไว้ 3 ราย ประกอบด้วย “ชาติชาย พยุหนาวีชัย” อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสิน “นายสมชัย สัจจพงษ์” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และ “นายกานต์ ตระกูลฮุน” อดีตซีอีโอ เอสซีจี

รายหลัง “บิ๊กตู่” เคยทาบทามมาร่วมงานนานมาแล้ว แต่เจ้าตัวปฏิเสธมาตลอด ส่งทูตไมตรีไปเจรจาใหม่อีกรอบ แต่คาดว่าเจ้าตัวจะตอบปฏิเสธเหมือนเดิม

ขณะเดียวกัน ข่าวคลุกวงในอีกกระแสระบุว่า นอกจากรายชื่อข้างต้นแล้ว ยังมีชื่อ “นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” และ “นายประสงค์ พูนธเนศ” 2 ลูกหม้อของกระทรวงการคลัง ก็อยู่ในบัญชีชื่อที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ได้เช่นเดียวกัน

 

3.“ม็อบเยาวชนปลดแอก” ที่ประกาศลั่นกลองรบ นัดชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ดีเดย์วันเสาร์ที่ 19 กันยายน เพื่อทวงคืน “อำนาจราษฎร” โดยแกนนำนิสิต-นักศึกษาแถลงว่า จะปักหลักค้างคืน เคลื่อนขบวนต้านเผด็จการไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องข้อเสนอ 3 ข้อให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ตอบสนอง

“หยุดคุกคามประชาชน-ร่างรัฐธรรมนูญ-ยุบสภา”

กระแสสังคมจับตา “ม็อบปลดแอก” ของเยาวชนกันมากว่าจะจุดติดหรือไม่ แต่มีข่าวคลุกวงในจากหน่วยข่าวกรองระบุว่า ประเมินสถานการณ์ชุมนุมในวันที่ 19 กันยายนนี้แล้ว ไม่น่าจะ “ยกระดับ” ได้ต่อเนื่องถึงขั้นรัฐบาล “บิ๊กตู่” สั่นสะเทือน

แค่ประเดี๋ยวประด๋าว วันหรือสองวัน มวลชนที่จะมาร่วมก็น่าจะ “หลักหมื่น” ไม่ถึงแสน

แต่ขอเตือนว่า อย่าประมาท “ม็อบเด็ก” เด็ดขาด “นักเลงโต-เจ้าพ่อ” ในตำนาน ไม่รู้กี่รายต่อกี่รายแล้ว ที่สิ้นชื่ออย่างไม่เป็นท่าด้วยฝีมือฟันน้ำนม “ล้มด้วยความประมาท”

ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ “เดอะก๊อดฟาเธอร์” คงจำได้ ฉากที่ตระกูล “คอร์เลโอเน่” ส่งน้องเล็กสุด “ไมเคิล” ไปเจรจากับ “ซอลลอสโซ่” และ “แม็กคูสกี้” 2 ขาใหญ่ที่กำลังแผ่อิทธิพล บดบัง “ดอนวีโตฯ”

ที่เปิดฉากเจรจากันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และลูกน้องตัวเอ้ของ “วีโตฯ” เอาปืนไปซ่อนไว้ด้านหลังชักโครกในห้องน้ำ และ “ไมเคิล” แอบหยิบพกออกมา และสามารถยิงเข้าหัว ดับคู่ปรับ “ซอลลอสโซ่” และ “แม็กคูสกี้” ลงได้อย่างง่ายดาย

ดับสยอง เกิดจากความประมาทเด็ก คิดว่า “ไมเคิล” มีความละอ่อน ไม่ได้อยู่ในยุทธจักรดุดันเหมือน “ซันนี่” ที่เป็นพี่ชาย

เช่นเดียวกับเจ้าพ่อ-นักเลงในตำนานอีกหลายต่อหลายคน สิ้นชื่อด้วยฝีมือ “เด็กรุ่นใหม่” เพราะความ “ประมาท”

“อย่าประมาทและต้องมีสมองด้วย” (ฮา)