วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร / บ่อร้าง พรางศพ กลางเมือง (49)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

บ่อร้าง พรางศพ กลางเมือง (49)

คําพูดทิ้งท้ายระหว่างเซี่ยตงกับเหมยฉางซู มากด้วยเขี้ยว มากด้วยคม สะท้อนจุดยืน ทรรศนะ วิธีการของแต่ละฝ่ายออกมาอย่างเต็มเปี่ยม

เซี่ยตงดื่มชาที่เหลือในถ้วยก่อนวางลงบนโต๊ะผุดขึ้นกล่าว

“วันนี้รบกวนมากแล้ว สิ่งที่ท่านไหว้วานรับรองกระทำสุดความสามารถ วันหน้าท่านประสงค์ทำสิ่งใดล้วนเป็นเรื่องราวของท่าน ทว่าเซี่ยตงยังคงตักเตือนสักประโยค ท่านซูแม้มีเล่ห์เหลี่ยมเทียมฟ้าก็อย่าได้แตะต้องตาข่ายแห่งกฎหมายและหรือขัดราชโองการเด็ดขาด

มิเช่นนั้น กระจกใหญ่และคมกระบี่ในโถงใหญ่ของหน่วยส่องอธรรม เกรงว่าไม่อาจดูดาย นิ่งเฉย”

เหมยฉางซูลุกขึ้นยืนส่ง ใบหน้าแย้มยิ้ม “วาจารื่นหูของใต้เท้า ผู้แซ่ซูจะจารึกใส่ใจ ใต้เท้ากำชับด้วยใจจริงเช่นนี้ แซ่ซูไหนเลยกล้าไม่ตอบแทน

ดังนั้น ขอส่งมอบคำเตือนประโยคหนึ่ง

ภักดีไม่แน่ว่าภักดี ขบถไม่แน่ว่าขบถ นักฆ่าเดนตายที่ลงมือโดยไม่หลงเหลือร่องรอย ทั้งเป็นผู้มีอำนาจวาสนาในราชสำนัก ทั้งรู้ธรรมเนียมยุทธภพเป็นอย่างดี ท่านคิดว่ามีสักกี่คน”

เซี่ยตงสะดุ้งเฮือกในใจ

หันขวับกลับมาเห็นอีกฝ่ายสีหน้าสงบราบเรียบ คล้ายกับสิ่งที่กล่าวเมื่อครู่เป็นเพียงประโยคพร่ำบ่นทั่วไป

 

เผชิญหน้ากับสายตาคลางแคลงของนาง เหมยฉางซูกลับไม่มีท่าทีว่าจะอธิบายอันใดเพิ่มเติม ชายเสื้อเผยอขึ้นเล็กน้อยก่อนชักเท้าเคลื่อนออกนำทางอาคันตุกะ

พลางเอ่ยน้ำเสียงเบาสบาย “ใต้เท้าเดินช้าๆ”

“ไห่เยี่ยน” ลงความเห็นเหมือนกับจะแทนความรู้สึกโดยผิวเผินของเซี่ยตงออกมาว่า ช่างเป็นคำพูดมารยาทอย่างแท้จริง

ชีวิตการเป็นทูตส่องอธรรมหลายปีที่ผ่านมาทำให้เซี่ยตงเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

เพียงมองแวบหนึ่ง เห็นเขาไม่มีท่าทีกล่าววาจาจึงเบนสายตาออกไม่รุกไล่ไถ่ถามอีก เพราะความพิเศษของตำแหน่งงาน พฤติกรรมของทูตส่องอธรรมจึงมักจะลึกลับ เงียบเชียบ

แต่ละถ้อยคำจึงสะท้อนนัยยะอันแต่ละคนมองอยู่

แม้ว่าเป้าหมายการมาเยือนเหมยฉางซูในจวนหนิงกั๋วโหวจะเพื่อหาคำตอบจากเสียงร่ำลือในนครจินหลิงจากคนที่ถูกกำหนดให้เป็น “จวิ้นหม่า” (คำเรียกสามีของจวิ้นจู่) คนคนนั้นก็ยังเป็นขุนนางรับเชิญอยู่ในจวนหนิงกั๋วโหวตามปกติ

องค์จักรพรรดิพระราชทานภาพวาดแก่เขา 2 ภาพ ทั้งเบิกตัวให้เขาเข้าวังบรรเลงพิณละเลียดชาครั้งหนึ่ง ทว่าข่าวคราวการแต่งงานกลับเงียบกริบ เป็นฝ่ายจวิ้นจู่ที่ส่งคนนำจดหมายมาให้เหมยฉางซูฉบับหนึ่งถัดจากวันที่เซี่ยตงมาเยือน

ไม่ทราบบุคคลเหล่านี้ตั้งแต่หนีหวงจวิ้นจู่กระทั่งเซี่ยตงคิดอะไรอยู่กันแน่

 

การเคลื่อนไหวในนครจินหลิงนอกแวดวงของเหมยฉางซูก็มีความน่าสนใจ รัชทายาทซึ่งถูกกักบริเวณเพื่อสำนึกผิดก็ประพฤติตัวเรียบร้อย แม้สาเหตุที่แท้จริงถูกปิดบังไว้จึงไม่สะดวกขอโทษจวิ้นจู่อย่างเปิดเผย จากคนในสำนักตะวันออกของรัชทายาท

เมื่อใดก็ตามที่ออกจากตำหนักตะวันออกแล้วพบเจอคนของจวนมู่จะรีบยอบกายหลีกทางให้ทันที

ท่าทางต่ำเตี้ยจนผู้คนพูดไม่ออก ส่งผลให้จวนมู่ที่เดือดแค้นหมดปัญญาฟื้นฝอยหาตะเข็บ ความสัมพันธ์ของ 2 ฝ่ายจึงมิได้เลวร้ายลงในทางเปิดเผยด้วยสาเหตุนี้นั่นเอง

เยว่กุ้ยเฟยหลังจากถูกลดตำแหน่ง ฉากรันทดขมขื่นแสดงได้อย่างเข้าถึงอารมณ์

ร่างกายซูบผอมอิดโรยอย่างทันตาเห็น ทำให้องค์จักรพรรดิทรงอดเวทนาสงสารมิได้ กระทั่งเพลิงพิโรธก็มิได้รุนแรงดังเช่นตอนแรก

การช่วงชิงบัลลังก์จึงอยู่ในห้วงแห่งการตั้งหลัก

เหมือนกับรัชทายาทจะถูกรุกและจำเป็นต้องถอยด้วยการวางหมากที่ไม่รัดกุมถูกเหมยฉางซูฉีกหน้ากากทิ้งอย่างแยบยล

สายสัมพันธ์ตำหนักตะวันออกกับจวนมู่ร้าวฉานมิอาจต่อติด

เหมือนกับโอกาสกลายเป็นของฝ่ายอวี้หวังที่สามารถชิงความได้เปรียบเหนือกว่า และทำให้เข้ามาใกล้ชิดกับ “อัจฉริยะฉีหลิน” มากกว่ารัชทายาท

กลับกลายเป็นเหมยฉางซูต่างหากที่มีการเคลื่อนไหว

 

ภายใต้สภาวะอึมครึมทางการเมืองภายในนครจินหลิงเช่นนี้เอง ซูเจ๋อซึ่งกลายเป็นเซเลบของเมืองหลวงกลับเลือกเอาวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสวันหนึ่งเชิญสหายหนุ่มหลายคนออกนอกบ้าน

กลับกลายเป็นเป้าหมายคือบ้านสวนอันรกร้างหลังหนึ่ง

กลับกลายเป็นว่า ระหว่างคณะของเหมยฉางซูไปสำรวจบ้านสวนหลังนั้นกลับพบ “บ่อร้างพรางศพ” ขึ้นมาอย่างมากด้วยเงื่อนงำ

เป็นซากโครงกระดูกจำนวนเกือบ 10 ซาก

เมื่อเจ้าหน้าที่เกาเซิงแห่งกองสืบสวนนครบาลดำเนินการสืบสวน นอกประตูพลันมีคนมารายงานแจ้งว่ามีพระดำรัสขององค์รัชทายาทมาถึง

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่