นงนุช สิงหเดชะ : คำสอนพุทธ“กลับหัว”ลัทธิธรรมกาย ให้ฆราวาส“สละทรัพย์”เพื่อพระอยู่หรูหรา

ยิ่งดูยิ่งฟัง ก็ยิ่งอัศจรรย์ใจและปลงสังเวชไปพร้อมกันสำหรับคำสอนของวัดพระธรรมกาย ที่มีธัมมชโยเป็นเจ้าอาวาสหรือเจ้าลัทธิ แต่ที่น่าแปลกใจกว่านั้นก็คือ ความสำเร็จระดับสุดยอด ที่สามารถโน้มน้าวให้คนหลงเชื่อคล้อยตามได้อย่างมหาศาล แบบไม่ฉุกคิดกันแม้แต่น้อยว่าคำสอนลักษณะนั้นตรงข้ามกับแก่นแท้ของพุทธ

ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามมากของลัทธิธรรมกายก็คือการโน้มน้าวชักชวนให้คนทำบุญอย่างบ้าคลั่ง ทำบุญจนตัวเองและครอบครัวเดือดร้อนหมดตัว ผ่านคำโฆษณาชวนเชื่อที่ว่า ยิ่งทำบุญมากยิ่งได้มาก ทำบุญแบบปิดบัญชี (ถอนเงินฝากในธนาคารออกมาจนหมด) ยิ่งดีใหญ่จะได้บุญขั้นสูงสุด ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงสุด

แถมการทำบุญนั้นก็มีลักษณะพาณิชย์เต็มตัว คือมีสินเชื่อบุญ ใครอยากมีเงินทำบุญเยอะๆ เพื่อไปสู่สวรรค์ชั้นสูงสุด ทางเครือข่ายของวัดก็มีบริการปล่อยกู้ (เก็บดอกเบี้ยสูง) ถ้าเป็นคนจนไม่มีเงินมากพอ หากอยากยื้อแย่งไปสวรรค์ชั้นสูงสุดกับคนรวยบ้าง ก็ต้องกู้เงินไปทำบุญ เป็นหนี้เป็นสิน หาเงินใช้หนี้ดอกเบี้ย ชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นทุกข์ไปตลอดชีวิต

ส่วนพวกคนรวยเครือข่ายธรรมกายก็เปรมปรีดิ์จากการนำเงินมาปล่อยกู้ให้กับคนจนเพื่อทำบุญ ดูแล้วเป็นขบวนการทำธุรกิจแขนงหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด และธุรกิจก็เจริญงอกงามดีเสียด้วย

การปล่อยสินเชื่อบุญโดยคนใกล้ชิดของธัมมชโย นำไปสู่การจัดตั้งสหกรณ์เครดิตมงคลเศรษฐี นำไปสู่คดีฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นำมาสู่การถูกดำเนินคดีอาญาในทุกวันนี้

เรามักได้ยินคำว่า “บุญไม่ถึง บุญไม่พอ” จากศิษย์ (เอก) ธรรมกายอยู่เสมอ เพราะว่าปลูกฝังล้างสมองกันมาแบบนั้น อย่างเมื่อเร็วๆ นี้เราก็ได้ยินจากศิษย์หญิงคนหนึ่ง (อาชีพหนึ่งของเธอคือทำธุรกิจขายตรง) ซึ่งโพสต์ข้อความว่า คนที่ “บุญไม่พอ” จะไม่เข้าใจหรือเห็นความดีของธัมมชโย

AFP PHOTO / LILLIAN SUWANRUMPHA

หรือย้อนไปเก่ากว่านั้น เราก็จะได้ยินคำพูดของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังรายหนึ่งที่เชิญชวนให้คนไปทำบุญกับธรรมกายแบบ “ปิดบัญชี” ทุ่มหมดตัว แถมยังอวดอ้างว่าวัดพระธรรมกายมีแต่คนรวยๆ มาทำบุญจึงมีเงินสร้างอาคารต่างๆ อลังการมากมายเพราะเจ้าอาวาสทำบุญมามาก ส่วนวัดอื่นๆ นั้นยากจนไม่มีทรัพย์มาสร้างอาคารสวยๆ เพราะชาติที่แล้วพระเหล่านั้นเอาแต่นั่งสมาธิไม่ทำทาน จึงไม่มีคนมาทำบุญที่วัดมากเหมือนวัดพระธรรมกาย

กลอุบายอย่างหนึ่งของธรรมกายที่จะหลอกล่อให้คนอยากทำบุญมากๆ ก็คือการจัดให้มีพิธีสวมชุดที่เรียกว่า “มหาลดาปสาธน์” ซึ่งหญิงสาวผู้มีทรัพย์มากและทำบุญมากเท่านั้นจึงจะมีสิทธิสวม เปรียบได้กับนางวิสาขามหาอุบาสิกาในครั้งพุทธกาล

ดังนั้น จึงไม่แปลกเมื่อเกิดเหตุการณ์เตรียมจับกุมพระธัมมชโย ศิษย์หญิงคนที่ได้รับเลือกให้สวมชุด “มหาลดาปสาธน์” จึงถึงกับลงทุนออกมาโพสต์ข้อความปกป้องเจ้าอาวาสในทำนองพวก “บุญไม่พอ” จึงไม่เห็นความดีธัมมชโย

คำว่า “บุญไม่พอ” ถูกกล่าวซ้ำเสมอๆ โดยขบวนการของธัมมชโย คล้ายกับมีการเตรียมการและจัดตั้งมาอย่างดี เช่น ค้อนทองคำที่ธัมมชโยใช้ประกอบการเทศน์แต่ละครั้ง แล้วมักจะพูดว่า “ชิตังเม โป้ง (เสียงค้อนทุบ) จงรวยๆ” ฝ่ายศิษย์ธัมมชโยก็มักจะเป็นลูกคู่สอดประสาน กรอกหูญาติโยมว่า ถ้า “บุญไม่พอ” ก็จะไม่มีค้อนทองคำมาเคาะเหมือนธัมมชโย (เพราะฉะนั้น ญาติโยมจึงควรบริจาคเงินมากๆ จะได้มีค้อนทองคำบ้าง)

ชิตังเม (แปลว่าเราชนะแล้ว) โป้ง รวย กลายเป็นคำล้อเลียนสุดฮิตในขณะนี้

ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่าพวกศิษย์ที่เป็นคนรวยของธรรมกายนี้ มาทำบุญเพื่อละกิเลสหรือหาความสงบทางใจจริงหรือไม่ แต่มีแนวโน้มว่าน่าจะมาทำบุญเพื่อต่อบุญหรือต่อความรวยให้ตัวเองเสียมากกว่า เพราะเป้าประสงค์เบื้องแรกของพวกนี้น่าจะหวังว่าการทำบุญจะทำให้ธุรกิจตัวเองเจริญดี รวยกว่าเดิม

คำสอนของธรรมกายนับว่าผิดเพี้ยนกลับหัวกลับหางไปจากแก่นพุทธที่แท้ เพราะดูจากรูปการณ์แล้ว พระ (ธัมมชโย) ที่สอนให้ฆราวาสสละทรัพย์ สละกิเลส เพื่อทำบุญทำทาน กลับมีความเป็นอยู่หรูหราสะดวกสบายกว่าฆราวาสหลายเท่า เสพติดวัตถุและความสะดวกสบายยิ่งกว่าโยม

ในทางพุทธศาสนา ภิกษุมีหน้าที่เผยแผ่คำสอน ฆราวาสมีหน้าที่จุนเจืออุปถัมภ์การอยู่ การกิน เพื่อให้พระมีเวลาศึกษาธรรมะและเผยแผ่คำสั่งสอน ไม่ต้องมีภาระในการหาอยู่หากินแบบฆราวาส

ดังนั้น ฆราวาสจึงยังจำเป็นต้องทำมาหากิน หาเงิน หาทรัพย์ เพื่อดำรงชีวิตและเลี้ยงดูครอบครัวตามโลกของฆราวาส อีกส่วนหนึ่งก็แบ่งไปทำบุญจุนเจือศาสนา

หากพิจารณาจากคำสอนธรรมกาย การชักชวนให้คนทำบุญจนหมดเนื้อหมดตัว ทำตัวเองและครอบครัวเดือดร้อน ถามว่านั่นเป็นแนวทางที่ถูกต้องหรือ ตรงข้ามน่าจะเป็นการทำบาปมากกว่าและใจร้ายมากด้วย

นอกจากนั้นก็เท่ากับว่าทำให้ทุกคนหมดทรัพย์และยากจน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่าในภายภาคหน้าฆราวาสก็จะไม่มีเงินไปทำบุญ วัดพระธรรมกายก็จะขาดเงินในการดูแลรักษาบรรดาอาคารใหญ่โตมากมาย ไหนจะค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าจิปาถะอื่นๆ มหาศาล ซึ่งล้วนแต่บีบบังคับให้หาเงินมาดูแลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่พ้นไปจากเงินเสียที

เป้าประสงค์จริงๆ ของธรรมกายคืออะไร คือการทำให้ทุกคนไปบวชกันหมดหรือไม่ ทิ้งทางโลกกันหมดหรือเปล่า จะไปขึ้นสวรรค์กันท่าเดียว ไม่กินข้าว ไม่ใช้ตังค์ เช่นนั้นจริงๆ หรือไม่ (ซึ่งไม่น่าจะใช่)

คนที่ทำให้ตัวเองทุกข์ในชาตินี้เพราะ (กู้เงิน) ทำบุญเยอะ จนตัวเองไม่พอกินพอใช้ตามอัตภาพของฆราวาส แล้วจะมีหลักประกันอะไรว่าชาติหน้าจะรวยและมีความสุข เพราะวิธีคิดมันผิดตั้งแต่ชาตินี้แล้ว ถ้าชาติหน้ามีจริงและทำแบบเดิมก็คงทุกข์ซ้ำอีกเรื่อยๆ

พระพุทธเจ้าทิ้งพระราชวังอันหรูหราและทรัพย์สินมากมาย มุ่งหน้าเข้าป่าเพื่อหาทางพ้นทุกข์ สลัดทิ้งวัตถุที่ฟุ่มเฟือยหรูหรา ตรัสรู้ใต้ต้นไม้ในป่า นิพพานในป่า แต่ธรรมกายกลับสร้างตึก สร้างเมืองขึ้นแทนที่ป่า ในตึกในอาคารมีแต่สิ่งอำนวยความสะดวกสบายยิ่งกว่าฆราวาส

สิ่งที่เกิดขึ้นพอจะบอกได้ว่า ธรรมกายสอนให้ฆราวาสสละทรัพย์ ละกิเลส เพื่อให้พระมีความเป็นอยู่อย่างหรูหราสะดวกสบาย เสพติดกิเลส ดังนั้น ก็น่าจะบาปด้วยกันทั้งโยมทั้งพระ เพราะโยมก็ไปส่งเสริมพระในทางที่ผิด ส่วนพระก็สอนโยมในทางที่ผิดเพี้ยน