ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 มิถุนายน 2563 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
บ่อร้าง พรางศพ กลางเมือง (49)
คําพูดทิ้งท้ายระหว่างเซี่ยตงกับเหมยฉางซู มากด้วยเขี้ยว มากด้วยคม สะท้อนจุดยืน ทรรศนะ วิธีการของแต่ละฝ่ายออกมาอย่างเต็มเปี่ยม
เซี่ยตงดื่มชาที่เหลือในถ้วยก่อนวางลงบนโต๊ะผุดขึ้นกล่าว
“วันนี้รบกวนมากแล้ว สิ่งที่ท่านไหว้วานรับรองกระทำสุดความสามารถ วันหน้าท่านประสงค์ทำสิ่งใดล้วนเป็นเรื่องราวของท่าน ทว่าเซี่ยตงยังคงตักเตือนสักประโยค ท่านซูแม้มีเล่ห์เหลี่ยมเทียมฟ้าก็อย่าได้แตะต้องตาข่ายแห่งกฎหมายและหรือขัดราชโองการเด็ดขาด
มิเช่นนั้น กระจกใหญ่และคมกระบี่ในโถงใหญ่ของหน่วยส่องอธรรม เกรงว่าไม่อาจดูดาย นิ่งเฉย”
เหมยฉางซูลุกขึ้นยืนส่ง ใบหน้าแย้มยิ้ม “วาจารื่นหูของใต้เท้า ผู้แซ่ซูจะจารึกใส่ใจ ใต้เท้ากำชับด้วยใจจริงเช่นนี้ แซ่ซูไหนเลยกล้าไม่ตอบแทน
ดังนั้น ขอส่งมอบคำเตือนประโยคหนึ่ง
ภักดีไม่แน่ว่าภักดี ขบถไม่แน่ว่าขบถ นักฆ่าเดนตายที่ลงมือโดยไม่หลงเหลือร่องรอย ทั้งเป็นผู้มีอำนาจวาสนาในราชสำนัก ทั้งรู้ธรรมเนียมยุทธภพเป็นอย่างดี ท่านคิดว่ามีสักกี่คน”
เซี่ยตงสะดุ้งเฮือกในใจ
หันขวับกลับมาเห็นอีกฝ่ายสีหน้าสงบราบเรียบ คล้ายกับสิ่งที่กล่าวเมื่อครู่เป็นเพียงประโยคพร่ำบ่นทั่วไป
เผชิญหน้ากับสายตาคลางแคลงของนาง เหมยฉางซูกลับไม่มีท่าทีว่าจะอธิบายอันใดเพิ่มเติม ชายเสื้อเผยอขึ้นเล็กน้อยก่อนชักเท้าเคลื่อนออกนำทางอาคันตุกะ
พลางเอ่ยน้ำเสียงเบาสบาย “ใต้เท้าเดินช้าๆ”
“ไห่เยี่ยน” ลงความเห็นเหมือนกับจะแทนความรู้สึกโดยผิวเผินของเซี่ยตงออกมาว่า ช่างเป็นคำพูดมารยาทอย่างแท้จริง
ชีวิตการเป็นทูตส่องอธรรมหลายปีที่ผ่านมาทำให้เซี่ยตงเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
เพียงมองแวบหนึ่ง เห็นเขาไม่มีท่าทีกล่าววาจาจึงเบนสายตาออกไม่รุกไล่ไถ่ถามอีก เพราะความพิเศษของตำแหน่งงาน พฤติกรรมของทูตส่องอธรรมจึงมักจะลึกลับ เงียบเชียบ
แต่ละถ้อยคำจึงสะท้อนนัยยะอันแต่ละคนมองอยู่
แม้ว่าเป้าหมายการมาเยือนเหมยฉางซูในจวนหนิงกั๋วโหวจะเพื่อหาคำตอบจากเสียงร่ำลือในนครจินหลิงจากคนที่ถูกกำหนดให้เป็น “จวิ้นหม่า” (คำเรียกสามีของจวิ้นจู่) คนคนนั้นก็ยังเป็นขุนนางรับเชิญอยู่ในจวนหนิงกั๋วโหวตามปกติ
องค์จักรพรรดิพระราชทานภาพวาดแก่เขา 2 ภาพ ทั้งเบิกตัวให้เขาเข้าวังบรรเลงพิณละเลียดชาครั้งหนึ่ง ทว่าข่าวคราวการแต่งงานกลับเงียบกริบ เป็นฝ่ายจวิ้นจู่ที่ส่งคนนำจดหมายมาให้เหมยฉางซูฉบับหนึ่งถัดจากวันที่เซี่ยตงมาเยือน
ไม่ทราบบุคคลเหล่านี้ตั้งแต่หนีหวงจวิ้นจู่กระทั่งเซี่ยตงคิดอะไรอยู่กันแน่
การเคลื่อนไหวในนครจินหลิงนอกแวดวงของเหมยฉางซูก็มีความน่าสนใจ รัชทายาทซึ่งถูกกักบริเวณเพื่อสำนึกผิดก็ประพฤติตัวเรียบร้อย แม้สาเหตุที่แท้จริงถูกปิดบังไว้จึงไม่สะดวกขอโทษจวิ้นจู่อย่างเปิดเผย จากคนในสำนักตะวันออกของรัชทายาท
เมื่อใดก็ตามที่ออกจากตำหนักตะวันออกแล้วพบเจอคนของจวนมู่จะรีบยอบกายหลีกทางให้ทันที
ท่าทางต่ำเตี้ยจนผู้คนพูดไม่ออก ส่งผลให้จวนมู่ที่เดือดแค้นหมดปัญญาฟื้นฝอยหาตะเข็บ ความสัมพันธ์ของ 2 ฝ่ายจึงมิได้เลวร้ายลงในทางเปิดเผยด้วยสาเหตุนี้นั่นเอง
เยว่กุ้ยเฟยหลังจากถูกลดตำแหน่ง ฉากรันทดขมขื่นแสดงได้อย่างเข้าถึงอารมณ์
ร่างกายซูบผอมอิดโรยอย่างทันตาเห็น ทำให้องค์จักรพรรดิทรงอดเวทนาสงสารมิได้ กระทั่งเพลิงพิโรธก็มิได้รุนแรงดังเช่นตอนแรก
การช่วงชิงบัลลังก์จึงอยู่ในห้วงแห่งการตั้งหลัก
เหมือนกับรัชทายาทจะถูกรุกและจำเป็นต้องถอยด้วยการวางหมากที่ไม่รัดกุมถูกเหมยฉางซูฉีกหน้ากากทิ้งอย่างแยบยล
สายสัมพันธ์ตำหนักตะวันออกกับจวนมู่ร้าวฉานมิอาจต่อติด
เหมือนกับโอกาสกลายเป็นของฝ่ายอวี้หวังที่สามารถชิงความได้เปรียบเหนือกว่า และทำให้เข้ามาใกล้ชิดกับ “อัจฉริยะฉีหลิน” มากกว่ารัชทายาท
กลับกลายเป็นเหมยฉางซูต่างหากที่มีการเคลื่อนไหว
ภายใต้สภาวะอึมครึมทางการเมืองภายในนครจินหลิงเช่นนี้เอง ซูเจ๋อซึ่งกลายเป็นเซเลบของเมืองหลวงกลับเลือกเอาวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสวันหนึ่งเชิญสหายหนุ่มหลายคนออกนอกบ้าน
กลับกลายเป็นเป้าหมายคือบ้านสวนอันรกร้างหลังหนึ่ง
กลับกลายเป็นว่า ระหว่างคณะของเหมยฉางซูไปสำรวจบ้านสวนหลังนั้นกลับพบ “บ่อร้างพรางศพ” ขึ้นมาอย่างมากด้วยเงื่อนงำ
เป็นซากโครงกระดูกจำนวนเกือบ 10 ซาก
เมื่อเจ้าหน้าที่เกาเซิงแห่งกองสืบสวนนครบาลดำเนินการสืบสวน นอกประตูพลันมีคนมารายงานแจ้งว่ามีพระดำรัสขององค์รัชทายาทมาถึง
พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่