หนุ่มเมืองจันท์ | ฮาวทู “ซื้อ”

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

มีคนบอกว่าโลกวันนี้เป็นโลกของ “คนขี้เกียจ”

“เทคโนโลยี” อำนวยความสะดวกให้กับมนุษย์จนแทบไม่ต้องกระดิกตัวเลย

เห็นชัดที่สุดคือ การสั่งอาหารแบบ “เดลิเวอรี่”

กด-กด-กด

จ่ายตังค์ออนไลน์

แล้วก็เตรียมจานชามรอกิน

“ไลน์แมน” เป็นเจ้าแรกที่บุกเบิกตลาดนี้

พอเริ่มติด ราคาค่าส่งก็ขยับขึ้น

จะสั่งซื้อทีไรต้องระดมพลในบ้านให้มากพอ

ค่าเฉลี่ยต่อเมนูจะได้ลดลงหน่อย

แต่พอ “แกร็บ” และ “เก็ท” เริ่มลงสนาม

ช่วงนี้ล่ะครับ สวรรค์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

เพราะกลยุทธ์ของสตาร์ตอัพ คือ การเผาเงินสร้างตลาด

ไม่สนใจกำไรในช่วงต้น

หาลูกค้า สร้างตลาดก่อน

แล้วค่อยทำกำไร

“วิธีคิด” แตกต่างจากคนทำธุรกิจในอดีต ที่ลงทุนสักพักต้องคิดถึง “กำไร”

แต่สตาร์ตอัพ เริ่มต้นกำหนดโจทย์ว่าปีนี้เราต้องได้ลูกค้ากี่คน

จากนั้นก็เผาเงิน

วิธีการเผาเงินที่ดีที่สุด แบบไม่ให้เกิด PM 2.5 นั่นคือ การตัดราคา

ไม่ใช่ตัดนิดๆ หน่อยๆ

แต่ตัดราคาแบบเห็นหน้าเห็นหลังเลย

ผู้บริโภคเห็นราคาแล้วตัดสินใจง่าย

อย่างเช่นตอนนี้

ค่าจัดส่งอาหาร 10 บาท

แบบนี้สั่งก๋วยเตี๋ยวถุงเดียวก็คุ้มแล้ว

“เจ้าตลาด” เจอตัดราคาแบบนี้ก็เผาเงินสู้

ลดราคาลงมาชน

ผมนึกถึงมวยเด็ด 7 สี

คู่ไหนที่แลกหมัดกันแบบไม่มีใครยอมใคร

คนพากย์จะพากย์แบบยุยงปลุกปั่นมาก

“ใส่กันเข้าไป อย่าหยุด ใส่กันเข้าไป…”

สมรภูมิอาหารเดลิเวอรี่ก็แบบนี้เลยครับ

การซื้อของออนไลน์ถือเป็นธุรกิจคนขี้เกียจอย่างแท้จริง

นั่งอยู่หน้าจอ

เดี๋ยวของก็ส่งมาถึงบ้าน

ที่สำคัญ สินค้าส่วนใหญ่ราคาถูกกว่าที่ขายในร้าน

เพราะไม่มีต้นทุนเรื่องค่าเช่าพื้นที่และพนักงาน

หนุ่มสาวสมัยนี้จึงมักจะเช็กราคาจากออนไลน์ก่อนไปเดินร้าน

ดูว่าที่ไหนขายถูกกว่ากัน

“โรงแรม” เจอแบบนี้มาก่อนแล้ว

สมัยก่อนจะจองโรงแรม เราจะโทร.ไปจองหรือวอล์กอินเข้าไปที่โรงแรมเลย

แต่ตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะจองผ่านเว็บต่างๆ

เช่น อโกด้า บุ๊คกิ้ง ดอทคอม ฯลฯ

เว็บพวกนี้จะไปติดต่อโรงแรม คุยเรื่องราคาห้องและกินหัวคิว

ราคาจะถูกกว่าจองผ่านโรงแรม

ตอนแรกๆ ก็ดี แต่ตอนหลังพอเริ่มใหญ่ขึ้น

ค่าหัวคิวจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

ลูกค้าหนุ่ม-สาว เขาจะเช็กราคาอย่างละเอียด

บางทีไม่ได้จองไว้ล่วงหน้า

เขาจะเดินเข้าไปถามหน้าเคาน์เตอร์ว่าค่าห้องพักเท่าไร

แล้วเดินออกมาหน้าโรงแรม

กดมือถือเช็กราคาจากเว็บ

ถ้าในเว็บถูกกว่าก็จะจองผ่านเว็บ

แล้วเดินเข้าไปในโรงแรมใหม่อีกครั้ง

ด้วย “ราคาใหม่”

ตอนนี้ผมเริ่มสั่งซื้อของออนไลน์มากขึ้น

ข้อดีประการหนึ่ง คือ มีสินค้าแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอให้ร้านค้าเยอะมาก

ยิ่งเป็นของจีน จะมีอะไรที่เรานึกไม่ถึง

ถ้าไม่แพงมาก บางทีก็ลองสั่ง

เหมือนเล่น “เกมวัดดวง”

ตื่นเต้นและลุ้นดี

ล่าสุด ผมกำลังรีโนเวตบ้านก็เลยต้องซื้อของเข้าบ้าน

เจอโต๊ะตัวหนึ่งในเว็บสวยดี

แต่สั่งซื้อโต๊ะทางออนไลน์

ยังทำใจไม่ได้

ต้องขอไปลูบๆ คลำๆ ดูก่อน

วันรุ่งขึ้นแวะไปที่ร้านเฟอร์นิเจอร์ร้านนี้

พุ่งตรงไปที่โต๊ะตัวนี้เลย

โอเค ชอบ

พลิกดูป้ายราคา

เฮ้ย…ทำไมแพงกว่าในเว็บ

ถามน้องที่ขาย เธอก็ทำท่าเขินๆ บอกว่าสินค้าบางตัวก็แพงกว่า

แต่ถ้าพี่จะซื้อ หนูลดให้เท่ากับเว็บ

เป็นประสบการณ์แรกที่เจอ

สัปดาห์ต่อมา เจอข่าวเรื่องฝุ่น

PM 2.5 หนักมาก

กำลังจะซื้อเครื่องฟอกอากาศมาแทนเครื่องเก่า

ติดใจยี่ห้อ Mi

ซื้อมาแล้วเครื่องหนึ่ง ใช้ดีมาก ราคาไม่สูงมากด้วย

เดินไปที่ศูนย์การค้าแถวบ้าน ที่นี่มีร้านที่ติดป้าย Mi

ขายแต่ยี่ห้อนี้

ผมซื้อเครื่องฟอกอากาศ Mi เครื่องแรกจากที่นี่

ถามน้องที่ขาย

เธอบอกว่าของหมดแล้ว จะมาอีกทีก็หลังตรุษจีนเลย

ถามราคา

“5,990 บาทค่ะ”

เป็นรุ่น 2H

กลับมาบ้าน เปิดไอแพดค้นดูเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้

ราคาของร้านออนไลน์ต่างๆ ก็โผล่ขึ้นมาโชว์ทันที

เจอ “เพาเวอร์ บาย”

4,590

เรียบร้อยครับ

นึกชมตัวเองในใจ

ฉลาดจริงๆ

เกือบเสียค่าโง่ให้ที่ร้านแล้ว

นึกถึงคำเตือนของการช้อปปิ้งยุคนี้ขึ้นมา

…ก่อนจะซื้อของจากร้านให้เช็กราคาออนไลน์ก่อน

สั่งซื้อออนไลน์เสร็จ

ระหว่างที่นั่งดูเฟซบุ๊ก โฆษณาขายเครื่องฟอกอากาศก็โผล่ขึ้นมาเป็นระยะ

นึกด่า “มาร์ก” ในใจ

เอ็งคิดว่าคนที่เพิ่งซื้อเครื่องฟอกอากาศไป วันนี้เขาจะซื้ออีกเครื่องเหรอ

โง่จริงๆ

แต่ถ้าโง่แบบนี้แล้วรวย ขอโง่บ้างสิ

ด่า “มาร์ก” ไปก็คลิกดูตาม

เฮ้ย มีอีกเจ้าหนึ่งขึ้นมา

4,090

จ๊าก!!!

ลืมคำเตือนอีกข้อหนึ่ง

1. ก่อนจะซื้อของจากร้านให้เช็กราคาออนไลน์ก่อน

2. ถ้าซื้อแล้วห้ามเช็กราคาออนไลน์อีก

จากที่ฉลาด เริ่มรู้สึกว่าโง่ทันที

ตื่นเช้าขึ้นมา เปิดเฟซบุ๊กดูข่าว

“เพาเวอร์ บาย” เจ้าเก่าขึ้นมาอีก

ของชิ้นเดิม

แต่ราคาเปลี่ยนไป

3,088

ถูกกว่าที่ซื้อไปประมาณ 1,500 บาท

เฮ้ย เอ็งจะลดราคาก็ไม่ควรจะลดฮวบขนาดนี้

และไม่ควรจะลดวันรุ่งขึ้น

จากที่รู้สึกว่าไม่ค่อยฉลาด

ตอนนี้นับเซลล์สมองใหม่

ลดเหลือ 84,000 เซลล์แล้วครับ

ไม่รู้จะทำอย่างไร

เพราะซื้อไปแล้ว

เมื่อลด “รายจ่าย” ไม่ได้

เราก็ต้องเพิ่ม “รายได้” ขึ้นมาทดแทน

นั่นคือ เหตุผลที่ผมเขียนเรื่องนี้ครับ