เธอ

พิชัย แก้ววิชิต

เธอ

 

“ความรักบนรอยราง”

ยี่สิบกว่าปีก่อนหน้านี้ กับความเดิมชีวิตที่ยังไม่ลบเลือนของเด็กสาววัย 18 เรื่องราว “ความรักและความหวัง” ที่ทอดยาวออกไปกับรางรถไฟสายศรีสะเกษ-กรุงเทพฯ ในวันที่เธอตัดสินใจเลือกชะตาให้กับตัวเอง

ราว 18.40 น. ถึงเวลาแล้วกับการเดินทางครั้งสำคัญ สิ้นเสียงระฆังจากชานชาลา ขบวนล้อเหล็กค่อยๆ เคลื่อนขยับออกจากสถานีบ้านเกิดเมืองนอน เธอโดยสารรถไฟชั้น 3 กับเงินที่เหลือติดตัวร้อยกว่าบาท เพียงแค่นี้ก็พอแล้วที่นำพาความหวัง ที่ยังพอจะมีเหลืออยู่บ้างในชีวิต ให้มุ่งหน้าไปยังสถานีปลายทาง ที่มีชื่อว่า “หัวลำโพง” ที่ๆ เป็นจุดนัดพบของชีวิต กับก้าวเล็กๆ ที่จะเดินต่อไปกับคนที่เธอรัก ชายหนุ่มที่จะรอเธออยู่ ณ สถานีปลายทางแห่งความฝัน

เด็กสาวออกเดินทางโดยลำพัง ไปพร้อมกับผู้คนที่ไม่รู้จักอยู่เต็มตู้ขบวน แม้จะกังวลอยู่บ้าง แต่มันคงไม่มีอะไรจะแย่ได้เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ กับช่วงชีวิตในก่อนหน้า เบาะนั่งหลังตรง 90 องศา กับเวลาร่วม 9 ชั่วโมง

ทำให้เธอมีเวลามากพอจะคิดทบทวนเรื่องราวที่ยากจะลืมลง

 

“หัวใจร้าวรานไปกับครอบครัวที่แตกแยก” ครอบครัวอันอบอุ่นพังทลายหายไป ราวกับความฝันที่ไม่เคยมีอยู่จริง เรื่องราวเสียๆ ที่ไม่อาจซ่อม พ่อและแม่ต่างแยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่ พี่สาวเพียงคนเดียวก็ตกลงปลงใจแต่งงานแยกไปมีครอบครัวของตัวเองอีกราย คำติฉินนินทาของคนในหมู่บ้านทำให้เธอละทิ้งสังคมที่เคยอยู่

เธอควรจะไปอยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯ แต่เธอก็ไม่ค่อยชอบพ่อใหม่สักเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องยากที่จะต้องใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ที่เธอไม่คุ้นชิน เธอจึงเลือกใช้ชีวิตที่เหลือ กับความหวังเล็กๆ ที่แสนจะเลือนราง กับการเป็นที่รักของใครสักคน และสร้างครอบครัวของตัวเองขึ้นมาใหม่ ทดแทนสิ่งที่มันได้พังทลายลงไป

เด็กสาวสู้กับชีวิตด้วยไร้เดียงสา แม้ความรักมักจะมีความเสี่ยง และอาจจะแย่ยิ่งกว่ากับประวัติศาสตร์ที่อาจจะซ้ำรอยเติม และสร้างบาดแผลกับความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้กับโชคชะตาของเธอ “เด็กสาววัย 18 กับครอบครัวที่หายไป”

สายลมเย็นจากขอบหน้าต่างพัดผ่านใบหน้าของเธอ ราวกับจะช่วยปลอบประโลมให้หายร้อนใจ เสียงแห่งการเดินทางขับเคลื่อนบนรางเหล็กที่ทอดยาวออกไปอย่างเป็นจังหวะ และสม่ำเสมอ ทำลายความเงียบงันในหัวใจ ไปตลอดเส้นทาง

04.10 น. โดยประมาณ ขบวนรถไฟจากสายอีสานใต้ ก็มาถึงสถานรถไฟหัวลำโพง ผู้โดยสารนับร้อยค่อยๆ ทยอยพากันก้าวลงจากขบวน ใครบางคนอุ้มลูกจูงหลาน หลายคนแบกกระสอบข้าวสารและของกินพื้นบ้าน เสบียงยังชีพในเมืองหลวง

เพื่อประหยัดค่าใช่จ่ายให้พ้นพอเดือน

เด็กสาวออกเดินทางโดยลำพัง ไปพร้อมกับผู้คนที่ไม่รู้จักอยู่เต็มตู้ขบวน แม้จะกังวลอยู่บ้าง แต่มันคงไม่มีอะไรจะแย่ได้เท่ากับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ กับช่วงชีวิตในก่อนหน้า เบาะนั่งหลังตรง 90 องศา กับเวลาร่วม 9 ชั่วโมง ทำให้เธอมีเวลามากพอจะคิดทบทวนเรื่องราวที่ยากจะลืมลง / เทคนิค : F.8 1/640s ISO200 / สถานที่ : สถานีรถไปหัวลำโพง

ชายหนุ่มมาตามนัด ชะเง้อมองหาอยู่สักพัก แต่ก็ยังไม่เห็นเธอที่นัดไว้ “หรือไม่ใช่รถไฟขบวนนี้”

ไม่ทันที่จะได้คำตอบ มีใครบางคนสะกิดที่หัวไหล่ข้างซ้ายเบาๆ และเมื่อหันไปหา ก็ได้เห็น “รอยยิ้มกว้างจริงใจกับแววตาที่เป็นประกาย”

นี่ละเธอ! ที่มาพร้อมกับข้าวสารอีกหนึ่งกระสอบ!

เด็กสาวไร้เดียงสากับชายหนุ่มผู้อ่อนต่อโลก ความรักของเขาและเธอ จะยืนระยะกันได้นานแค่ไหน บนโลกที่ไว้ใจไม่ค่อยจะได้นี้ เรื่องเล่าไม่มีตอนต่อให้ตามติด คงมีคำถามอยู่บ้างกับกับชีวิตความเป็นอยู่ที่ผ่านแล้วยี่สิบกว่าปีของเด็กสาววัย 18

ถึงตอนนี้เด็กสาว “โตพอที่จะเป็นผู้ใหญ่” รู้จักกับการ “ให้อภัยกับสิ่งที่ไม่อาจลบเลือน” เธออยู่กับปัจจุบัน ขับเคลื่อนขบวนชีวิตไปกับลูกๆ ทั้งสามและสามีของเธอ ชายหนุ่มคนเดิมกับครอบครัวใหม่ที่ร่วมกันสร้างขึ้น ในวันที่ “ขบวนรถไฟแห่งความรักและความหวังเดินทางมาถึง” พร้อมข้าวสารอีกหนึ่งกระสอบ

ขอบคุณมากมายครับ •

 

เอกภาพ | พิชัย แก้ววิชิต