ต่างประเทศ : ย้อนรอยทุจริต 1MDB มหกรรมฉ้อราษฎร์บังหลวงแห่งศตวรรษ

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นเรื่องการทุจริตกองทุน 1MDB (1Malaysia Development Berhad) กรณีทุจริตในประเทศมาเลเซียระดับมโหฬาร มูลค่ากว่าแสนล้านบาท กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้ง

เมื่อพรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาเปิดเผยข้อมูลกล่าวหาว่ารัฐบาลไทยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีสุดอื้อฉาวนี้

ข้อกล่าวหาของอดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่เป็นสิ่งที่รัฐบาลคงต้องออกมาชี้แจงให้ชัดเจน

แต่เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด คงต้องย้อนไปทำความเข้าใจกับคดีทุจริต 1MDB คดีทุจริตทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเช่นกัน

 

กองทุน 1MDB เป็น “กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ” ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 โดยนาจิบ ราซัก ที่เวลานั้นยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยกองทุน 1MDB เป็นกองทุนที่จะนำ “ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ” จากคลังมาลงทุนเพื่อสร้างผลกำไร และนำไปพัฒนายกระดับเศรษฐกิจของมาเลเซียต่อไป

นาจิบ ราซัก ผู้ที่เป็นนักการเมืองที่โดดเด่นที่สุดของพรรคอัมโน พรรครัฐบาลที่ครองอำนาจในมาเลเซียมาอย่างยาวนาน ได้รับเลือกตั้งสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2009 จากการสนับสนุนของมหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีที่วางมือทางการเมืองไปก่อนหน้านั้น

ในช่วงแรกนายนาจิบมีความนิยมในระดับสูง

ทว่านายกรัฐมนตรีมาเลเซียกลับต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่จากกรณีกองทุน 1MDB ที่มีผลงานขาดทุนมูลค่ามหาศาลจนเริ่มมีการขุดคุ้ยเบื้องหลังการดำเนินงานและเส้นทางการเงินจนไปพบว่าเงินมูลค่ากว่า 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 110,000 ล้านบาท ถูกยักยอกออกไปจากกองทุน 1MDB

โดยเงินส่วนใหญ่ไหลไปสู่กลุ่มคนใกล้ชิดของนายนาจิบ ถูกนำไปใช้ซื้อเรือยอชต์หรู ภาพผลงานจิตรกรระดับโลก อสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงถูกนำไปใช้เป็นทุนสร้างภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดัง

เงินมูลค่ามหาศาลดังกล่าว มีเงินราว 700 ล้านดอลลาร์ที่ไหลเข้าสู่บัญชีส่วนตัวของนายนาจิบเอง กลายเป็นคดีที่ถูกสืบสวนในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ รวมถึงฝรั่งเศส เป็นต้น

 

กรณีทุจริต 1MDB ถูกจุดประเด็นขึ้นโดย “แคลร์ รีว์คาสเซิล บราวน์” ผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษ ผู้ที่เกิดในครอบครัวชาวอังกฤษซึ่งเคยทำงานในรัฐซาราวัก ประเทศมาเลเซีย ยุคที่ยังคงเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

โดยบราวน์เองเป็นเจ้าของเว็บไซต์ “ซาราวัก รีพอร์ต” เคยเปิดโปงการทุจริตในอุตสาหกรรมป่าไม้และอุตสาหกรรมน้ำมันในมาเลเซีย จนกระทั่งเคยถูกขู่ฆ่าจากผู้มีอิทธิพลในมาเลเซียมาแล้ว

บราวน์ดูจะเป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะเปิดโปงคดีทุจริตระดับโลกอย่าง 1MDB มากที่สุด ด้วยการมีสถานะเป็นน้องสะใภ้ของอดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษอย่างกอร์ดอน บราวน์ นั่นทำให้เธอพร้อมที่จะเผชิญกับอิทธิพลมืดทุกรูปแบบ

ในที่สุดช่วงปลายปี 2013 บราวน์ได้รับการติดต่อจาก “ชาเบียร์ ฆุสโต” แหล่งข่าวคนสำคัญผู้กุมความลับทั้งหมดของการทุจริต 1MDB

ฆุสโต ชาวสวิตเซอร์แลนด์เชื้อสายสเปน เป็นอดีตผู้บริหารเบอร์ 3 ของบริษัท “เปโตรซาอุดี” บริษัทค้าน้ำมันและเป็นตัวแทนธุรกิจในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาพร้อมกับข้อมูลอีเมลจำนวนกว่า 2 แสนฉบับ ขนาด 90 กิ๊กกะไบต์ ที่ฆุสโตระบุว่าเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นว่า “เปโตรซาอุดี” บริษัทที่มีผู้ร่วมก่อตั้งเป็นเจ้าชายจากราชวงศ์ซาอุฯ ร่วมตั้งบริษัทร่วมทุนกับกองทุน 1MDB ยักยอกเงินไปเข้าบัญชีของคนใกล้ชิดและบัญชีของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียอย่างไร

โดยฆุสโตขอแลกเปลี่ยนด้วยเงินจำนวน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

บราวน์ตัดสินใจติดต่อกับตอง คุย ออง มหาเศรษฐีเจ้าของ “ดิเอดจ์” นิตยสารธุรกิจรายสัปดาห์ในมาเลเซีย สื่อที่มักรายงานกรณีอื้อฉาวและมีจุดยืนตรงข้ามกับรัฐบาลให้เป็นนายทุนเพื่อซื้อข้อมูลจากฆุสโต และทำข้อตกลงได้สำเร็จในปี 2015

บราวน์เผยแพร่บทความคดีทุจริต 1MDB ครั้งแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ในปีเดียวกันด้วยหัวเรื่อง “การปล้นแห่งศตวรรษ!” ชี้ให้เห็นเส้นทางของเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐที่หายไปจากกองทุน 1MDB ของชาวมาเลเซีย ที่ถูกยักย้ายถ่ายเทไปสู่บริษัทออฟชอร์แห่งหนึ่งที่พบว่าเป็นของ “โจ โลว์” (เหลา เตี๊ยก โจ) คนสนิทของนายนาจิบนั่นเอง

โจ โลว์ มีบทบาทในฐานะที่ปรึกษา และเข้าร่วมประชุมกับบอร์ด 1MDB ในฐานะตัวแทนของนาจิบ ทั้งๆ ที่ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในกองทุน 1MDB หรือในรัฐบาลมาเลเซีย

ข้อมูลนอกจากจะพบเส้นทางการเงินที่ถูกนำไปใช้ฟอกเงินด้วยวิธีการต่างๆ แล้ว ยังพบด้วยว่า “โจ โลว์” ยังโอนเงินต่อให้ผู้ก่อตั้ง “บริษัทเปโตรซาอุดี” และนำเงินไปสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ “เดอะ วูล์ฟ ออฟ วอลสตรีต” ผลงานที่ทำให้ “ลีโอ นาร์โด ดิคาปริโอ” ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย นั่นเพราะ “โจ โลว์” สนิทสนมกับ “ริซา อาซิซ” บุคคลที่นอกจากจะเป็นลูกเลี้ยงของนาจิบ ราซัก แล้ว ยังเป็นเจ้าของบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์ในสหรัฐที่มีชื่อว่า “เรดกราไนต์พิกเจอร์”

ดิคาปริโอถึงกับเอ่ยขอบคุณ “โจ โลว์” อาชญากรยักยอกทรัพย์ที่หลายประเทศต้องการตัวในเวลานี้ขณะขึ้นรับรับรางวัลลูกโลกทองคำด้วย

 

แน่นอนว่า นาจิบที่ยังคงอยู่ในอำนาจไม่ยอมรับง่ายๆ ใช้อำนาจในการปิดสื่ออย่าง “ดิเอดจ์” ที่ออกมาร่วมแฉเรื่องอื้อฉาวพร้อมๆ กับบราวน์ ลงใช้อัยการที่เป็นพวกเดียวกันกับตนเข้ามาทำคดี ก่อนจะสรุปว่า เงินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ไหลเข้าบัญชีของนายนาจิบนั้นเป็นเพียงเงินจากสมาชิกราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ที่ให้เพื่อสนับสนุนการเลือกตั้งเมื่อปี 2013 เท่านั้น

กระแสข่าวการทุจริตที่โด่งดังส่งผลให้พรรคอัมโนของนาจิบ ราซัก พ่ายแพ้การเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา และเวลานี้นาจิบกำลังถูกสอบสวนในคดีรับสินบนและใช้อำนาจในทางที่ผิดจำนวนถึง 40 กระทงความผิด

ย้อนกลับไปที่นายฆุสโต ผู้ที่อาศัยอยู่กับภรรยาที่เกาะสมุย ประเทศไทย ใช้เวลาสร้างโรงแรมริมทะเลเป็นเวลา 3 ปีใกล้พร้อมเปิดให้บริการในปี 2015 แต่แล้วกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับกุมได้ที่โรงแรม ในคดีที่ “บริษัทเปโตรซาอุดี” แจ้งความจับในข้อหาขู่กรรโชกทรัพย์ แลกกับข้อมูลที่ฆุสโตนำออกมากแฉ ก่อนจะถูกศาลไทยตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี อย่างไรก็ตาม ฆุสโตได้รับพระราชทานอภัยโทษและได้รับการปล่อยตัวในอีก 18 เดือนต่อมา

เวลานี้ฆุสโตยังคงเคลื่อนไหวให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องหารายอื่นๆ ที่ทางการมาเลเซียได้ออกหมายจับฐานเกี่ยวข้องกับการทุจริต 1MDB ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร “เปโตรซาอุดี” 2 ราย รวมถึงนาย “โจ โลว์” ที่ยังคงลอยนวลอยู่ในเวลานี้