วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

 

จิ้งหวัง กลางความขัดแย้ง (52)

 

คดีความเรื่องบ่อร้างพรางศพอันกระทบไปยังโหลวจือจิ้ง เสนาบดีกรมคลัง คนของรัชทายาทยังไม่คลี่คลายออกมา ก็เกิดคดีความบุตรชายของเหอจิ้งจง เสนาบดีกรมมหาดไทย คนของอวี้หวัง ก่อการสังหารคนในหอเสียงสวรรค์อย่างครึกโครมตามมา

คดีหลังสร้างความหนักใจให้กับอวี้หวังเป็นอย่างสูง

“ท่านก็อบรมลูกหละหลวมเกินไป ในเมืองหลวงใต้บารมีโอรสสวรรค์เช่นนี้ไหนเลยกระทำบุ่มบ่ามบ้าบิ่นได้ ถ้าตีชาวบ้านตายไปคนหนึ่งก็ไม่เป็นไร แต่นี่เป็นถึงบุตรชายของขุนนางผู้ใหญ่ชั้นป๋อ แม้ตอนนี้ไม่มีอำนาจในราชสำนัก แต่ร่มเงาบารมีของบรรพบุรุษก็ยังปกคลุมอยู่

ถ้าข้าขืนออกไปปกป้อง อย่าว่าแต่จะถูกขุนนางคร่ำครึยื่นฎีการ้องเรียน ตัวเหวินหย่วนป๋อเองก็มีสิทธิ์ยื่นฎีกาเช่นกัน หากเรื่องระแคะระคายถึงพระกรรณ ท่านกับข้าจะแก้ตัวว่าอย่างไร”

ไม่ว่าคดีบ่อร้างพรางศพ ไม่ว่าคดีบุตรเสนาบดีกรมมหาดไทยสังหารคนในหอคณิกา สะท้อนให้เห็นสายสัมพันธ์แห่งอำนาจที่ถักทออยู่ในเมืองหลวง ไม่ว่าทางด้านรัชทายาท ไม่ว่าทางด้านอวี้หวัง ล้วนสะสมเส้นสายและอาศัยเส้นสายเหล่านั้นแผ่อำนาจและแสวงหาผลประโยชน์

ถามว่า แล้วเหมยฉางซูและคณะสนใจอะไร

ตำคอบ 1 ให้ความสนใจในเรื่องการหาบ้านเพื่อพำนักอย่างค่อนข้างถาวร คำตอบ 1 หาช่องทางเพื่อสร้างโอกาสให้กับจิ้งหวัง

 

ในจำนวนคนที่ปรารถนาหาบ้านให้เหมยฉางซู ข้อเสนออันมาจากเหมิงจื้อสบอารมณ์ที่สุด แม้ทัศนียภาพไม่งดงาม แต่กลับสร้างความพอใจให้กับเหมยฉางซูเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบของบ้าน

“กำแพงด้านหลังของบ้านหลังนี้กับกำแพงด้านหลังของจวนจิ้งหวังห่างกันเพียงไม่กี่จั้ง ระหว่างกลางเป็นทางน้ำไม่มีถนนตัดผ่าน โดยรอบเป็นป่าดงรกร้าง บวกกับประตูใหญ่หันไปทางถนนคนละเส้น ในความรู้สึกเหมือนบ้าน 2 หลังนี้อยู่คนละพื้นที่ คงไม่มีใครสังเกตว่าความจริงแล้วอยู่ใกล้กันมาก

เสี่ยวซูห์ คนของท่านชำนาญด้านการสร้างอุโมงค์มิใช่หรือ หลังจากย้ายเข้าไปก็ขุดทางลับเส้นหนึ่งเชื่อมไปถึงจวนจิ้งหวัง เช่นนี้แม้พวกท่านไม่ได้พบปะกันอย่างเปิดเผย แต่ยามราตรียังสามารถลักลอบมาเจอกัน 2 ต่อ 2”

หารู้ไม่ว่าเหมยฉางซูยังไม่พร้อมจะเปิดแผนของตนออกมาอย่างโจ่งแจ้ง จึงสร้างความสงสัยให้กับเหมิงจื้อ

“ตอนนี้ท่านยังไม่คิดจะแสดงจุดยืนให้ชัดเจนอีกหรือ เรื่องของจวิ้นจู่ช้าเร็วรัชทายาทก็ต้องรู้ว่าเป็นฝีมือท่าน เขาไม่ใช่คนคำนึงถึงน้ำใจไมตรีอันใด ไม่รู้จะหาวิธีใดมาแก้แค้นท่าน ข้าว่าท่านแสร้งทำเป็นเข้าหาฝ่ายอวี้หวังไว้ก่อน ถึงต่อให้ไม่จำเป็นต้องขอความคุ้มครองจากเขาก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องเปิดศึก 2 ด้าน”

“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้พวกเขากำลังวุ่นจนหัวหมุนไม่มีเวลาจัดการข้าหรอก”

 

เหมยฉางซูผุดรอยยิ้มหยันบนใบหน้า “มีคำกล่าวว่า เพียงป้องกันไม่จู่โจม รบอย่างไรก็แพ้ ในเมื่ออวี้หวังอาศัยคดีบ่อร้างพรางศพกัดโหลวงจือจิ้ง กัดเสนาบดีกรมคลังไม่ปล่อย รัชทายาทก็ต้องจ้องคดีของเหอเหวินซินไม่วางตาเช่นกัน เหอจิ้งจงต้องกำลังหาทางทำให้คดีของบุตรชายตัวเองไปถึงกรมอาญาให้ได้”

“กรมอาญานั่นเป็นถิ่นของอวี้หวัง รัชทายาทจะรุกไล่ไหวหรือ”

มุมปากเหมยฉางซูพลันปรากฏรอยยิ้มแฝงเลศนัยลึกล้ำชนิดหนึ่งก่อนเอ่ยเบาๆ ว่า “ถ้าเขารู้จักควบคุมคนในสังกัดให้รู้จักหยุดเมื่อควรหยุด คดีของเหอเหวินซินนี้ก็คงทำร้ายอะไรเขาไม่ได้ แต่จุดเปราะบางที่สุดของเขาในยามนี้ยังคงอยู่ที่ตัวซิ่งกั๋วกง”

นั่นย่อมเป็นคดีรุกล้ำที่ดินซึ่งเซี่ยตงได้รับมอบหมายจากองค์จักรพรรดิให้หน่วยส่องอธรรมเข้าไปสืบคดี

“ฝ่าบาทต้องการทำให้คดีรุกล้ำที่ดินเป็นคดีตัวอย่าง เพราะช่วงที่ผ่านมาผู้มีอำนาจบางคนออกจะเขื่องโขโอหังยึดครองที่ดินตามอำเภอใจ ทำให้กระทบต่อการคลังของประเทศ แต่พระองค์ก็เข้าพระทัยดีว่า หน่วยส่องอธรรม สำนักตรวจสอบและสำนักกฎหมาย

3 หน่วยงานร่วมสอบสวนถ้าไม่มีคนใดคนหนึ่งวางตัวเป็นกลางเช่นนั้นจะต้านทานความกดดันจากเบื้องสูงได้อย่างไร ดีไม่ดีคดีรุกล้ำที่ดินอาจกลายเป็นการห้ำหั่นกันระหว่าง 2 ขั้วอำนาจ เช่นนั้นความมุ่งมาดปรารถนาที่ทรงต้องการใช้คดีนี้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูก็คงไม่อาจลุล่วงแล้ว”

เหมิงจื้อขมวดคิ้วพลางถอนหายใจ “มิน่าเล่า ฝ่าบาทถึงทรงรีรอไม่ตัดสินพระทัย ที่แท้ก็ยุ่งยากเช่นนี้เอง”

เหมยฉางซูมองเขาแวบหนึ่ง “ดังนั้น ต้องพึ่งพาท่านเหมิงช่วยชี้ทางสว่างให้พระองค์แล้ว”

นั่นก็คือข้อเสนออันมาจากเหมยฉางซู “ท่านสามารถแนะนำคนผู้หนึ่งให้พระองค์” นั่นก็คือ การแนะนำให้จิ้งหวังเข้าไปบริหารจัดการคดีนี้

เหตุผลของเหมยฉางซูคือ

 

คิดข่มคนของ 3 หน่วยงานให้อยู่ ไม่ว่าขุนนางคนใดก็ใช้ไม่ได้ มีเพียงอาศัยเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ให้รัชทายาทไปคดีคงเละเทะไม่มีชิ้นดี ให้อวี้หวังไปคดีคงเปลี่ยนจากใหญ่เป็นเล็ก จากเล็กเป็นไม่มี

จิ้งหวังออกห่างจากศูนย์อำนาจราชสำนักนานปี อุปนิสัยซื่อตรง

มีเพียงให้เขาเป็นผู้สอบสวนคดีนี้จึงสามารถไปถึงเป้าหมายที่ฝ่าบาททรงหมายมาดเอาไว้