ธงทอง จันทรางศุ | เยี่ยมญาติ (ในเรือนจำ) ผ่านออนไลน์

ธงทอง จันทรางศุ

ท่ามกลางสถานการณ์ระวังภัยจากโรคโควิด-19 ที่เป็นอยู่ทั่วกันทั้งโลกเวลานี้ ทำให้คนจำนวนมากต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตไปจากเดิม

อะไรที่เคยทำมาแต่ก่อน เช่น การพบปะเฮฮาสังสรรค์ใกล้ชิด กลายเป็นของที่ทำอีกไม่ได้แล้ว

อะไรอีกหลายอย่างที่มันเคยทำมาแต่ก่อน เช่น การใส่หน้ากากอนามัยจนเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกาย กลายเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติอยู่เป็นประจำ

เอะอะอะไรก็ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์หรือเจลแอลกอฮอล์

ผู้รู้หลายคนบอกว่า เราคงจะต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกนาน

และอาจจะต้องเป็นอย่างนี้ไปตลอดกาลนานเทอญก็ได้

ตั้งแต่ต้องนั่งอยู่กับบ้าน ผมสอนหนังสือแบบออนไลน์ไปแล้วสี่ครั้ง พอสอนจบครบสี่ครั้งก็ครบเทอมพอดี

นอกจากนั้น ยังมีการประชุมในฐานะเป็นกรรมการที่นั่งอยู่กับบ้านอีกสองครั้ง ทุกอย่างเป็นของต้องเริ่มต้นหัดใหม่ทั้งนั้นสำหรับผม เพราะผมเกิดหลังยุคกระดานชนวนเพียงนิดเดียวเท่านั้น

ก่อนการประชุมออนไลน์ของหน่วยงานแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่หน่วยงานนั้นกรุณาแวะมาที่บ้านเพื่อมาแนะนำวิธีการว่า เมื่อถึงวันประชุมผมควรทำอะไรก่อน-หลังกัน เพื่อจะได้มีทั้งหน้าและเสียงไปปรากฏอยู่บนจอพร้อมกับคนอื่นได้

เพื่อนอาจารย์หลายคนบอกว่า สอนหนังสือออนไลน์เหนื่อยกว่าสอนปกติ เพราะเหมือนพูดไปท่ามกลางความเวิ้งว้างมองไม่เห็นหน้าคนฟัง จริงอยู่ว่าบนหน้าจอของเรา เราอาจเรียกร้องให้นิสิตเปิดโฉมหน้าให้เราเห็นก็ได้

แต่ทำไมขู่เข็ญกันจริงจังก็ไม่ค่อยมีใครยอมเปิดเผยหน้าตา อาจจะเพราะแต่งตัวตามสบายแบบอยู่กับบ้านก็เป็นไปได้

คนสอนอย่างผมยังแต่งครึ่งท่อนเลยครับ ครึ่งบนที่จะปรากฏอยู่บนจอ iPad สวมเสื้อเชิ้ตครบถ้วน แต่ท่อนล่างนุ่งกางเกงขาสั้นแบบตามสบายอยู่กับบ้าน

ด้วยความที่ผมคุ้นเคยกันกับการออกรายการโทรทัศน์ ที่ในห้องส่งมีคนอยู่ไม่มากคน เวลาเราพูดก็จ้องเอาไว้ให้เหมือนที่กล้องเป็นสำคัญ เมื่อต้องมาสอนออนไลน์อย่างนี้ก็พอไหว ทำใจถือว่าเป็นการออกรายการโทรทัศน์ก็แล้วกัน

ถามนักเรียนดูหลังจากจบชั่วโมงว่าเป็นอย่างไรบ้าง เขาบอกว่าเหมือนดูรายการทีวี ฮา

อีกมุมหนึ่งของโลกที่ผมไปรู้เห็นและอยากจะนำมาขยายเล่าสู่กันฟังคือเรื่องของการปรับตัวของเรือนจำในระหว่างนี้

หลายท่านคงพอนึกได้ว่าผมเคยทำงานอยู่ที่กระทรวงยุติธรรมตั้งเจ็ดปี แม้ทุกวันนี้เกษียณอายุราชการแล้วแต่ก็ยังมีเยื่อใยกับกระทรวงนี้เป็นพิเศษ

ตอนที่ทำงานอยู่ผมรับผิดชอบดูแลกรมราชทัณฑ์ด้วย ทุกวันนี้จึงยังมีแฟนานุแฟนอยู่ในกรมนั้นไม่น้อย

ผมคุยกับน้องที่ยังทำงานอยู่ว่า ความจุเรือนจำของเราสามารถรับนักโทษได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่ 100,000 คนเศษ แต่ในความเป็นจริงเรามีนักโทษเสียตั้ง 300,000 เศษ มากกว่าจำนวนที่จะพึงมีไปเสียตั้งสามเท่า

เจ้าโรคโควิด-19 นี้ก็ไม่ชอบให้ใครอยู่ใกล้กันเสียด้วย ทำอย่างไรจึงจะป้องกันไม่ให้เชื้อโรคกระโดดข้ามกำแพงเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้

ได้รับฟังคำอธิบายแล้วสบายใจครับ

เขาบอกว่า นักโทษหรือผู้ต้องขังรายใหม่ที่จะเข้าไปอยู่ในเรือนจำซึ่งมีสมาชิกใหม่แบบนี้ทุกวัน จะยังไม่ถูกนำตัวเข้าไปรวมกับนักโทษเก่าทันที

แต่จะต้องไปกักตัวเสียก่อนในแดนแรกรับมีกำหนด 14 วัน

ถ้าครบกำหนดแล้วไม่มีอะไรผิดปกติก็ค่อยจัดเข้าไปอยู่ในแดนอื่นร่วมกับนักโทษเก่าต่อไป

ผมถามเขาต่อไปว่า ในเมื่อมีคนเข้าใหม่ทุกวัน การกักตัว 14 วันที่ว่านี้ทำอย่างไร

ได้รับคำอธิบายว่า ผู้เข้าใหม่ในแต่ละวันจะกักตัวในบริเวณเดียวกัน พอวันรุ่งขึ้นมีคนมาอีกจำนวนหนึ่ง พวกนั้นก็จะไปถูกกักตัวในอีกพื้นที่หนึ่ง

พูดอย่างนี้หมายความว่าเราต้องมีพื้นที่ซอยย่อยเช่นว่านี้ 14 พื้นที่ พอคนที่เข้ามาครบ 14 วันไม่เป็นอะไรและเข้าไปอยู่รวมหมู่รวมพวกกับคนจำนวนใหญ่ในแดนอื่นแล้ว

พื้นที่ตรงนั้นจะกลายเป็นพื้นที่ว่าง พร้อมที่จะรับสมาชิกรายใหม่เข้ามากักตัวตามกติกานี้ต่อไป

การเยี่ยมญาติก็เหมือนกันครับ จะเข้ามาเยี่ยมประชิดตัวหรืออยู่ใกล้กันอย่างแต่ก่อนไม่ได้แล้ว ต้องใช้วิธีการเยี่ยมออนไลน์

หมายความว่า ญาติใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ อยู่ที่ไหนก็ได้ แล้วออนไลน์ติดต่อเข้ามาที่เรือนจำ

ผู้ต้องขังที่จะมีญาติเยี่ยมทางไกลแบบนี้ต้องได้รับนัดหมายล่วงหน้าและให้ผู้ต้องขังมานั่งอยู่ที่ห้องเยี่ยมของเรือนจำ เวลาคุยกับญาติพี่น้องก็ใช้เครื่องมือของเรือนจำเป็นอุปกรณ์ติดต่อ เพราะนักโทษย่อมไม่มีโทรศัพท์มือถืออย่างแน่นอน

ทั้งหมดนี้อยู่ในการกำกับดูแลใกล้ชิดของเจ้าหน้าที่

ผมถามเขาว่า เยี่ยมออนไลน์ครั้งหนึ่งได้คุยกันประมาณกี่นาที ได้ความว่าในราว 15 นาทีครับ

แต่นั่นแหละนะ การเยี่ยมแบบนี้คงได้รสชาติที่ไม่อาจเทียบเคียงได้กับการเยี่ยมแบบเห็นหน้ากันจริงๆ ก็เหมือนผมสอนหนังสือออนไลน์นั่นแหละ เหมือนกินข้าวแล้วขาดน้ำปลาพริกไปอย่างไรก็ไม่รู้

เครื่องมือของเรือนจำเพื่อใช้ในบริการเยี่ยมญาติออนไลน์ก็ไม่ได้มีปริมาณครบครันพร้อมมูล เพราะเราไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เวลานี้ก็ต้องแก้ขัดไป โดยระดมเครื่องมือเท่าที่จะจัดหาได้มาใช้งาน ในระดับนโยบายก็คงต้องคิดอ่านกันต่อไปว่าจะดูแลเรื่องนี้อย่างไรให้เพียงพอ

การเยี่ยมญาติของผู้ต้องราชทัณฑ์ไม่ได้หมายความแต่เพียงการได้รู้ข่าวสารกันระหว่างคนที่อยู่นอกกำแพงกับคนในกำแพงเท่านั้น หากแต่หมายถึงอารมณ์และความผ่อนคลายของผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำด้วย คนที่มียอดเยี่ยมหมายความว่าโลกที่อยู่นอกกำแพงยังมีเยื่อใยอาทรกับเขา ชีวิตยังมีความหวัง ยังมีคนที่รัก มีคนที่ห่วงใยเขารออยู่

ชีวิตที่ไม่มีคนรักคนห่วงใยเลย ทำอะไรบ้าระห่ำก็ทำได้ทั้งนั้น

โลกยุคหลังโควิด-19 ต้องเรียนรู้อะไรใหม่หลายอย่าง ไม่ใช่แค่เยี่ยมญาติออนไลน์ของเรือนจำเท่านั้น การอยู่ห่างกันทางกายแต่หัวใจใกล้กัน อาจเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการอยู่ร่วมกันกับคนที่เรารัก ฟังดูเหมือนคนบ้า แต่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ

ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา การรดน้ำสงกรานต์ด้วยวิธีโทรศัพท์ไปขอพรจากคุณน้าของผมผู้มีอายุ 87 ปีก็ราบรื่นดีทุกประการ

และจากข่าวสารเรื่องผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดเรื่องเคอร์ฟิว ก็ได้ทำให้ผมรู้จักเมืองไทยในอีกแง่มุมหนึ่งเพิ่มขึ้น ผมเพิ่งตระหนักว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยกินเหล้า เล่นการพนัน และเสพยาเสพติดชนิดขาดไม่ได้แม้สักวันเดียว เหมือนสุภาษิตของนักกฎหมายที่ว่า จงประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมแม้ฟ้าจะถล่มทลายก็ตามที

แต่อันนี้เป็นทุภาษิตว่า เราจงเสพเราจงเล่น แม้จะเป็นโควิด-19 ก็ตามที

ให้มันได้อย่างนี้สิน่า