‘น้ำตา’ หรือจะแก้ปัญหาบ้าน

คําประกาศใน “ม่านน้ำตา” ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ต่อปัญหาผลประโยชน์ในกองทัพ

จนเป็นหนึ่งในสาเหตุความขัดแย้งที่ทำให้เกิดเหตุสลดกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา

ตอนหนึ่งที่ว่า

“ผมขีดเส้นตายภายในเดือนกุมภาพันธ์สำหรับผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้วและยังพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ทหาร และย้ายจากกองทัพบกไปอยู่หน่วยงานใด

ต้องย้ายออก เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ไม่มีบ้านมาอยู่”

คนในกองทัพ โดยเฉพาะนายทหารชั้นผู้น้อย (อีกตามเคย)

ฟังแล้ว ไม่รู้จะโห่ร้องยินดี

หรือร้องไห้ไปกับ “นาย”

เพราะประเด็น “บ้านหลวง” นี้ เป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาล

มีการพูดกันมานาน พอๆ กับเรื่องเกณฑ์ทหาร

แต่ก็ไม่เห็นจบเสียที

แถมบางครั้งเรื่องบ้านหลวง กลายเป็นประเด็น “การเมือง” ทิ่มแทงกันเลือดสาด

กระนั้น ก็คา-คากันอยู่เรื่อยมา

การที่ “บิ๊กแดง” ขึงขังจะจัดการเรื่องนี้

ถ้าทำได้จริง ก็คงมีคนอนุโมทนา

แต่ก็มีเงื่อนไขว่า ต้องทำให้เสมอหน้ากัน

อย่าให้กลายเป็นเหลาไม้ไผ่ แล้วกลายเป็นบ้องกัญชา

คือ แทนที่นายทหารชั้นผู้น้อยจะได้ประโยชน์

แต่กลับเดือดร้อน ต้องหาที่อยู่กันใหม่

หลังหน้าทนหน้าหนาไม่ยอมย้าย

ด้วยไม่รู้จะไปไหน

ส่วนนายทหาร “ชั้นผู้ใหญ่” นั้นชิล-ชิล

ด้วยกรมสวัสดิการทหารบกมีระเบียบชัดเจนว่า ทหารสามารถอาศัยบ้านพักหลวงต่อได้

โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าพักในบ้านพักรับรองได้ ต้องเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นสูงหรืออดีตผู้บังคับบัญชาที่ดำรงตำแหน่งชั้นสูง

มียศ พล.อ. หรือเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารมาก่อน

เพียงแต่ต้องขอผ่อนผัน หรือดำเนินการร้องขอ โดยผ่านความเห็นของคณะกรรมการ ก่อนเสนอให้ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้อนุมัติ

ทั้งนี้ กองทัพได้จัดสร้างบ้านพักรับรองไว้ส่วนหนึ่ง

เพื่อรับรองอดีตผู้บังคับบัญชาที่ทำคุณงามความดีให้กับกองทัพและเสียสละเพื่อประเทศชาติ

ตลอดจนเพื่อผู้บังคับบัญชาอยู่ได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี

ส่วนค่าใช้จ่าย ผู้เข้าอาศัยจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง มิได้ใช้งบประมาณของกองทัพ

การคืนบ้านพัก ที่ผ่านมากองทัพไม่เคยเร่งรัด

เพราะอดีตผู้บังคับบัญชา “สามารถ” จะคิดได้เอง

พิจารณาตามนี้

ก็คงคาดหมายได้ว่า ผู้ที่จะเดือดร้อนเรื่องต้องย้ายบ้านออกนั้น

ย่อมไม่ใช่นายทหารชั้นผู้ใหญ่

ที่หลั่งน้ำตา

นอกเหนือจากบิ๊กแดงบนโพเดี้ยมแล้ว

ก็คงเป็นนายทหารชั้นผู้น้อย หรือระดับกลาง อีกตามเคย