กระบวนท่าอัน “ดีเอสไอ” ออกมาระบุเงื่อนงำภายใน “บัญชีธนาคาร” ของพระที่ถูกจับกุมจากคลองสอง

น่าติดตาม

น่าติดตามเพราะมีการระบุจำนวนเงินมากกว่า 10 ล้านบาทและทะยานไปสู่ 13 ล้านบาทเท่านั้น

หากแต่ “บัญชี” มี “การเคลื่อนไหว”

ขณะเดียวกัน เป็นการจับกุมจากพื้นที่ตลาดป้าเช็ง หมู่ 7 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง

ทำให้”หมายเรียก”ส่งตรงไปยัง”ป้าเช็ง”

ยิ่งกว่านั้น ในแถลงเดียวกันของ “ดีเอสไอ”ยังระบุไปยัง”สห กรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น”

คล้ายกับได้เข้ามามี “ส่วนร่วม”ในการเคลื่อนไหว

บทบาทของพระไม่ว่าที่”ตลาดกลาง”คลองหลวง ไม่ว่าที่”ตลาดป้าเช็ง”คลองสอง จึงได้รับความสนใจ

สนใจไปยัง “เบื้องหลัง”

 

หากพิจารณาจากรายละเอียดการแถลงล่าสุดของ”ดีเอสไอ”ก็พอจะจับ “น้ำเสียง”ได้

1 จำนวนเงินในบัญชี 10-13 ล้านบาท

1 “คนเคลื่อนไหวรับผลประโยชน์ มีเงินทุนสนับสนุนส่วนหนึ่งจากสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น

“ต่อสู้เพราะขัดผลประโยชน์ของตัวเอง”

การรุกอย่างต่อเนื่องของ “ดีเอสไอ” จึงรุกไปยังเจ้าของพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นตลาดกลาง ไม่ว่าจะเป็นตลาดป้าเช็ง

ล้วนได้รับ”หมายเรียก”อย่างถ้วนหน้า

เป้าหมายจึงมิได้อยู่ที่ว่าจะค้นหาแหล่ง”เงินทุน”ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว

หากแต่ยังเป็นการตัดแขนขาของ”มวลชน”

ขณะเดียวกัน ก็เสนอความรู้สึกในบทสรุปที่ว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นนับแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ เป็นต้นมา

เข้าไปอยู่ในแถวเดียวกับ “ม็อบรับจ้าง”

 

ในการชุมนุมของ “เสื้อแดง” ไม่ว่าเดือนเมษายน 2552ไม่ว่าเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553 อาจไม่ยาก

ไม่ยากที่จะติดตรา “ม็อบรับจ้าง” ให้

เพราะว่าส่วนใหญ่ของมวลชนมาจากต่างจังหวัดและเรียกขานกันว่า “รากหญ้า”

สัมพันธ์กับ “พรรคการเมือง” อย่างแจ้งชัด

แต่กับกรณีของ “วัดพระธรรมกาย” มากด้วยความละเอียดอ่อน มากด้วยความอ่อนไหว

จำนวนหนึ่งเป็น “ชาวบ้าน” ทั้งในเมืองและชนบท

จำนวนหนึ่งเป็น “คนชั้นกลาง” อยู่ในอาภรณ์สอาดสะอ้าน เดินทางเข้าร่วมด้วย”รถยนต์”

และจำนวนไม่น้อยเป็น”พระ เณร”

การจะโยนข้อกล่าวหาว่าเป็น”ม็อบรับจ้าง”ให้กับมวลชนเหล่านี้จึงไม่ง่ายเท่าใดนัก