บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ / ‘วันเฉลิม’ หายตัวที่กัมพูชา ถูก ‘ด้อยค่า’ หรือ ‘เพิ่มมูลค่า’ เกินจริง??

บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ

‘วันเฉลิม’ หายตัวที่กัมพูชา

ถูก ‘ด้อยค่า’ หรือ ‘เพิ่มมูลค่า’ เกินจริง??

 

เช่นเดียวกับอีกหลายคนที่ในตอนแรกเมื่อมีกลุ่มคนประโคมข่าว “วันเฉลิม” ถูกอุ้มหายที่พนมเปญอย่างใหญ่โต ก็นึกว่าเป็น “วันเฉลิม อยู่บำรุง” ลูกชายนักการเมืองดังของไทย

แต่คดีพลิกกลายเป็นวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมที่ค่อนข้างโนเนม ถ้าไม่ใช่คนที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียมากๆ และคลั่งการเมืองแบบเข้าเส้น ก็แทบจะไม่รู้จัก

หลังจากนั้นคนกลุ่มหนึ่งในเมืองไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีจุดยืนตรงข้ามกับรัฐบาลเป็นทุนเดิมและอยู่ข้างเดียวกับพรรคฝ่ายค้านบางพรรค ได้พากันออกมาเรียกร้อง จี้ให้รัฐบาลไทยแสดงความรับผิดชอบและคลี่คลายคดี ส่วนโลกโซเชียลก็พากันติดแฮชแท็ก save วันเฉลิม จนขึ้นเทรนด์อันดับ 1

ขบวนการ save วันเฉลิม ในตอนแรกดูเหมือนพุ่งเป้าไปที่รัฐบาลไทย ตั้งข้อสงสัยว่าเป็นมืออุ้มวันเฉลิม เนื่องจากวันเฉลิมเป็นหนึ่งในผู้ถูกออกหมายจับกรณีฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ปี 2557 แต่เจ้าตัวได้หลบหนีไปกัมพูชา

ตามภาพวงจรปิดที่มีการเปิดเผยออกมา พบชายฉกรรจ์อุ้มวันเฉลิมขึ้นรถยนต์หายไปบริเวณหน้าคอนโดฯ ที่วันเฉลิมอาศัยอยู่ในพนมเปญ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน

พี่สาวของวันเฉลิมให้สัมภาษณ์ว่า วันเกิดเหตุกำลังคุยโทรศัพท์กับน้องชายผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ เรื่องการทำธุรกิจปลูกกล้วยและอ้อยในกัมพูชาเพื่อส่งไปขายจีน แต่หลังจากนั้นได้ยินเสียงน้องชายตะโกนว่าหายใจไม่ออกอยู่ประมาณ 30 นาที และมีเสียงคนต่างชาติแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ ก่อนสายจะถูกตัดไป

การบอกว่าได้ยินเสียงน้องชายตะโกนผ่านโทรศัพท์ว่าหายใจไม่ออกอยู่นานถึง 30 นาที ก็เป็นจุดสังเกตหนึ่งว่า ทำไมผู้ก่อเหตุจึงไม่รีบยึดหรือปิดโทรศัพท์วันเฉลิมทันที ผิดวิสัยมืออาชีพเอามากๆ

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็มีผู้ขุดคุ้ยเฟซบุ๊กของวันเฉลิม พบว่า วันที่ 2 มิถุนายน เจ้าตัวได้โพสต์รูปต้นอ่อนกัญชาที่ลักลอบปลูก พร้อมข้อความว่า “ความซับซ้อนของต้นไม้มันก็ไม่มีอะไรมาก เพาะเมล็ดและอนุบาลโดยมิตรสหาย เอามาพักไว้แล้วก็ส่งไปให้มิตรสหายของมิตรสหายปลูกอีกทีหนึ่ง อีกสี่ห้าเดือนค่อยว่ากันใหม่”

วันเฉลิมเคยเป็นนักกิจกรรมเกี่ยวกับเยาวชน ดังนั้น การที่เขากล้าโพสต์รูปต้นกัญชาที่ลักลอบปลูกอย่างผิดกฎหมาย ก็ชวนสงสัยว่าเขาเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนหรือไม่ เป็นคนที่มีวิจารณญาณเหมาะสมหรือเปล่า กล้าโพสต์รูปเหยียบจมูกเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศที่เขาไปขออาศัยอยู่แบบไม่ให้เกียรติเลยหรือ

ตามกฎหมายของกัมพูชา การปลูกกัญชาถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และระยะหลังนี้กฎหมายปราบยาเสพติดของกัมพูชาได้เพิ่มโทษแรงขึ้น

ต่อมาวันที่ 3 มิถุนายน โพสต์เล่าปัญหาความขัดแย้งทางธุรกิจ ตอนหนึ่งระบุชัดว่า “ขอบคุณพี่ท่านนั้น ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้ผมมีที่อยู่ที่ยืนในสังคมที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องระดับเบิ้มๆ ทั้งนั้น พี่ท่านนั้นมาช่วยเหลือทำให้ไม่เสียเครดิตกับธุรกิจที่กำลังดีลอยู่ คืนนี้คงนอนหลับแล้วหลังจากนอนไม่หลับ เครียดมา 4 เดือน”

ฝ่าย save วันเฉลิม มองว่า ฝ่ายที่ขุดคุ้ยเรื่องกัญชาของวันเฉลิมเป็นพวกเชียร์รัฐบาลและต้องการ “ด้อยค่า” หรือดิสเครดิตวันเฉลิมว่าอาจถูกอุ้มด้วยสาเหตุอื่น

ฝ่ายสนับสนุนวันเฉลิมให้น้ำหนักประเด็นที่ว่า วันเฉลิมอาจถูกอุ้มโดยคนของรัฐบาลไทย เพราะก่อนหายตัวไปนั้น โพสต์สุดท้ายของวันเฉลิม มีข้อความพาดพิงโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

อย่างไรก็ตาม ทุกคดีต้องมีการพิจารณาสาเหตุเอาไว้หลายๆ ด้าน ไม่สามารถตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งออกไปได้ การขุดคุ้ยเฟซบุ๊กของวันเฉลิมที่มีเรื่องการลักลอบปลูกกัญชาหรือการขัดแย้งทางธุรกิจ ก็เป็นการเปิดข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งที่อาจมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นสาเหตุให้ถูกอุ้ม

ถ้ามองว่าการขุดคุ้ยเฟซบุ๊กเรื่องกัญชาและการขัดแย้งธุรกิจของวันเฉลิมเป็นการ “ด้อยค่า” ไม่ให้ราคากับการหายตัวไปของเขา ก็เท่ากับว่าฝ่ายเชียร์วันเฉลิมเลือกจะเชื่อข้อมูลด้านเดียวแบบทึกทักหรือตั้งธงเอาเอง

ขณะเดียวกันการพยายามโหมประโคมว่าเป็นฝีมือรัฐบาลไทยและยังโยงไปถึงสถาบันด้วยนั้น ก็เสี่ยงจะเป็นการ “เพิ่มมูลค่าเกินจริง” ให้กับวันเฉลิม เพียงเพราะคนกลุ่มนี้บางส่วนซึ่งยืนตรงข้ามกับรัฐบาลมาตลอด ต้องการโหนกระแสหรือยืมคดีวันเฉลิมมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ตัวเองเช่นกัน

มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า การโหมกระพือข่าวการหายตัวของวันเฉลิม เกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน อันเป็นเดือนสำคัญที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการเมืองของไทย 24 มิถุนายน 2475 อีกทั้งความพยายามโยงเรื่องวันเฉลิมเข้ากับสถาบัน

ก็ช่างสอดคล้องกับแนวทางของบางพรรคการเมืองที่รู้ๆ กันอยู่ว่ามีทัศนคติเช่นใดต่อสถาบัน

 

หากต่อจิ๊กซอว์คำพูดของวันเฉลิมและพี่สาวให้ละเอียด จะพบว่ามีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกันที่ประเด็นขัดแย้งหรือขัดผลประโยชน์ธุรกิจในกัมพูชามีน้ำหนักต่อการหายตัวของวันเฉลิมพอสมควร

กล่าวคือ วันที่ 3 มิถุนายน วันเฉลิมโพสต์ระบุว่า หลังจากเครียดมา 4 เดือนก็นอนหลับเสียทีหลังจากมีผู้ใหญ่คนหนึ่งยื่นมือมาช่วยเหลือไม่ให้เสียเครดิตดีลธุรกิจที่ทำอยู่

ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่ถูกอุ้ม พี่สาววันเฉลิมบอกว่ากำลังคุยกับน้องชายเรื่องการทำธุรกิจอ้อยและกล้วยที่กัมพูชาเพื่อส่งไปขายจีน และน้องชายได้เล่าผลที่ไปประชุมมาและจะทำอะไรต่อให้เธอฟัง

ความน่าสนใจอยู่ที่ “ทำธุรกิจปลูกอ้อยและกล้วยในกัมพูชาเพื่อส่งขายจีน” เพราะถ้าเป็นธุรกิจระดับส่งออกไปจีน ผลประโยชน์ก็ย่อมมหาศาล จึงเป็นไปได้ที่จะไปขัดผลประโยชน์ใครจนเกิดความไม่พอใจกันขึ้น

เพียงแต่ยังไม่มีใครรู้ตื้นลึกหนาบางเท่ากับวันเฉลิมและพี่สาวว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างการดำเนินธุรกิจนี้อยู่

เป็นสิทธิของญาติและครอบครัวของวันเฉลิม ที่จะเรียกร้องขอรับการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยในการติดตามคดี และก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่ต้องดูแลติดตามคดีนี้เพื่อทำให้กระจ่างมากที่สุดตามขอบเขตและอำนาจที่ทำได้ผ่านการประสานงานไปยังกัมพูชา

เนื่องจากยังไม่มีความแน่ชัดว่าสาเหตุคืออะไร ดังนั้น ก็ไม่ควรมีใคร “แทงจนหมดหน้าตัก” หรือพยายามชี้นำปักธงว่าเกิดจากสาเหตุนั้นสาเหตุนี้ ตามความเชื่อและผลประโยชน์การเมืองของตัวเอง

 

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่